กำลังใจจากทั่วสารทิศได้ส่งผ่านให้ทีมงาน ที่เข้าไปอาสากู้ภัยในการช่วยเหลือค้นหาเด็กทั้ง 13 คน ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ที่ จ.เชียงราย หลังนักฟุตบอลเยาวชนและโค้ช ทีมหมูป่า ต้องหลงติดอยู่ในถ้ำนานหลายวัน และในตอนนี้ได้กลายเป็นเรื่องที่คนทั้งประเทศเอาใจช่วยให้ค้นหาเด็กทั้ง 13 เจอในเร็ววัน 

ณ วันนี้ได้ผ่านมา 7 วัน แต่ก็ยังไม่พบ ซึ่งทุกคนก็ไม่มีความย่อท้อต่ออุปสรรค ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาทั่วทุกสารทิศ ได้พร้อมใจกันส่งอุปกรณ์ที่สามารถช่วยเหลือได้เข้ามาช่วย 

จากเหตุการณ์นี้เอง เลยทำให้ "บันเทิงไทยรัฐออนไลน์" ได้นึกย้อนกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งมีเหตุการณ์ที่คล้ายกัน โดยเป็นเรื่องราวของ อดีตนักแสดง ปู ยุวดี หรือ ปู โลกเบี้ยว ที่ได้เกิดอุบัติเหตุจนทำให้ติดในป่านานกว่า 2 วัน โดยในตอนนั้นเจ้าตัวและทีมงานได้ขึ้นบอลลูนไปถ่ายทำรายการ

แต่ตัวบอลลูนได้เกิดเหตุขัดข้อง จนทำให้ตกลงมาในเขตพื้นที่เขาใหญ่ กว่าเจ้าหน้าที่จะค้นหาเจอก็ใช้เวลากว่า 2 วัน โดย ปู โลกเบี้ยว ได้เล่าเหตุการณ์นั้นให้ฟังว่า 

2 วันที่เขาใหญ่เป็นยังไงบ้าง?

"ตอนนั้นแย่มาก"

ความมืดที่เราอยู่?

"โห.. ขนาดอยู่ในป่าไม่ได้อยู่ในถ้ำยังมืดมากๆ เลย มืดขนาดเรามองคนข้างๆ ไม่ค่อยเห็น เห็นแค่รางๆ มืดมาก ตลอดเวลาที่มีเฮลิคอปเตอร์บินวนหาเรา เราเห็นแต่เขาไม่เห็นเรา"

ใช้ชีวิตยังไงถึงผ่านมาได้?

"ไม่รู้เลย เรารู้แค่ว่าเราต้องผ่านมันไปให้ได้ แต่ไม่รู้เลยว่าจะใช้ชีวิตยังไง ข้าวก็ไม่ได้กิน น้ำก็ไม่ได้กิน น้ำลำธารตอนนั้นก็กระแดะไม่ยอมกิน กลัวสกปรก"

...

แล้วความหิวของเราเป็นยังไงบ้าง 2 วันที่ไม่ได้กินข้าว?

"ไม่หิวๆ ไม่รู้สึกหิวเลย เราไม่รู้สึกหิวอะไรทั้งสิ้น มันเป็นความรู้สึกที่เราห่วง ห่วงคนข้างนอกว่าเขาจะรู้มั้ย ห่วงไปทุกอย่าง"

ไม่ได้กินข้าว 2 วันตอนที่เขาเจอเราแล้ว เรามีอาการยังไง?

"ไม่รู้อีก เพราะพอออก เขาก็ฉีดยาอะไรไม่รู้เราก็หลับไปเลย ตื่นมาอีกทีคุณหมอก็ฉีดยาให้อีก ให้เราได้พักผ่อน ก็หลับไปอีก 3 วันมั้ง ตื่นมามื้อแรกอยากกินส้มตำมาก แต่กลืนลงไปเจ็บคอชะมัด"

พี่ปู อยู่คืนเดียว นอนยังไง?

"ไม่นอนเลย นอนไม่ได้ เพราะมันเปียกไปหมด ตูดเปียก พอเรานอนลงไปมันก็เปียกหมดเลย นอนไม่ได้เปียกทั้งตัว นอนไม่ได้ นอนก็หนาว เสื้อมาก็มีแค่ชุดเดียว เสื้อยืด กางเกง เราต้องนั่งติดๆ กัน ความหนาวนี้ 8 องศา เราติด 8 ธ.ค.2539 เป็นช่วงหน้าหนาวด้วยก็เลยยิ่งหนาว

ไปกัน 5 คน มีฝรั่ง 1 คน คนที่เอาบอลลูนไป 1 คน ตากล้อง 2 แล้วก็พี่เป็นผู้หญิงคนเดียว แล้วตอนนั้นหนักมา เป็นกล้องโบราณหนัก 30 กิโลกรัม ต้องแบกกันไป พี่แบกแบตเตอรี่กล้องเบ้อเร่อ"

แปลว่าตอนที่หลงพี่ค่อนข้างมีสติ?

