เรื่องคดีความของสามี เบนซ์ เรซซิ่ง เกี่ยวกับการฟอกเงิน ก็ยังไม่มีท่าทีที่จะจบลงง่ายๆ งานนี้เลยทำให้สาว แพท ณปภา ต้องเลี้ยงลูกแต่เพียงลำพังต่อไป และล่าสุด เมื่อได้เจอสาวแพทที่งาน Auswelllife ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ก็ไม่พลาดที่จะสอบถามเรื่องข่าวลือที่ว่าสาวแพท มีปัญหากับครอบครัวของหนุ่มเบนซ์ซะแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็พร้อมเปิดเผยทุกเรื่องราวว่า
มีข่าวว่าเราผิดใจกับแม่เบนซ์?
“เราแทบจะไม่ได้คุยกันเลยค่ะ ฉะนั้นเรื่องผิดใจกันตัดออกไปก่อนเพราะทุกวันนี้ไม่ได้คุยกันเลย คงได้คุยกันอีกทีน่าจะช่วงที่ต้องคุยกัน คือตอนนี้แพทก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากที่เราแยกบ้านกัน แพทกลับมาอยู่บ้านแพท ทางแม่ของพี่เบนซ์เขาก็ต้องเตรียมเรื่องของพี่เบนซ์
เมื่อเดือนที่แล้วพี่เบนซ์ขึ้นศาลถี่มาก เราก็ต้องขึ้นด้วย ก็เข้าใจแม่เขา เขาก็ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อเราเลย เขาก็ยอมรับตรงๆ ว่าเขาเหนื่อยกับการเตรียมเอกสารต่างๆ จนมาตอนนี้แทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลย เราก็ทำความเข้าใจกับตัวเองว่าแกก็คงวุ่นวายเรื่องของพี่เบนซ์อยู่
ส่วนแพทกับพี่เบนซ์เราคุยกันแล้วว่าออกมาคงต้องคุยกันจริงจังว่าจะเอายังไงกันเรื่องลูก เพราะตอนนี้แพทเลี้ยงลูกคนเดียว ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทุกอย่างคือแพทคนเดียว พอเราพูดกับพี่เบนซ์ไปแกก็บอกให้เรารอไปก่อน รอให้ทุกอย่างมันคลี่คลายกว่านี้ก่อน ว่าตัดสินแล้วเป็นไปในรูปแบบไหน แล้วเดี๋ยวเขาจะมาคุยกับเราอีกทีนึง
ซึ่งแพทจะไม่ได้คุยกับแม่พี่เบนซ์อยู่แล้ว ต้องให้พี่เบนซ์เป็นคนคุยให้ แต่จุดนี้พี่เบนซ์ยังไม่คุยให้ เราก็เลยคิดว่าเราไม่พูดดีกว่า ก็บอกว่าเลี้ยงลูกไหว ณ ตอนนี้ก็เลี้ยงมาปีกว่าคนเดียว ก็เลี้ยงไหว ถ้าต่อไปจะต้องเลี้ยงอย่างนี้อีกก็ไหว”

...
การที่ไม่ได้คุยกันมันทำให้ปัญหาแย่ลงมั้ย?
“ตอนนี้ยอมรับตรงๆ ว่าห่างเหินกับครอบครัวของพี่เบนซ์ แพทแยกมาตั้งแต่พี่เบนซ์ติดแรกๆ เลย พอแยกแล้วการสื่อสารมันก็น้อยลงทันทีเลย ตอนแรกๆ คุณแม่พี่เบนซ์ก็อยากให้เอาหลานไปเยี่ยมบ้าง
แต่เรารู้ว่ามันยาก ไปอยู่ตรงนั้นไม่สะดวกกับอะไรหลายอย่าง ทั้งที่อยู่ ลูกก็โตขึ้น ลูกต้องการใช้พื้นที่เยอะขึ้น แม่ที่เราต้องดูแลเพิ่มมากขึ้น พอเริ่มห่างออกมา การติดต่อน้อยลง หลังๆ การติดต่อก็จะเป็นเรื่องของคดีหมดเลย”
จากการตีความการสัมภาษณ์ของแพทช่วงหลังๆ ดูแล้วเหมือนจะไปกันไม่รอดเลย?
