นักร้องชื่อดัง มัม ลาโคนิค อัพเดตสภาพร่างกายหลังจากที่ป่วยหนักจนถูกหามส่งโรงพยาบาล ว่าตอนนี้อาการเป็นอย่างไร ซึ่งเจ้าตัวก็เปิดเผยแบบหมดเปลือกที่งาน Be My Guest The Alzheimer Comedy Concert ว่า นอกจากร่างกายจะดีแล้ว สภาพจิตใจก็แฮปปี้ไปด้วยเพราะตัดขาดผู้ชาย
เตรียมพร้อมมากสำหรับขึ้นคอนเสิร์ต?
“เป็นเรื่องธรรมดาเวลาจะมีคอนเสิร์ตครั้งหนึ่ง เราต้องฟิตร่างกายอยู่แล้วทุกครั้ง เดี๋ยวนี้ฟิตร่างกายร้อยเปอร์เซ็นต์มากเพราะเราทำถูกต้อง ถูกท่าทุกอย่าง เพราะเราเข้าฟิตเนส เรามีเทรนเนอร์ส่วนตัวซึ่งหล่อมาก เราใช้เวลาเป็นปีในการฟิตร่างกาย เพราะมันเป็นคอนเสิร์ตปลายปี เราก็เริ่มฟิตมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว พร้อมมาก”
ตอนนี้สุขภาพร่างกายเป็นยังไงบ้าง?
“กระฉับกระเฉงคล่องแคล่วว่องไว ไม่อืดอาดยืดยาดเหมือนแต่ก่อน ไม่มีอาการอะไรเลย ทุกอย่างเพอร์เฟกต์มากเหมือนคนเพิ่งเกิดใหม่”
เหมือนได้ชีวิตใหม่กลับคืนมา?
“มันเหมือนกับเราไปศัลยกรรมจิตใจ ศัลยกรรมร่างกายภายในใหม่หมด มันเห็นผลจริงๆ ได้กับตัวเราเองจริงๆ การที่เรากลับมาคิดได้ คิดทัน ยังทันอยู่ มีวินัยในตัวเอง อยู่ที่ใจอย่างเดียว ใจเรารักดี คิดดี หวังดีกับตัวเอง แล้วทุกอย่างมันจะเห็นผลกับตัวเราเองหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องสุขภาพ เราต้องควบคุมอาหารการกินทุกอย่างหมดเลย”
นอกจากควบคุมอาหาร ออกกำลังกายแล้ว เราไปทำอะไรมาบ้าง?
“พอว่างจากการเข้าฟิตเนส ก็ได้ไปทำงานจิตอาสา งานทำบุญ งานการกุศลไปหมดเลย ไปจนกระทั่งได้ไปเป็นลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์เอกชัย ศิริญาโณ วัดใหม่ศรีร่มเย็น ที่เชียงของ จ.เชียงราย ช่วยงานทางด้านสังคม
...
พระอาจารย์บอกว่าการทำอะไรอย่ารีรอ ลงมือทำเลย เราต้องให้คนอื่นก่อน ก่อนที่เราจะได้สิ่งนั้นตอบแทน เรามีธรรมะหล่อหลอมใจด้วย มีสติตลอดเวลา เราก็ต้องพึ่งสิ่งนี้ด้วยในการดำรงชีวิต เอามาปรับใช้กับการทำงานก็ได้ ธรรมะเป็นสิ่งที่ค้ำจุนจิตใจจริงๆ ดีขึ้นทุกอย่างเลย”
ร่างกายแข็งแรงขึ้น ปีนี้กลับมาทำงานมากขึ้น?
“ตอนนี้ก็มีคอนเสิร์ตซ้อนๆ กันอยู่ เพิ่งโปรโมตไปมี ขุ่นแม่ขอร้อง กับคุณต้อม ไกรวิทย์ ที่ศาลาเฉลิมกรุง วันที่ 7 ต.ค. นี้แล้ว ส่วนวันนี้อีกงานหนึ่ง แถลงข่าว Be My Guest ดิ อัลไซเมอร์ คอมเมดี้ คอนเสิร์ต
ส่วนงานอีเวนต์ร้องเพลงมีอยู่แล้วเป็นประจำ สนุกมากกับการที่มีงานทำ ทำให้เราลืมเรื่องความรักไปเลย เราไม่สนใจเรื่องผู้ชายอีกต่อไปแล้ว งานและเงินเท่านั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ เรามีความสุขกับชีวิตมากตอนนี้”
ทำไมถึงปล่อยวางเรื่องความรัก ผู้ชายไม่สำคัญแล้ว?
