บททีเด็ดทีขาด มวลมหาประชาเน็ตก็วางเฉดสีไว้ชั่วคราว หันมารวมพลังรุม “จัดหนัก” คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ที่เหิมเกริมไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ร้องเรียนขอจัดระเบียบการตีระฆังของวัดย่านพระราม 3

ทีวีทุกช่อง สกู๊ปข่าวทุกสาย หันมาเป็นพี่เลี้ยงโซเชียลมีเดีย นำประวัติของวัด ความเป็นมากว่า 300 ปี ยกมาเปรียบเทียบคอนโดแบเบาะอายุ 4 ปีแห่งนั้น

นี่ถ้าไม่ได้โลกโซเชียลตีแผ่นำหนังสือราชการเตือนและจัดระเบียบของสำนักงานเขตที่มีไปถึงวัด คงตีกินสบายๆ

แม้ตอนหลังเมื่อกระแสแรงขึ้น ฝ่ายราชการจะถอยกรูดๆว่าขอความร่วมมือเท่านั้น

แต่ถ้อยคำลงท้ายในหนังสือว่า โปรดพิจารณาดำเนินการ ความหมายก็คือ ให้ทำตามหนังสือที่ขอมานั่นเอง...

น้ำผึ้งหยดเดียวหยดนี้ไม่ได้กระเทือนแค่สำนักงานเขตต้นเรื่อง แต่ลามปามไปถึงระดับ กทม. สะเทือนเลือนลั่นไปถึงรัฐบาล

เพราะนี่เป็นครั้งแรกของประเทศนี้ ที่ราชการมีหนังสือไปถึงวัดในพุทธศาสนา ให้งดเว้นกิจพิธีหลักของสงฆ์ นั่นคือการตีระฆัง

ถ้าห้ามวัดไม่ให้ตีระฆัง คำว่าหอระฆัง คงไม่มีคู่วัดหรอกกระมัง!!

จะเห็นได้ว่า...โซเชียลมีเดีย คือพลังที่รุนแรงจริงๆ ถ้าเปิดประเด็นออกมา และโดนใจมหาชนแล้ว อะไรก็ขวางไม่อยู่ เป็นอุทาหรณ์ต่อพวกลักไก่ตีกินทั้งหลาย

คำว่าตาวิเศษเห็นนะ กลับมาฮอตฮิตอีกครั้งในชั่วโมงนี้

แต่น่าเสียดายที่ยังมีพระบางรูปเป็นนักโซเชียลชื่อดัง และเป็นดาราหน้าจอของรายการเล่าข่าววิเคราะห์ข่าวหลายรายการ

ออกความเห็นว่า ยุคสมัยเปลี่ยนไป กิจกรรมของวัดบางอย่างก็ต้องเปลี่ยน

ท่านจะเอาใจนักธุรกิจหรือใครเราไม่รู้ แต่กิจกรรมของศาสนานั้นเป็นความเชื่อ ไม่จำต้องผกผันไปตามความเปลี่ยนแปลงของวัตถุดอกครับ

และประชาชนส่วนใหญ่ของสังคมนี้ ไม่มีใครคิดกระแดะยกเลิกการตีระฆังของแต่ละวัดแต่ประการใด...

...

การตีระฆังของทุกวัดมีความหมายครับ คือการเตือนและปลุกสมาชิกในสังคมให้ทราบว่า ใกล้จะก้าวสู่วันใหม่แล้ว จงเตรียมพร้อมดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาทเถิด

ทำจิตให้สงบในเวลาที่ยังมีในตอนรุ่งสาง จะได้มีทั้งพลังใจและพลังกาย

ในการต่อสู้กับชีวิตที่อลหม่านอีกทั้งวัน...!!

“สันติพงษ์ นาคประดา”

แจ๋วริมจอ
jaewrimjor@gmail.com