“ก็ไม่ใช่แค่ทุกคนหรอกค่ะ ผัวดิฉันเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน คือเราพูดกับพี่เบนซ์ตรงๆ เขาก็เข้าใจนะ วันล่าสุดที่แพทไปขึ้นศาลแล้วเจอกัน ก็บอกเขาเลยว่าพี่เบนซ์รู้ใช่มั้ยว่าแพทเลี้ยงลูกคนเดียวนะ แล้วลูกจะต้องเข้าโรงเรียนแล้วนะ ถึงมันจะอีกปีนึงแต่มันก็ต้องแพลนแล้วนะ
เราก็พยายามบอก แต่ถ้าทางนั้นยังเงียบอยู่ เราก็โอเค ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าสุดท้ายก็รอเลยแล้วกันว่าจะเอายังไง ถ้าวันนี้ศาลตัดสินแล้วออกมาได้ เราสองคนต้องคุยกันแล้วนะว่าจะไปต่อกันแบบครอบครัวหรือจะแค่ทำหน้าที่พ่อกับแม่
ถ้าไม่ได้ก็คือไม่ได้ ถ้าได้ก็ต้องปรับตัวมากๆ เลย เพราะตอนที่พี่เบนซ์ไป น้องอายุ 3 เดือน เขายังไม่รู้เรื่อง แล้วตัวพี่เบนซ์ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรับผิดชอบอะไรเยอะแยะมากมาย
ตอนนี้ลูกขวบหกเดือนแล้ว กว่าเขาจะได้ออก ลูกก็ 2 ขวบแล้ว แพทก็คุยกับเขาตรงๆ ทุกคนก็รู้ คนรอบข้างก็รู้ว่าแพทดูแลลูกคนเดียว แพททำงานหนักมาก แพทก็บอกเขาว่าอย่าคาดหวังว่าแพทจะต้องไปเยี่ยมเขาตามตารางเป๊ะๆ ทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละวัน แพททำไม่ได้ แพทเอางานมาก่อน”


พอเราอธิบายไปเขาเข้าใจมั้ย?
“เขาเข้าใจ เขาบอกแพทไม่ต้องมาก็ได้ ถ้าสมมติว่าพี่เลี้ยงว่างก็เอาลูกไปอย่างเดียวก็ได้ เราก็เลยโอเคว่าเขาคงเข้าใจเรา”
หลายคนมองว่าเราทิ้งเบนซ์?
“ไม่เกี่ยวกับทิ้งหรอกค่ะ แพทเชื่อว่าคนที่มีครอบครัวสุดท้ายแล้วไม่มีใครอยากเดินมาถึงจุดที่มันแยกกัน และตอนนี้แพทกับพี่เบนซ์เราก็ยังไม่ได้แยกกัน แค่รอคุยกัน คนจะคิดว่าคนข้างในเขามีความหวังเป็นเรา เราอย่าทิ้งเขา
...
แต่คุณต้องมองคนข้างนอกด้วยว่าคนข้างนอกก็หวังเหมือนกันที่จะมีครอบครัวที่แข็งแรง รวมถึงคาดหวังการดูแล แพทเชื่อว่าต่อให้เขาอยู่ข้างในเขาก็ยังดูแลเราได้ ทีนี้มันก็ต้องลองดูว่าเราสามคนจะคุยกันแบบไหน โอเคเรากลับมาแล้วเราต้องจูงมือกันไปให้ได้นะ หรือเราคุยแล้วมันไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร”
ทุกวันนี้ถือว่าเราสตรองพอมั้ย หรือว่าบางวันแอบมีน้ำตา?
“ไม่เลยค่ะ ด้วยความที่เรามีอะไรหลายอย่างให้ทำเยอะมาก ลูกก็ต้องการการดูแลแบบเต็มร้อย งานก็ต้องเต็มร้อย เราเลยแทบจะไม่มีเวลามาคิดเรื่องตรงนั้นว่าทำไมนั่นทำไมนี่ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่ให้ก็คือไม่ให้ ติดต่อก็คือติดต่อ ไม่ติดต่อก็คือไม่ติดต่อ ไม่ว่างด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่เป็นไร”
เราเตรียมใจกับการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวไว้มั้ย?
“เพิ่งจะมาเตรียมหลังจากที่เราได้คุยกับพี่เบนซ์ ฟีดแบ็กมันน้อย พอมันน้อยเราก็ค่อยๆ เตรียมมาเรื่อยๆ”