“ไม่สำคัญสำหรับเรา เพราะเรามีทวิตเตอร์ (หัวเราะ) เพราะมันเจ็บมาเยอะ เสียมาเยอะ ทั้งสองอย่างเลย มันไม่เคยสมหวังเลย”
ย้อนกลับไปที่บอกว่าเสียมาเยอะรวมแล้วเท่าไหร่?
“ย้อนกลับไปทุกคนเลยนะที่จ่ายไป เปย์ไป 10 ล้านได้ บางคนได้มาก บางคนได้น้อยก็ช่างมัน ตายไปหมดแล้ว ตอนนี้ไม่เสียดายแล้ว เพราะใกล้จะเกษียณแล้ว อายุมากแล้ว ก็ปลงๆ ปล่อยวาง คิดเสียว่ามันเป็นกรรมเก่าของเราไปแล้วกัน เราได้ใช้กรรม”
ถ้ามีผู้ชายเข้ามา เราไม่มองเลยเหรอ?
“คือมอง แค่ชั่วคราวได้ แต่ไม่มองเป็นระยะยาว เราไม่อยากมีความรักเป็นคู่ผัวตัวเมีย หรือต้องมาเป็นแฟนตัวติดกันตลอดเวลา ไม่เอาแล้วค่ะ แค่ชั่วโมงเดียวก็พอ”
วางแผนอนาคตไว้แล้วว่าจะอยู่คนเดียว?
“มันไม่ใช่อนาคต ชีวิตนี้คิดว่าอยู่คนเดียวแน่นอน แก่ไปพี่ก็ไปซื้อที่ทางแถวภาคเหนือเชียงใหม่ ซื้อบ้านพักต่างอากาศไว้ มีแพลนไว้กับพวกญาติพี่น้องด้วยกัน
ทุกคนคุยกันแล้วว่าจะไม่มีการปล่อยใครไปอยู่บ้านพักคนชราเป็นอันขาด เราก็จะอยู่กับพี่น้อง ซึ่งเรามีแค่ 3 คนเอง คุณแม่ก็แก่มากแล้ว ก็ดูแลกันไป บั้นปลายชีวิตก็จะใช้ชีวิตที่ภาคเหนือ พี่ตั้ม (สมประสงค์) ชวนด้วย”
เพราะอะไรที่ทำให้เราปล่อยวางได้ขนาดนี้?
“ประสบการณ์ตรงของชีวิตที่เราเจอมาตลอดครึ่งชีวิตที่ผ่านมา มันมากมายเหลือเกินที่เราผ่านมาในวงการ และการเติบโตมาเป็นมนุษย์ในโลกนี้ เราผ่านมาหมดทุกอย่าง ทุกรสชาติจริงๆ อีกสามปี จะ 60 แล้ว มันก็ถึงวัย วัยมันกลับ อะไรที่เราไม่คิดจะทำก็ทำ ใครไม่เคยเข้าวัดก็เข้า”
ชีวิตเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ณ วันนี้ยังอยากทำอะไรอีกในชีวิต?
“อยากทำตัวเองให้ดีๆ และให้แข็งแรงมากขึ้นไปอีก และทำผลงานดีๆ ตราบที่ยังมีลมหายใจอยู่”
ล่าสุดไปเช็กร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง?
“ตรวจสุขภาพปีละสองครั้ง ทุก 6 เดือน สุขภาพเพอร์เฟกต์ เลือดผ่าน ความดันผ่าน ไตดีมาก น้ำท่วมปอดไม่มีอีกแล้วเพราะว่าไตทำงานดี นิ่วในถุงน้ำดีที่เคยมีปัญหาก็เอาออกหมดแล้วเรียบร้อย ทุกอย่างเพอร์เฟกต์มาก ผู้ชายไม่ต้องมายุ่ง ฉันรักตัวเอง ฉันอยากอยู่คนเดียว”
...
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ได้ชีวิตใหม่กลับมาอีกครั้ง?
“ตัวเองนี่แหละค่ะ การให้สติ การรักตัวเองใส่ใจตัวเอง อยู่ที่ใจ คิดดี ทำสิ่งดี มีระเบียบวินัย ทานข้าวเป็นเวลา ควบคุมอาหาร นอนเป็นเวลา ออกกำลังกายซึ่งไม่เคยทำมาก่อนเลยก็มาทำ ยังไม่สายเกินไปค่ะ”