โบว์ แวนดา เปิดใจในรายการ WOODY WORLD ทางช่องเวิร์คพอยท์ ถึงหลายเรื่องที่ไม่เคยมีใครรู้เกี่ยวกับความรักของเธอกับ ปอ ทฤษฎี
มีหนึ่งเรื่องที่สะเทือนใจ ปอ ทฤษฎี ซึ่ง โบว์ แวนดา เล่าให้ฟังว่าตนกับ ปอ สามารถออกไปไหนพร้อมหน้าพร้อมตาน้องมะลิตามปกติแต่...
“ออกจากบ้านปกติ แต่จะเดินห่างกัน พี่ปอจะเดินไปก่อน โบว์จะเดินตามหลังและจูงมะลิ จะกินอะไรก็โทรบอกกันว่าร้านนี้นะ เดี๋ยวปอเข้าไปก่อน
แต่จะมีอยู่ชอตหนึ่งที่พี่ปอจะเสียน้ำตา เราไปที่ห้าง โบว์ก็เดินกับมะลิกับพี่ปู แล้วพี่ปอไปยืนอยู่ไกลๆ เสร็จแล้วเมื่อพี่ปอจะเดินมา แล้วมะลิเขาวิ่งไปหาพี่ปอ แล้วบอก พ่อๆ แล้วคนเยอะไงคะ คนก็มองพี่ปอ จังหวะเด็กตัวน้อยๆ คนนึงวิ่งไปหา พี่ปอก็เลยบอกว่า โอ๊ยเด็กที่ไหนเนี่ย น่ารักจังเลย ลูกใครครับเนี่ย
แล้วพอมะลิวิ่งมาหาโบว์ โบว์หันไปเห็นเขา เขาน้ำตาคลอเบ้า เขาบอกเขาทำผิดต่อลูก เขาบอกว่าเขาไม่ไหวแล้ว ทำยังไงดี โบว์ก็บอกปอว่าไม่เป็นไร อย่าคิด อย่าจำเหตุการณ์ตรงนั้น
แต่โบว์ก็เหมือนเดิมให้เขาทำงานเหมือนเดิม โบว์รู้ว่าเขารักครอบครัวและรักงานมาก เพราะฉะนั้นเราก็พยายามประคับประคองสิ่งที่เขาอยู่แล้วมีความสุขให้ดีที่สุด”
...
เขารู้สึกผิดมั้ยที่เขาไม่สามารถแสดงความรักต่อลูกในที่สาธารณะ
“ใช่ เราก็รู้สึกผิด เราก็บอกไม่เป็นไรๆ เขาไม่เคยคิดจะปิด แต่โบว์บอกให้เขาปิด โบว์มีความรู้สึกอย่างนึงว่า ไม่อยากให้ใครคิดว่าโบว์เข้าไปในชีวิตเขา แล้วทำให้หน้าที่การงานเขาหล่นลงแล้วใครจะมาบอกว่าก็เธอมันตัวซวย
ตอนแรกที่มาคบพี่ปอ เอาตรงๆ จริงเลยนะคะ โบว์ขอแค่ระยะเวลาช่วงสั้นๆ ที่โบว์จะมีความสุขร่วมกับพี่ปอแค่นั้นพอ ไม่คิดเลยเถิดว่าจะมาอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน วันที่บอกว่าให้ไปหาคุณพ่อคุณแม่เขาโบว์ไม่ไป เพราะมีความรู้สึกว่า เดี๋ยวโบว์ก็ต้องเลิกกับปอ ขอแค่ช่วงระยะเวลานี้พอแล้ว"
อะไรที่ดึงดูดให้อยู่กับผู้ชายคนนี้
ความรักเขา แล้วก็ความเสียสละของเขา
"เวลามีปัญหาเครียดจะปรึกษากันและกัน
ตอนแรกจะไม่ปรึกษา เขาจะเป็นคนเก็บ ไม่ให้ใครรู้ว่าเขาเครียดอะไร พอหลังๆ เราไปอยู่ในชีวิตเขาเต็มที่แล้ว เขาจะมาปรึกษาว่าปอเหนื่อย แต่จะไม่อธิบายรายละเอียด แต่พอเขาบอกว่าปอเหนื่อย โบว์ก็รู้แล้วว่าเขาเครียด"
เขาเครียดเรื่องการใช้ชีวิตกับตารางงาน?
