ใกล้จะถึงงานวิวาห์เข้ามาทุกที งานนี้ว่าที่เจ้าสาวคนสวย จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา ก็ดูสวยออร่ารัศมีความเป็นเจ้าสาวเปล่งประกาย และเมื่อเจอสาวจุ๋ยที่มาร่วมงานแกรนด์ โอเพ่นนิ่ง me vio young ที่ลานกิจกรรม เอาเทรียม 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เลยไม่พลาดที่จะอัพเดตเรื่องความคืบหน้าของงานแต่ง ซึ่งงานนี้เจ้าตัวเผยว่า
เรื่องเตรียมงานตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว เรียบร้อยหมดหรือยัง?
“ตอนนี้ก็ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว ก็จะมีเรื่องของดอกไม้ อาหารคาวหวาน ที่ต้องทำในวันนั้น ต้องไปดูสถานที่ก่อนในวันงาน หนึ่งวันล่วงหน้าแค่นั้นเอง นอกนั้นก็ทำงาน (หัวเราะ)”
ตื่นเต้นไหม?
“ตอนแรกไม่ตื่นเต้นนะ เราก็ออกอีเวนต์บ่อย งานก็คงจะมีคนเยอะๆ คล้ายๆ อีเวนต์ พอเอาเข้าจริงๆ มันมีอะไรมากกว่านั้น มีผู้ใหญ่ที่เรานับถือหลายๆ ท่าน มีคนที่เรารัก และเราก็รู้สึกว่า ในวันนั้นสถานที่ของเรา ที่เล็กน้อยๆ จะสามารถรองรับทุกคนได้ไหม”
ตอนนี้มีอะไรที่ยังกังวลอีกไหม?
“เรื่องแจกการ์ด อย่างที่บอกว่าจุ๋ยทำงาน ยังถ่ายละคร ยังถ่ายรายการ ยังมีอีเวนต์ ถ่ายโฆษณา ก็ยังรับอยู่ (หัวเราะ) ดังนั้นเวลาก็เลยไม่มีวันที่จะปลีกตัวไปแจกได้ครบถ้วน นี่ก็ยังเหลืออีกส่วนหนึ่งค่ะ”
พุฒ-จุ๋ย ยังออกงานเยอะเป็นพิเศษ?
“ต้องขอบคุณลูกค้ามากเลย ที่มาช่วยเรื่องกระเบื้อง เสา การตกแต่งภายใน ก็เริ่มมีเฟอร์นิเจอร์แล้ว (หัวเราะ) ช่วยกันเมกมันนี่”
เยอะกว่าปกติ ที่ผ่านมาไหม?
“ก็แปลกนะ ตอนแรกรู้สึกว่าพอเราจะสละโสด ก็เหมือนความนิยม ว่าเราจะมีคู่อย่างเป็นทางการ แต่กลายเป็นว่า เป็นผลดีมากๆ ที่ว่าเราจะแต่งงาน แล้วยิ่งใกล้วันแต่งงาน ก็ยังมีคนให้ความช่วยเหลือ มีคนจ้าง มีคนเห็นความรักของเรา แล้วนำไปทำสตอรี่อะไรบางอย่างได้ ก็รู้สึกดีใจมากๆ เป็นเกียรติมากๆ”
...
เพื่อนๆ ยื่นมือเข้ามาช่วยเยอะไหม?
“เพื่อนสนิทใช่ไหมคะ ก็มีมาช่วยอยู่แล้วค่ะ เขาก็บอกว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกมา ก็จะมีงานเล็กๆ น้อยๆ กระจายกันไป แต่ส่วนใหญ่จุ๋ยพยายามทำเองตั้งแต่แรกๆ เรื่องการ์ด ก็มานั่งแปะกันเอง ทำเองหมด ของชำร่วยก็ทำเองนะ หมายความว่าเรามีของชำร่วย แต่มันจะมีรายละเอียดบางอย่าง ที่ต้องให้มันเหมือนธีมงานของเรา
ของนักข่าวจุ๋ยก็ทำเองหมดนะทุกชิ้น ใช้มือตัวเองตัดแปะทุกอย่าง ถามว่ามีเวลาพักผ่อนไหม ก็มีบ้างแต่ไม่ได้เต็มที่ค่ะ อาจจะมีนอนน้อยบ้าง หรือว่าทำงานทุกวัน จากวันที่เราจะพักผ่อน อย่างวันอาทิตย์ เราก็ไม่ได้หยุดค่ะ”
จำนวนแขกเกินที่ตั้งเป้าไว้?
“จำนวนซองเกินที่เราตั้งเป้าไว้ ทีแรกกะไว้ประมาณ 300 แต่พอนึกไปมา มีหลายๆ คนที่อยู่ในชีวิตเรา ที่ทำงาน สำคัญกับเรา ก็แจกเผื่อไปกว่า 500 แล้วค่ะ”
ทำเองทุกอย่างกลายเป็นงานยักษ์ไปแล้ว?
