เป็นทั้งนางงาม ซุปเปอร์โมเดล นักแสดง พิธีกรรายการเรียลลิตี้ระดับโลก และตอนนี้เธอยังเป็นผู้ขับเคลื่อนสังคมไทยยุติการคุกคามทางเพศอีกด้วย สำหรับ ซินดี้ สิรินยา บิชอพ โดยได้ควงสามี ไบรอน บิชอพ และลูกๆ ทั้งสองคน น้องเลล่า กับ น้องเอเดน มาเปิดเผยเรื่องราวความรัก ในรายการ Club Friday Show ทางช่อง GMM25 โดย ซินดี้ ได้เล่าว่า 

ตอนเด็กๆ เป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมาเรียกว่า ฝรั่ง เราโตที่เมืองไทย เกิดที่โรงพยาบาลที่ทองหล่อ แล้วแม่ก็พามาเลี้ยงที่พัทยา นั่นคือเราโตมาที่พัทยา ตอนเด็กๆ เราเป็นเด็กฝรั่งตาสีฟ้า ผมจะสีน้ำตาลอ่อนคนเดียวในพัทยา เราเป็นลูกครึ่ง คุณพ่อเป็นอเมริกัน คุณแม่เป็นอังกฤษ-ไทย-อินเดีย

ตอนเด็กๆ จะชอบโดนล้อว่า ฝรั่ง มองเราว่าเป็นของแปลก เราก็โกรธที่โดนล้อ ทำไมต้องว่าเราเป็นฝรั่ง เราเป็นคนไทย ยังเคยบอกกับแม่เลยว่า อยากหน้าไทยมากกว่านี้ ตอนเป็นเด็กมันจะมีช่วงหนึ่งที่ไม่อยากแตกต่าง พอโดนเพื่อนล้อมันก็จะเป็นปม

เอาจริงๆ ก็ยังไม่เคยรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศใดจริงๆ คือเรามีความเป็นคนไทย 100% จะมีหลายคนที่มาทักเราว่า เราพูดไทยชัดมาก ซึ่งเราก็ไม่ได้อะไร เราเข้าใจ โตแล้ว และเวลาเราไปอเมริกา คนอเมริกันก็จะดูออกว่าเราไม่ใช่อเมริกันแท้ ด้วยท่าทาง การใช้ภาษา

...

ตอนช่วงวัยรุ่นเองเชื่อมั้ยว่ายังรู้สึกระแวง จากที่เมื่อก่อนคนให้ความสนใจเราด้วยเราเป็นของแปลก พอเราได้ตำแหน่งมา คนก็หันมาชื่นชม แต่พอมันเป็นปมลึกๆ เราไม่เห็นตรงนั้น แวบแรกเราจะคิดว่ามองอะไร ก็กลายเป็นคนค่อนข้างเซ้นซิทีฟเรื่องที่คนมองเราทำไม

ส่วนสเปกผู้ชายนั้น เป็นคนที่ชอบผู้ใหญ่กว่า โตกว่า เรามีความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่า คุยกับคนอายุเท่ากันมันไม่เก็ต แม้แต่เพื่อนสนิทก็จะเป็นรุ่นพี่หมดเลย รักครั้งแรกแอบชอบรุ่นพี่ เค้าเป็นคนที่เป็นผู้ใหญ่ เป็นหัวหน้าห้อง เป็นคนขำๆ ตอนนั้นอายุ 17-18

เราเป็นแฟนกันประมาณ 1 ปี แล้วเค้าก็ไปเรียนต่อเมืองนอก ช่วงนั้นเราประกวดนางงามพอดี เราก็เริ่มห่างๆ กันแล้ว เพราะเค้าไปเรียนเมืองนอก เราก็มุ่งกับการประกวดอย่างเดียว ซึ่งตัวเค้าก็ไม่พอใจ ไม่อยากให้เราเข้าวงการ เลยเป็นจุดที่ทำให้เราตัดขาดกัน

ตอนนั้นไม่ถึงกับเสียใจ แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมาปิดกั้นโอกาส พ่อแม่เรายังสนับสนุนเลย แล้วเธอเป็นใคร เลยเลือกทำตามความฝัน เรื่องความรักไม่เป็นไร พอเข้าวงการมาก็ได้เป็นนางแบบ และเล่นละครด้วย

จากนั้นก็เริ่มมีความรักอีกครั้งหนึ่ง กับ ไบรอน ไม่ได้ปิ๊งแวบแรก เพราะว่าเค้าอายุมากกว่าเรา 9 ปี ตอนนั้นเราเพิ่ง 18 เราเป็นเพื่อนกันก่อน 2 ปี เราแค่ปิ๊งความน่ารัก ความคุยง่าย แต่ไม่ได้ปิ๊งเรื่องความโรแมนติกเลย

จุดเปลี่ยนมันเกิดจากเราตัดสินใจไปเรียนต่อ เราได้ทุนไปเรียนที่หัวหิน แล้วเราเริ่มเฟดตัวจากงานในวงการ พูดง่ายๆ คือมีปัญหาเรื่องทางบ้านเยอะ เรื่องเครียดเยอะมาก แล้วด้วยความที่เราไม่มีใคร ถึงจะมีเพื่อนเยอะ แต่ไม่มีใครที่คุยได้จริงๆ เลยมาคุยกับ ไบรอน เค้าเป็นคนที่คุยแล้วเราสบายใจ อารมณ์เย็น เราเป็นคนที่อารมณ์ค่อนข้างโกรธง่าย หายเร็ว ค่อนข้างดราม่า