" งานเขาไม่เครียดหรอก งานยากท้าทายสำหรับเขา แต่คงจะเครียดเรื่องการสื่อสารของบุคคลต่อบุคคลมากกว่า เพราะบางทีก็มีขัดแย้งกัน แต่กับใครโบว์ไม่ถาม
ทุกครั้งที่โบว์มาพูดเรื่องพี่ปอ ไม่ได้พูดเพื่อให้คนยังจำโบว์ได้ จุดประสงค์โบว์คือ โบว์อยากเล่าประสบการณ์ที่โบว์เป็น และให้ทุกคนได้กลับมาฉุกคิดถึงความรักของคนในครอบครัว เรื่องของสามีภรรยา หรือคู่ครองให้มากขึ้นแค่นั้น
ตอนที่อยู่โรงพยาบาลคงจะเป็นเรื่องสมองที่เขายังดีอยู่ ทุกคนถึงยื้อจนถึงสุดท้าย วันหนึ่งคุณหมอก็บอกว่า เดี๋ยวจะเช็กสมองพี่ปอว่ายังดีอยู่มั้ย โบว์เลยบอกว่าลองเอามะลิเข้าไปมั้ยคะ โบว์เชื่อว่าเช็กได้ คุณหมอก็เอาสายอะไรมาติดเต็มไปหมด จะขึ้นเป็นกราฟ
โบว์ก็บอกให้มะลิมาเต้นให้คุณพ่อดู เขาก็เต้น ปรากฏว่ากราฟดีดสูงสุด ก็เลยมีความรู้สึกว่านี่แหละคือคนคนหนึ่งที่ทนกับความเจ็บปวด ทนกับความสิ้นหวัง และอาจจะรู้ตัวเองด้วย ว่าตัวเองอาจไม่รอด แต่ทนเพื่ออยากจะเห็นสิ่งที่ตัวเองรักมากที่สุด จนเขาทนกับสิ่งที่เขาเป็นได้ นี่ละพลังของความรัก
...
บอกมะลิยังไงตอนนั้น ตอนที่ ปอ อยู่โรงพยาบาล
"บอกคุณพ่อหลับ ไม่สบาย มะลิต้องร้องเพลงให้คุณพ่อฟังต้องเป็นเด็กดี ตอนนั้นเขายังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก ช่วงแรกๆ ก็เข้าไป พอวันนึงเข้าไปมันจุก โบว์เข่าอ่อนเลย เขาจำพ่อไม่ได้ ด้วยภาวะพี่ปออยู่บนเตียงนาน ร่างกายซูบผอม หลายอย่างเปลี่ยนไป เขาเข้าไปแล้วเขากลัว เขาบอกไม่ใช่พ่อๆ ใจโบว์มันร้าวๆ บอกไปว่าไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อกลับมา แป๊บนึง
แล้วเขาก็ไม่เข้าไปสักพักเลย หลังจากนั้นเข้าไปเขาจะอยู่ไกลๆ จากที่เคยอยู่ข้างเตียง ปลายเตียง จนมาเข้าอีกวันคือ 4 วันก่อนพี่ปอจะไป อยู่ๆ เขาเดินเข้าไปแล้วไปเต้นให้พ่อเขาดู เราก็แบบ (นิ่ง) อย่างน้อยก็โอเค ยังมีความกลัวๆ กล้าๆ แต่อย่างน้อยก็ใกล้ที่สุด อีก 3 ก้าวถึงเตียง"
หลังจาก ปอ จากไปแล้ว การที่โบว์ต้องเจอกับเรื่องราวและกระแสต่างๆ เราเก็บมาคิดเยอะมั้ย
"เยอะค่ะ (ยิ้ม)"
รู้สึกโบว์ต้องเจอกับความซึมเศร้าอีกอย่าง หลัง ปอ จากไปอยู่ยังไง
"เราเคยเป็นแต่แม่บ้าน ทำงานบริษัทอยู่ๆ ลาออกมาดูแลสามีกับลูก เราก็อยู่แต่ในบ้าน แค่ข้ามวัน คนรู้จักเราทั้งประเทศ แล้วเขาเห็นเราครั้งแรก ในสภาพนิ่ง เศร้า สงบ แลดูเรียบร้อย แล้วพอเราเข้มแข็ง กลับมาเป็นตัวเรา สดใส ขี้เล่นขึ้น หัวเราะดังๆ บางคนก็รับไม่ได้ อินบ็อกซ์มาด่า ว่าผิดหวังในตัวเรา ทำไมหัวเราะดัง ทำไมไม่เรียบร้อย (ยิ้ม)"
...
เวลาทุกข์ เครียดทำยังไง
"เสื้อผ้าพี่ปอ โบว์จะเก็บไว้หมด เวลาเครียดจะขึ้นไปกอดเสื้อผ้าเขา จนรู้สึกเองว่าไม่ใช่ละ เราต้องอยู่กับความเป็นจริง ตอนนี้ก็ขอกอดมะลิ เวลาเขากอดเอามือลูบหัวเรา เราก็หายแล้ว ตอนนี้คำนึง สามอย่าง งาน ครอบครัว ตัวเราค่ะ".