เรียกว่าชีวิตเจอมรสุมลูกโต ทำเอาชีวิตในวงการบันเทิงเกือบดับวูบ สำหรับนักแสดงหนุ่ม กัปตัน ชลธร คงยิ่งยง กับเรื่องราวที่โด่งดังและฉาวโฉ่ เมื่ออดีตแฟนสาวออกมาป่าวประกาศว่าตั้งท้องด้วย ก่อนจะบอกว่าแท้ง และยอมรับสารภาพว่าแต่งเรื่องขึ้นเพราะรักฝ่ายชายมาก
ซึ่งในช่วงชีวิตที่เรื่องราวยังไม่กระจ่าง ชีวิตที่กำลังเป็นขาขึ้นของหนุ่มกัปตันต้องหยุดชะงักไป ด้วยข่าวที่ค่อนข้างแรง แต่ในวันนี้เรื่องราวทุกอย่างคลี่คลายไปหมดแล้ว และได้มีโอกาสได้เจอหนุ่มกัปตัน ที่งาน one สนั่นจอ กันยายน จึงได้พูดคุยสอบถามเรื่องราวในช่วงที่ผ่านมาว่าชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง หนุ่มกัปตันได้เปิดเผยว่า
พี่ย้ง ให้สัมภาษณ์ตอนที่มีเรื่อง กัปตันมากองเหมือนมาแต่ร่าง วิญญาณยังอยู่บ้าน?
“มันก็มีบ้าง แต่เวลาเข้าซีนก็ต้องเรียกสติกลับมา ไม่งั้นก็โดนพี่ย้งด่าอยู่ดี (หัวเราะ) ถามว่าตอนนั้นเราแบ่งแยกอย่างไร เราคงไปโลดแล่นอยู่ในละครมั้ง แล้วก็ทิ้งตัวจริงไว้ข้างนอก มันก็ช่วยได้เยอะ เหมือนเราทิ้งชีวิตจริงไว้ช่วงนึง แล้วไปอยู่ในละครช่วงนึง แล้วค่อยกลับมาเข้าชีวิตจริง”
...
หลังจากผ่านมรสุมชีวิตมา ละครออนแอร์ได้รับฟีดแบ็กอย่างไร?
“ผมก็ดูฟีดแบ็กบ้าง แค่รู้สึกว่าเวลาเขาชมหรือติในการทำงาน จริงๆ ค่อนข้างพอใจกับชิ้นงาน ส่วนฟีดแบ็กก็ได้รับหลายเสียงมีทั้งติบ้าง ชมบ้าง ผมคิดว่ามันเป็นผลงานที่ดีชิ้นนึงเลย แค่นี้ก็มีแรงในการทำงานต่อ เราก็ดูข้อผิดพลาดและแก้ตรงนั้น แล้วก็ค่อยไปต่อ
ยอมรับว่ามันก็มีกลัวบ้าง คือเรามาอยู่ในโปรเจกต์แล้ว แล้วมีพี่ๆ ทีมงานเป็นสิบยี่สิบคน เราพลาดไม่ได้ เราต้องตั้งใจ ถ้าทุกคนตั้งใจผมเชื่อว่ามันจะส่งผล และยกระดับละครเรื่องนี้มากขึ้น
ทุกคนก็เป็นกำลังใจให้ เราถอยหลังไม่ได้แล้ว เราต้องเดินหน้าเท่านั้น ต้องโฟกัสและทำให้ดีที่สุดครับ”
กัปตันรู้สึกอย่างไรบ้าง กว่าจะดังต้องมีอุปสรรคตลอด?
“คงเป็นเรื่องของชีวิต ชีวิตทุกคนต้องมีเรื่องอะไรเข้ามา เพียงแต่เราจะข้ามผ่านมัน หรือมีวิธีรับปัญหากับมันอย่างไร ทุกอย่างที่เข้ามาถึงมันมีอะไรร้ายๆ แต่ผมเชื่อว่าทุกปัญหามันมีเรื่องดีๆ ซ่อนอยู่ ถ้าเกิดเราข้ามผ่านมันไปได้ ทุกคนมันจะโตขึ้นและน่าจะมีอะไรหลายๆ อย่างสำหรับตัวเองที่มันเปลี่ยนไปด้วย”
ณ วันนั้นมันเป็นเรื่องร้ายๆ เรามองตรงไหนว่ามันจะมีเรื่องดีๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเอง?