“ไม่งานยักษ์ เรียบง่าย เลยทำเองไง ไม่จ้างใคร (หัวเราะ) ที่แจกไปเยอะก็เชื่อว่าจะมีบางท่านที่ติดธุระ เพราะเราจัดงานกลางวัน - เช้า เป็นวันศุกร์ด้วย เป็นวันทำงาน ไม่ใช่วันหยุด ปกติงานเลี้ยงเขาก็จะจัดกลางคืน ทุกคนก็ทำงานแล้วก็มา
ของจุ๋ย ผู้ใหญ่บางท่านติดประชุม อย่างไปเรียนเชิญพี่เบิร์ด (ธงไชย) พี่เขาก็บอกว่า วันนั้นเป็นวันคอนเสิร์ตวันแรกของพี่เลย และมีนักแสดงบางท่านติดงานต่างจังหวัด ก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าบางท่านมาไม่ได้ ก็อยู่ในจำนวนที่เรารับไหวน่า”
กลัวไหม?
“กลัว กลัวมาก กลัวเขายืนลำบาก เพราะสถานที่ เราเลือกเพราะว่าอยากจะจัดเล็กๆ แต่มันก็โอเวอร์ไซส์ขึ้นมานิดหนึ่งค่ะ”
เรือนหอตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เสร็จหรือยัง?
“ตอนแรกที่ตั้งใจทำกันก็กะว่า จะเสร็จพร้อมๆ งานแต่ง หรือเสร็จก่อนงานแต่ง แต่เรื่องของบ้านใครๆ ก็รู้ว่ามันบานปลาย และเวลามันขยายมากๆ กว่าแบบจะเสร็จ กว่าจะเลือกของ กว่าผู้รับเหมาจะตกลงกัน มันมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะ ทำให้ล่าช้ากว่าที่เราตั้งไว้ ก็คงจะเป็นปีหน้า ก็อยู่ที่ตรงอื่นที่เราเก็บตังค์ซื้อไว้ก่อน (หัวเราะ)”
แล้วจะอยู่ที่ไหนก่อน ไปอยู่บ้านใครก่อน?
“พอดีจุ๋ยซื้อคอนโดห้องหนึ่ง พุฒก็ซื้ออีกห้องหนึ่ง ติดกัน ในช่วงที่เรารอบ้านเสร็จก็คงจะอยู่ที่นี่ก่อนชั่วคราว เป็นที่ส่งตัวชั่วคราว (หัวเราะ)”
งบบานปลายขนาดไหน?
“บานเบอะค่ะ ตอนนี้เรารับงานกันไหวนะคะ เราสามารถรับงานได้ เพราะว่าเราสองคน เป็นคนทำงานกันตั้งแต่เด็ก ดูแลตัวเอง เราให้คุณพ่อคุณแม่หยุดทำงาน ดังนั้นสิ่งที่สร้างมา ก็เป็นน้ำพักน้ำแรง ที่เราภาคภูมิใจ
คือพุฒเขาออกเยอะมากๆ เราก็อยากช่วยในบางส่วน อะไรที่ทำมาแล้วช่วยกันได้ เพราะเป็นบ้านเราเอง ก็คงซื้ออะไรที่เราชอบ ของตกแต่งอะไรที่เราโดนใจ เราก็ช่วยกันออก”
คู่เราเหมือนใช้เงินกระเป๋าเดียวกัน?
“ถ้าเป็นงานแต่ง เป็นเงินพุฒคนเดียว เพราะว่าเขาก็รับผิดชอบ คือตั้งแต่เราตกลงว่าจะแต่งงานกัน พุฒเขาก็โอนเงินมาก้อนหนึ่ง ซึ่งเขาคิดว่ามันจะเหมาะสำหรับค่าใช้จ่ายในงานแต่งของเรามาไว้ที่บัญชีจุ๋ย เพื่อให้จุ๋ยเป็นคนทำจ่ายต่างๆ แต่เป็นเงินที่เขาได้ทำงานมา เพราะว่าเขาคิดว่าจะเป็นคนรับผิดชอบอยู่แล้ว”
...
หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร?
“หลังจากนี้เราก็คงต้องใช้เขาเหมือนเดิม (หัวเราะ) เราจะคุมบัญชีอย่างเต็มรูปแบบ แต่เราค่อยช่วยกัน เราให้เงินมันงอกเงย มีการออม มีการลงทุน เป็นคนที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว แต่ว่าโชคดีอย่างหนึ่ง
คือพุฒเป็นคนที่ใจๆ มาก เขาเป็นคนที่มีเงิน แล้วให้คนรอบข้าง ให้เรา ให้พ่อแม่ เขาไม่หวงเลย แต่พอเขาให้ตัวเองเขาจะรู้สึกว่าจะใช้ดีไหม มันแพงไปไหม เขาคิดเยอะ แต่พอเป็นคนที่เขารักอย่างพ่อแม่ อย่างเราเขาให้เต็มที่มาก”
แสดงว่าต่อไปรายได้พุฒจะตกมาอยู่ที่เรา?
