เรียกว่าฝ่าทุกความยากในละคร “พยัคฆา” กว่าพระเอกหนุ่ม “เอี๊ยง-สิทธา สภานุชาติ” จะออกมาเป็น “เสือสมิง” น่าเกรงขามในบท “ภาคิน” แถมยังเป็นละครแนวแอ็กชันแฟนตาซีเรื่องแรก ของช่อง 8 เจ้าตัวเลยทุ่มเต็มที่ งัดทุกทีเด็ดที่รวมถึงความแข็งแกร่งของการไปฝึกทหารมาใช้ แถมต้องงัดสมาธิตั้งสติยั้งหัวใจ เพราะต้องอยู่ใกล้นางเอกสาว “นนนี่–ณัฐชา” ที่เคยคบกันระหว่างถ่ายทำ!

อ่านเรื่องย่อนิยายเรื่อง “พยัคฆา” ได้ที่นี่

เอี๊ยง เล่าให้ฟัง เริ่มจาก... “เรื่องนี้มีทั้งแอ็กชัน ซีจี มีทั้งสองฝั่งทั้งเสือและศัตรู ดราม่าหลากมิติ ทำให้เห็นว่าบางทีคนเราเลือกเกิดไม่ได้ ภาคินก็ไม่ได้อยากมีพลังเสือสมิง แต่พอเค้ารู้ว่าเค้ามีพลังแล้วเอาไปทำอะไรมากกว่า ถ่ายทำ 11 เดือน ช่วงแรกๆที่ถ่ายผมเพิ่งออกมาจากกรมพอดี ผู้ใหญ่คงมองเห็นจุดนี้เลยจัดบู๊หนักๆมา (หัวเราะ) เรื่องนี้เกี่ยวกับตำนานเสือสมิง บำเพ็ญตบะฆ่าคนมาเยอะเลยมีพลัง ตัวพระเอกเกิดเรื่องราวตอนเด็กๆที่ต้องไปยืมพลังเสือสมิงมา แล้วได้ไปทำงานเหมืองพลอย ก็จะขัดๆ กับนางเอก คือน้องนนนี่ ซึ่งเป็นเรื่องแรกของน้องกับช่อง 8 พระเอกจะสุขุมนุ่มลึก แต่เวลาเป็นเสือจะเกรี้ยวกราด เวลาเล่นเหมือนเป็นไบโพลาร์ (ยิ้ม) ค่อนข้างเล่นยาก เสือเรื่องนี้มี 2 แบบคือเสือซีจีเต็มตัว และเสือตัวเป็นคนหน้าเป็นเสือ พอทำออกมาจริงๆสวยมากสมจริง คนที่ทำเป็นคนไทยที่ทำให้ฮอลลีวูด ส่วนของผมแต่งเอฟเฟกต์หน้าเสือ 2 ชั่วโมง”

...

ปรับโหมดตัวเองยากมั้ย ตอนนั้นเสร็จจากฝึกทหารก็มาลุยละครเลย? “ผมฝึกมา 6 เดือน ก่อนหน้านั้นก็ไปบวช ออกมาแล้วก็ทำงานเลย วันแรกๆ ก็รู้สึกยากเหมือนกัน พอผ่านจุดชินก็ดีขึ้น”

ความแกร่งของการฝึกทหารช่วยเราเยอะมั้ย? “ถ้าไม่ฝึกมาผมคงบ่นแน่นอน (ยิ้ม) แปลงร่างเป็นเสือไม่ใส่รองเท้า วิ่งเท้าเปล่า การฝึกทหารนี่ฝึกความอดทนมากแต่อันนี้คือเล็กน้อยมาก ถ้าไม่ถึงกับตายมันทนได้นะ ตอนเป็นทหารร้อนจะเป็นลมก็มี แต่ก็ผ่านมันมาได้”

เรียกว่าเรื่องนี้เป็นละครทรหดที่สุด? “ใช่ครับ วันไหนที่มีฉากบู๊หรือฉากเสือ เข้าป่าเดินเท้าเปล่า บางทีผมไม่อาบน้ำเลย โดนแอร์ปุ๊บแทบหลับป๊อก แต่พอเห็นผลงานมันก็ชื่นใจนะ”

เป็นเสือต้องโชว์หุ่นมั้ย? “มีครับ โชคดีที่เป็นช่วงออกจากทหารมาก็พอได้อยู่ การเป็นทหารทำให้แข็งแรงขึ้นแต่ก่อนเข้ากรมเราก็เข้าฟิตเนส เลือกกิน”