“ผมแค่รู้สึกว่า ผมมีคนที่เป็นกำลังใจคนที่คอยอยู่กับเราเยอะอยู่เหมือนกัน เขาไม่ทิ้งเรา เขาไม่ได้ทำร้ายเรา เขามีแต่ความหวังดีให้ มันทำให้เรารู้สึกว่า คนพวกนี้รักเราจริงๆ”
รู้สึกเหมือนเราตายแล้วเกิดใหม่ไหม?
“ผมไม่ได้รู้สึกเหมือนตายหรอก แค่รู้สึกเหมือนล้ม แล้วลุกขึ้นมาเดินต่อไป ก็อาจจะล้มดังกว่าคนอื่น”
ตอนนี้สภาพจิตใจคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง เพราะตอนนั้นก็มีกระแสโจมตีหนักเหมือนกัน?
“ก็ยอมรับว่าทุกคนเหนื่อยไปหมด ได้แต่คอยเป็นกำลังใจให้พวกเราเอง เพราะเราต้องรักครอบครัวไว้ก่อน ตอนนี้แม่ก็ดีขึ้น เริ่มใช้ชีวิตปกติ ออกไปเที่ยวพักผ่อน
ถามว่าก่อนหน้านี้แม่ไม่กล้าออกไปไหนเลยเหรอ เอาจริงๆ เหมือนเขาก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น เราก็ได้แต่คอยอยู่ข้างๆ เขา เราก็ค่อยๆ ปรับค่อยๆ รวมกันเป็นกลุ่ม ตอนนี้เราก็กลับมาเป็นปกติแล้วครับ”
มีให้สัญญาอะไรกับคุณแม่ไหม?
“ไม่ได้สัญญาครับ แม่แค่บอกว่าจะทำอะไรก็คิดเยอะๆ แล้วก็ยอมรับกับทุกสิ่งที่เราทำไป ถ้าเกิดเราเลือกไปแล้ว เราก็ต้องยอมรับว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น ช่วงนั้นสภาพคนในบ้านค่อนข้างเงียบ
ช่วงนั้นผมไม่ได้อยู่กับแม่เลย ผมไปอยู่บ้านญาติ ถ้าเกิดอยู่ด้วยกันมันไม่มีคนดึงขึ้นมั้ง ทุกคนอึมครึมกันไปหมดทั้งบ้าน ตอนนี้ผมกลับมาอยู่บ้านปกติแล้วครับ”
...
ได้เห็นรอยยิ้มแม่อีกครั้งเป็นอย่างไรบ้าง?
“รู้สึกดีใจครับ ที่ทุกคนกลับมารักกัน เป็นห่วงกันมากขึ้น เราก็ได้คุยอะไรหลายๆ อย่างกับแม่และทั้งครอบครัวมากขึ้นด้วย เราค่อยๆ ปรับจนเดินไปด้วยกันได้
ถามว่าจากเหตุการณ์นี้รู้สึกว่าเราโตขึ้นมั้ย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองโตขึ้นหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าเหมือนมีความกระตือรือร้นในชีวิตมากขึ้น แล้วก็คอยระวัง มีการคิดกลั่นกรองอะไรมากขึ้น”
ถึงมันจะเป็นเรื่องร้ายแต่มันก็เป็นเรื่องที่สอนเรา?
“ก็อย่างที่บอกแหละ มันก็มีข้อดีออกมา มันก็ทำให้เราคิดกลั่นกรองในหัวมากขึ้น ถามว่าหลังจากนี้ได้วางแผนเรื่องความรักไว้อย่างไรบ้าง ความจริงความรักเป็นเรื่องที่พูดยาก ทุกคนมันก็มีความรู้สึก มันไม่สามารถห้ามกันได้ แค่เราก้ต้องระมัดระวัง”
หลังจากผ่านเหตุการณ์มาแล้วเริ่มดูคนออกหรือยัง?
“ค่อนข้างครับ เริ่มสกรีนได้แล้ว ระวังนะๆ (หัวเราะ)”
...
กัปตันอยากขอบคุณตัวเองไหม ที่เชื่อในตัวเองไม่คิดหันหลังเดินออกจากวงการไป?
“ไม่ได้อยากขอบคุณตัวเอง อยากขอบคุณคนรอบข้างมากกว่า ทุกคนให้คำแนะนำ ให้ความคิดกับเรา แต่เราก็มากลั่นกรองว่าอันไหนเป็นทางที่เราจะรักจริงๆ ต้องขอบคุณคนข้างนอกมากกว่าครับ”