“(หัวเราะ) เราช่วยกันเก็บออมมากกว่า เพื่ออนาคตทั้งของครอบครัวเราและลูกๆ ถ้าเรามีเบบี๋ค่ะ”
ถามเรื่องคุณตาของเรา ท่านเพิ่งเสียไป ได้มีโอกาสกลับไปกราบท่านก่อนที่ท่านจะเสียด้วย?
“คุณตาจุ๋ย ท่านอายุเยอะ 97 ปี แล้วเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ และคิดว่าน่าจะมาจากวัยชราด้วย ท่านใช้ร่างกายมาคุ้มแล้ว ทีนี้จุ๋ยโชคดี มีอีเวนต์ที่โคราชพอดี แล้วพุฒเขารู้ว่าคุณตาเข้าโรงพยาบาล เขาก็อยากไปด้วย ก็เลยได้ไปกราบคุณตาที่โรงพยาบาล ก็ได้เข้าไปเรียก “ตาจุ๋ยกับพุฒมานะ”
...
ตาเขาก็จะรับรู้ตลอด ความจำดี ไม่เป็นอัลไซเมอร์ เขาก็รู้ว่าหลานจะแต่งงานอยู่แล้ว เราก็กระซิบข้างหูว่า เราสองคนจะแต่งงาน อวยพรหน่อย อีกหนึ่งเดือนจะแต่ง ตาเขาก็เคาะหัว แล้วพยักหน้า รับรู้ทุกอย่าง เราก็ดีใจ ใจชื้นว่าท่านน่าจะกลับมาแข็งแรงอีก เราก็อยากให้ตาอายุ 100 ปีไปเลย เหมือนคุณย่าเรา แต่พอกลับมาได้แค่ 4 วัน ตาก็ไปแล้วค่ะ”
เสียดายไหม คุณตาไม่อยู่ในวันสำคัญของเรา?
“คือจริงๆ ในวันที่แต่ง จุ๋ยก็เชื่อว่าตาไม่น่าจะมาได้อยู่แล้ว เพราะว่าด้วยร่างกาย และเดินทางไกล เรื่องสุขภาพ แต่จุ๋ยคิดว่าตาเขาน่าจะเป็นช่วงที่สบายที่สุดค่ะ หลานๆ ก็คิดถึงนะ อย่างวันเผานี่ก็ร้องไห้กันเต็มที่ แต่สิ่งที่ตาทำให้พวกเรามันมากมาย ดูแลพวกเราดีมากๆ เป็นหัวหน้าครอบครัว
ดูแลคุณพ่อ คุณแม่ ของเรา ดูแลหลานๆ ดูแลญาติๆ ทุกคนอย่างดี ในทุกๆ ด้าน เราก็จะเก็บคำสอนในสิ่งที่ตาทำให้เรา เราก็มีความภูมิใจที่มีตาเป็นทหารผ่านศึกมาด้วย เคยถูกยิง ทำหน้าที่รับใช้ชาติ เป็นความภูมิใจที่สุดของครอบครัวแล้วค่ะ”
นี่เลยเป็นสาเหตุที่ไปพม่า เพื่อไปขอลูกหรือเปล่า?
“ไปพม่า ไม่เกี่ยว เป็นธุรกิจของตัวเอง มีตัวแทนอยู่ที่พม่า ก็เลยจัดงานใหญ่ที่พม่า เราก็เลยไป แล้วพุฒเขาเป็นคนที่ชาวพม่าชื่นชอบมากๆ ไปทุกที่มีคนจำพุฒได้หมดเลย เพราะเขาดูละครแหวนดอกไม้
เขาคลั่งมาก เราก็เลยพาไปเซอร์ไพรส์ เขาก็ให้พุฒร้องเพลงแหวนดอกไม้ด้วยนะ ที่โน้นเขาบอกว่ามี มาริโอ้ กับพุฒ ที่เป็นดาราไทยที่เขาชื่นชอบ เราก็ดีใจมากๆ ที่งานเราไปสู่ต่างประเทศ”
ไม่ได้ไปเพื่อมูเตลูอะไรใชไหม?
“แล้วเขาบอกว่า ที่มัณฑะเลย์มีวัดหนึ่งที่เราควรจะไป เป็นหนึ่งในห้า ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พม่า คือ พระมหามัยมุนี และต้องตื่นตีสาม เพื่อไปทำพิธีล้างพระพักตร์ ตอนตีสี่ แล้วพาร์ตเนอร์ที่พม่า เขาจัดงานเหมือนพรีเวดดิ้งให้เรา เป็นปาร์ตี้เล็กๆ เราก็นอนกันดึก แต่เราก็อยากไป เพราะเขาว่ากันว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ เราก็อยากไปเคารพ ไปกราบไปไหว้
...
แต่ก็เป็นอะไรที่ดีมากเลยนะ ได้ตื่นแต่เช้าแต่ไม่ง่วงเลย อยากแนะนำถ้าใครได้ไปเที่ยวบ้านใกล้เรือนเคียง มัณฑะเลย์ก็สวยงาม และมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์น่าสักการะค่ะ”