"ไม่รู้เหมือนกันว่ามีสติมั้ย เพราะว่า เขาคุยอะไรกันเราก็คุยด้วย แต่พี่ไม่ร้องไห้เลยนะ มาร้องไห้ตอนออกมา ฝรั่งกับอีกคนผู้ชายเขาร้องไห้ แต่เราไม่ร้องเพราะเรารู้สึกว่าเราเป็นผู้หญิงคนเดียว

ถ้าไปสร้างภาระแล้วเขาจะทิ้งเรา แต่ละคนอารมณ์ยังไงเราก็ไม่รู้ ไม่ได้สนิทกัน มีแต่ตากล้องแกรมมี่คนเดียวที่สนิทกัน นอกนั้นเป็นผู้ชายหมดเราก็ต้องไม่ทำตัวงี่เง่าให้เป็นภาระ

ตอนนั้นตัวพี่หนามทิ่มเต็มไปหมด ทั้งตัวมีแต่หนามทิ่มรอบตัว ทิ่มๆๆๆ เป็นจุดอีสุกอีใสเลยแต่ก็ทนก็ได้ แต่ไม่มีเห็นอะไรน่ากลัวนะ อยู่ตรงนั้นไม่ได้นึกถึงอะไรอาถรรพณ์เลย กลัวแต่ว่าเราจะรอดออกไปได้มั้ยวะ ถ้าเราเป็นอะไรไปแม่จะรู้มั้ย ถ้าเราไม่รอดแม่จะรู้หรือเปล่าว่าประกันชีวิตเราเก็บไว้ไหน

เรื่องความหลอน อะไรน่ากลัวนี่เฉยๆ เพราะเรามีเพื่อนติดด้วย ถ้าอยู่คนเดียวก็อาจจะอีกแบบ แต่ที่คิดแล้วเราขนลุกก็คือเราจะรอดมั้ย เขาจะหาเราเจอหรือเปล่า

อยู่ในนั้นเราก็เป็นห่วงข้างนอกนะ ว่าเขาจะเป็นยังไง ความที่โชคดีที่เมียมันขี้หึง ก็ส่งแพคลิ้งตามแฟนว่าอยู่ไหน ทำไมไม่กลับบ้าน แต่ไอ้ผู้ชายก็ติดป่าอยู่ไงออกไม่ได้ แฟนก็เลยไปหาคุณสุทธิชัย หยุ่น ว่าแฟนหายไป คุณสุทธิชัย หยุ่น ก็เลยรู้ว่าหายไปในป่า กรมป่าไม้ก็เลยเอาฮ.ขึ้น"

ต้องทำตัวยังไงจะรอด?

"ต้องมีสติ สำหรับพี่นะ เพราะของพี่แค่ติดป่า มันแค่ 2 วัน 1 คืนไง ไม่ใช่หลายวันแบบน้องๆ แค่สองวันเราก็มีสติไง มองไปก็เห็นท้องฟ้า เห็นเฮลิคอปเตอร์บินมาช่วย เราพยายามทำทุกอย่างตอนนั้น แต่เขาก็ไม่เห็นเรา ตะโกนไปก็ไม่มีใครได้ยิน

ตอนแรกที่ลงมาเราเห็นเสาๆ เสานึงเราตั้งใจเดินไปที่เสานั้น แต่เดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึง จะเผาให้เกิดควันก็ไม่มีไฟแช็ก จนฝรั่งตัดสินใจให้เอาแบตเตอรี่กล้องมาทุ่มให้เกิดประกายไฟและเอานามบัตรแต่ละคนที่มีติดตัวเผา จนเกิดควันแล้วเฮลิคอปเตอร์เห็นแล้วมาช่วย

...

ตอนมาช่วย ฮ.เล็กก็ช่วยไม่ได้นะ เพราะมันเป็นหลุมลม ที่มันดูดฮ. ต้องรอฮ.ใหญ่ มาถึงก็ช่วยพี่ปูก่อน เพราะเราเป็นผู้หญิง เขาก็เกี่ยวเราขึ้นมา ขนาดเราขึ้นไปแล้วเขาให้ระบุจุดที่คนอื่นอยู่กัน เรายังมาห่างแล้ว 4 โลเลยขนาดเพิ่งขึ้นมา จนขึ้นมาแล้วเราถึงรู้ว่าเสาไกลมาก เดินให้ตายก็ไม่ถึง แต่ระยะทางในป่ามันหลอกตา"

อยากให้กำลังใจน้องๆ ทั้ง 13 คนและครอบครัว รวมถึงเจ้าหน้าที่ยังไงบ้างเพราะ 7 วันแล้วยังไม่เจอ?

"คือทุกคนมีความหวังค่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต้องมีความหวังไว้ก่อน แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ต้องมีสติ ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น บอกได้แค่นี้ ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะว่าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ยังมีคนข้างหลังที่รออยู่ เขายังต้องการเรา ก็ต้องมีสติให้ได้มากที่สุด

ถ้าน้องออกมาแล้ว ก็ต้องยอมรับสภาพ อย่าทิ้ง เพราะว่าสภาพจิตใจ คนที่หายไป 7 วัน สภาพจิตใจสำคัญที่สุด".

...