ช่อง 5 ช่อง 9 (เดิม) ช่อง 11 (เดิม) และช่อง Thai PBS ไม่ทราบว่ายังประกอบกิจการอยู่หรือเปล่า เพราะตั้งแต่มีสถานีโทรทัศน์ดิจิตอลและสื่อออนไลน์หลากหลายนั้น

หลายคนรวมทั้งผมลืมช่องเก่าแก่อันเป็นสื่อของรัฐ ไม่ค่อยได้แวะเยี่ยมยามเข้าไปกดดูบ่อยนัก...

แต่ได้ฟังจากทีมงานที่เข้าไปสำรวจตรวจชมผังรายการ ตลอดจนรายการที่ออกอากาศ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า

เงียบเหงาวังเวงยิ่ง!!

โดยปกติเมื่อครั้งยังเป็นทีวีผูกขาดมีไม่กี่ช่อง สื่อออนไลน์ก็ไม่มีเป็นตัวเลือก บรรดาช่องสื่อของรัฐก็เงียบเหงาทั้งผู้ชมและสปอนเซอร์อยู่แล้ว

โอเค...เราไม่ว่ากัน นิ้วมือคนเรายังไม่เท่ากันเลย สติปัญญาในการสร้างสรรค์รายการจากภาครัฐก็อนุมานได้ว่า เรื่อยๆมาเรียงๆ นกบินเฉียงไปทั้งหมู่แน่นอน...

ประเด็นที่จะพูดถึงต่อมาคือ งบประมาณของสถานีโทรทัศน์เหล่านี้ ส่วนหนึ่งและส่วนใหญ่ มาจากภาษีอากร

จะภาษีบาปหรือภาษีบุญก็สุดแท้...!!

ปรัชญาที่ว่าเป็นสถานีของรัฐเพื่อคอยเผยแพร่กิจกรรมของรัฐ หรือเป็นกระบอกเสียงแก้ต่างในสงครามจิตวิทยานั้น

ในยุคสมัยที่สื่อสารมวลชนก้าวไกลไปขนาดนี้ ยังสมควรมีอยู่หรือ เมื่อเปรียบเทียบกับงบประมาณที่ละลายลงไปในแต่ละปี

เม็ดเงินหลายพันล้านที่ทุ่มเทลงไปเพื่อแค่ให้รัฐได้เป็นเจ้าของสื่อนั้น คุ้มค่าเพียงใด ในเชิงเศรษฐกิจและสังคม

ปัจจุบันมีเอกชนมากมายที่ตั้งสถานีขึ้นมา เรามั่นใจว่ารัฐสามารถเข้าไปใช้บริการได้ในรูปแบบ

ขอความร่วมมือเหมือนรายการคืนวันศุกร์

หรือเข้าไปในช่องทางปกติ คือซื้อโฆษณาจากสถานีโทรทัศน์เหล่านั้น เพื่อเป็นการ ปชส.กิจกรรมหน่วยงานของรัฐ

และเม็ดเงินเหล่านั้นก็กระตุ้นหมุนเวียนอยู่ในระบบสถานีดิจิตอลต่างๆที่ไปชวนเชื่อ

ให้เขามาเสียค่าสัมปทานมากมาย ก็ยังพอมีเม็ดเงินไปหล่อเลี้ยงบ้าง

...

ดีกว่าทุ่มเงินร่วมๆหมื่นล้านลงไปในสถานี โทรทัศน์ของรัฐที่ไม่ค่อยมีคนชมไม่กี่ช่อง...

ครับ...ก็ฝากให้คิด ไม่เสียหน้าหรอกหากจะยกเลิกสิ่งที่มันไม่คุ้มค่า

ทุกอย่างมันเป็นอนิจจัง ไม่มีอะไรคงอยู่คู่ฟ้า!!

“สันติพงษ์ นาคประดา”

แจ๋วริมจอ
jaewrimjor@gmail.com