พอได้คุยกับเค้า เราค่อนข้างเย็นลง เพราะเค้าช่วยให้เราได้คลายความเครียดต่างๆ เราคุยกันเป็นชั่วโมงเลย เค้าก็กลายเป็นห่วงเรา ขับรถไปส่งเราไปเรียน จากนั้นก็กลายเป็นคนที่เราคุยด้วยมากกว่าคนอื่น เป็นคนสนิท ไว้ใจ และเปิดใจได้หลายเรื่อง คุยได้ทุกเรื่อง เป็นคนที่ทำให้เราหัวเราะได้ เรามีอะไรที่เหมือนกัน

มาชัดเจนจริงๆ ตอนที่เราไปเที่ยว แล้วขับกลับบ้าน เค้าก็ลืมเสื้อไว้ในรถเรา แล้วเค้าก็ขับรถมาเอาที่คอนโด ทำอะไรกินกันก่อนกลับ แล้วก็มี First Kiss กัน

...

คือเราเจอกับ ไบรอน เพราะเค้าตามแฟนเก่าเค้ามา เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน นี่คือสาเหตุที่เค้ามาเมืองไทย แต่เค้าเลิกกันก่อนที่มาเจอเรา

ไบรอน เสริมว่า พอจากเพื่อนเป็นแฟน เราไม่ได้เปลี่ยนอะไร ไม่ได้รีบมาก ตอนนั้นเราก็อายุเพิ่ง 19-20 พอคบไปสักพักก็ผ่านไป 7 ปี ถามว่าเจ้าชู้มั้ย ก็ไม่นะ ตอนที่เราเจอกับซินดี้ครั้งแรก เพิ่งเลิกกับแฟนเก่า

เราเป็นคนที่ต่างกันสุดขั้ว ถ้าเทียบกับรถยนต์ ซินดี้จะเป็นคันเร่ง เราจะเป็นเบรก ซึ่งมันดีนะ เพราะว่าซินดี้อยากทำอะไร ก็ทำเลย ส่วนเราจะเป็นแผนกทบทวน วางแผน คิดก่อน มันก็เลยเป็นการเติมเต็มและดูบาลานซ์กันดี

ซินดี้ บอกว่า เราเป็นคนอารมณ์ขึ้นลง ส่วนเค้าเป็นคนใจเย็น โกรธยาก แต่อย่าให้โกรธ คือเราคุยกันเยอะ เราเป็นแบบนี้ เค้าเป็นแบบนี้ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน คือเราคุยกันแบบจริงจังมาก อย่างสมมติมีช่วงหนึ่งเราไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่เค้าทำ เราจะบอกเลยว่า ที่ทำแบบนี้มันทำให้เรารู้สึกแบบนี้นะ แล้วเราก็ไม่เคยงอนกันเลย เราไม่ชอบการงอนง้อ เพราะมันเสียเวลา เราก็จะมานั่งคุยกันให้เคลียร์ แล้วก็เดินหน้าต่อ

...

วันที่ขอแต่งงาน ไบรอน เล่าว่า ไปขอที่ประเทศญี่ปุ่น ใต้ต้นซากุระ คือเราแพลนไว้นานมาก เตรียมทุกอย่างเรียบร้อย

ซินดี้ "ซึ่งตอนนั้นเราไม่สวยเลย ใส่เสื้อแขนยาวกับกางเกงยีนส์ปกติ แล้วเค้าชวนไปเดินเล่น เราก็ไม่อยากไป แต่ก็ต้องไป ไปสวนสาธารณะ เราก็เดินกินไปเรื่อยๆ แต่ตัวเค้าไม่กินนะ เค้าตื่นเต้น พอไปหยุดที่ใต้ต้นไม้ เค้าก็คุกเข่าลง เราก็ตกใจทำอะไร ฉันยังไม่สวยเลย ความรู้สึกคือแบบ เอาจริงดิ มองตัวเองคือไม่พร้อมเลย แต่สุดท้ายก็ขอกันแป๊บเดียว ซึ่งเราก็เซย์เยส"

แต่งงานแล้วชีวิตเปลี่ยนไปมั้ย ซินดี้ บอกว่า ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง มารู้สึกว่ามันผ่านมา 21 ปีแล้วก็ตอนที่มานั่งคิด มานั่งดูรูปเก่าๆ ตอนที่ผมยังดำอยู่ เราอยู่กับคนนี้มาเกินครึ่งชีวิตเรา

ส่วนเรื่องการมีลูก เราก็มีการวางแผนกัน เพราะรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมาก อยากจะเคลียร์ทุกอย่างก่อน อย่างเช่นเรื่องหนี้บ้าน ไบรอนเป็นคนที่อยากจะเคลียร์ทุกอย่าง เราจะไม่ค่อยผ่อนอะไร จะได้ไม่มีหนี้ค้าง เลยคุยกันให้บ้านเสร็จเรียบร้อย ไม่มีหนี้ตรงนี้ มีเงินเก็บประมาณนี้ถึงจะมีลูกนะ ไม่งั้นมันจะทำให้เราเครียด.

...