เวลาถอดเสื้อพร้อมขายของมั้ย? “พร้อมขายครับ (ยิ้ม) ผมมองว่าไม่ได้ถอดพร่ำเพรื่อด้วย หรือแม้กระทั่งเลิฟซีน ผมมองว่าทุกฉากมันช่วยเล่าเรื่องนะ มีทั้งเลิฟซีนกับนนนี่และพี่แอรินที่เป็นตัวร้ายเป็นสีสันกองละคร เค้ามืออาชีพมาก ขนาดเลิฟซีนเค้ายังมาขอโทษผมก่อน เทกเดียวผ่าน”

เรื่องนี้ได้โชว์ความสามารถหลากหลาย ได้ร้องเพลงประกอบด้วย? “ดีใจมากไม่ได้จับไมค์มา 6 ปี ก่อนวันอัดเสียงผมก็มาเรียนร้องเพลง ฝึกฟังใหม่”

ได้ความรู้สึกการเป็นนักร้องกลับมามั้ย? “ทำให้รู้สึกว่าเราก็ยังรักการร้องเพลงเหมือนเดิม ได้กลับมาทำก็ตั้งใจเต็มที่”

งานที่ได้รับหลังจากเป็นทหารทำให้ได้พิสูจน์ตัวเองเยอะ? “ใช่ครับ คนก็จะคาดหวังว่าออกมาจากทหารเราเปลี่ยนเป็นยังไง พัฒนาขึ้นเยอะมั้ย ถ้าถามว่ามองว่าตัวเองโตขึ้นมั้ย ปีที่ผ่านมามันเปลี่ยนทัศนคติผมไปทั้งหมดเลยในการมองคนมองชีวิต เดี๋ยวนี้ผมมีความสุขกับชีวิตง่ายมาก อะไรเล็กน้อยก็แฮปปี้ได้ เข้าใจอะไรมากขึ้น ตอนนี้อายุ 28 แล้ว รับผิดชอบอะไรมากขึ้น”

กับนนนี่ นางเอกเคยมีข่าวกุ๊กกิ๊กกันแต่ห่างกันไปแล้วต้องมาถ่ายทำด้วยกัน เรียกว่าต้องใช้สปิริตสูงมาก? “ใช่ครับ เพราะตอนนั้นเรายังถ่ายไม่จบ ก็ต้องแยกให้ออก ตอนนั้นผมไม่ได้คิดว่าผมเป็นเอี๊ยง ยากครับ ต้องมีสมาธิ ผมคิดว่าผมเป็นภาคิน เค้าเป็นพลอยรัมภา ต้องให้คนดูดูเอาครับว่าจับได้มั้ยว่าซีนไหนผมรู้สึก คือพอเราไม่ได้คุยกัน ถามว่ามันยังรู้สึกมั้ย มันรู้สึกนะ มันเป็นฉากเลิฟซีนผมก็ปล่อยเลยเหมือนว่าเรารักกัน เหมือนอยู่ในตัวละคร แต่พอคัตปุ๊บก็ต้องตัดให้ขาด”

...

ตอนนั้นอะไรทำให้ไปต่อไม่ได้? “เค้ายังมีความเป็นเด็กสดใส ส่วนผมยอมรับว่าเราเพิ่งผ่านอะไรหนักๆมาในชีวิตอาจจะอยากให้อะไรเป็นดั่งใจเรา น้องเค้าก็ยังเด็ก ผมก็เพิ่งออกจากทหารมา มันก็สวนกันเนอะ ห่างกัน 9 ปี บางทีคนเราอยู่ด้วยกันต้องให้เกียรติกัน ผมอาจจะพลาดตรงนี้ไป แต่ ณ วันนี้เราเป็นพี่น้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์สนิทใจ เราก็วิเคราะห์นะว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น”

ตอนนี้มีสาวคนใหม่รึยัง? “มีบ้าง เป็นเพื่อนๆกันมากกว่า เอาจริงๆตอนเป็นทหารแล้วเราอยู่ตรงนั้น มันทำให้รู้ว่าพอเราออกมาเรามีสิ่งที่อยากทำอีกเยอะมาก ทำให้รู้ว่าเวลามีค่า”

มองตัวเองมั้ยว่าไม่ค่อยสมหวังเรื่องรัก? “ใช่ครับ จริงๆผมเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวพอสมควร ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองว่าชอบแบบไหน อาจจะต้องรอพรหมลิขิต”.

...