ถูกยกให้เป็นแมว 9 ชีวิตในวงการบันเทิง หลังพระเอกดัง ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เจอมรสุมข่าวฉาวรุมเร้า มีโอกาสเจอ ฟิล์ม-รัฐภูมิ เลยถามว่า
มีวิธีการจัดการยังไง? “มันอยู่ที่การวางตัวครับ ผมมองว่าผมคือสินค้าตัวนึง ถ้าเจอข่าวฉาวแล้วปล่อยตัวโทรม หรือทำตัวแย่ๆตามความตกต่ำของชีวิต ผมก็คงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้หรอกมันอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดในตัวผม แต่ผมก็ไม่ได้อะไร ก็ยังดูแลตัวเองต่อไป พาตัวเองไปอยู่ในอีกจุดนึง พอเวลาผ่านไป อะไรๆมันปรากฏออกมา ผมก็ถูกดึงตัวกลับมาได้อีกครั้ง ชีวิตคนเรามันก็เป็นอย่างนี้แหละ ประสบการณ์ที่ผ่านมามันสอนผมเยอะมาก ยิ่งแก่ยิ่งรู้โลกมากขึ้น ผมอายุ 33 ปีก็จริง แต่เป็นวัย 33 ปีที่เจอปัญหามากกว่าคนรุ่นเดียวกันเป็นร้อยเท่า (หัวเราะ) เจอทุกอย่างของชีวิต ผมก็เคยคิดนะว่าทำไมชีวิตเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย เจอปัญหาทุกอย่างที่ลงมือทำอะไร เป็นนักแสดงก็เจอข่าวฉาว เป็นนักธุรกิจเจอเรื่องเจอปัญหา เคยดีใจทำธุรกิจยอดพุ่ง 500 กว่าล้าน แต่ดีใจได้ไม่นานเจอข้อกฎหมายว่ามันไม่ถูกต้อง ผมผ่านมาเยอะ ชีวิตแกร่งมากครับ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตผมก็เป็นเพราะตัวผมเอง ช่วงวัยรุ่นอาจจะคึกคะนอง ก็เลยมีปัญหาเกิดขึ้นตามมา”
เห็นว่าจุดเริ่มต้นของฟิล์ม-รัฐภูมิ ตั้งแต่เป็นตัวประกอบไต่เต้าจนได้เป็นซุปตาร์ มีรายได้เป็นร้อยล้าน? “ผมเริ่มเป็นนักแสดงตัวประกอบตั้งแต่อายุ 15 ปี แล้วมาดังมากๆตอนอายุ 17 ปี และทำงานมาเรื่อยจนอายุ 33 ปี ผมอยู่ในเส้นทางนี้มานานมาก เห็นวงจรชีวิตตัวเอง ตั้งแต่ยุคทองหาเงินได้เป็นร้อยล้านนะครับ พรีเซ็นเตอร์ทุกตัวที่มีในประเทศไทยผมเป็นมาเกือบหมด แล้วมันก็ผ่านไปตามยุคตามสมัย โลกเปลี่ยนไวมาก ทำให้ผมได้เห็นสัจธรรม ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรที่แน่นอนและยั่งยืน คือวันนี้ถ้ายังรู้จักที่ลงไม่เป็น คิดว่าตัวฉันเองเป็นซุปเปอร์สตาร์นั่นก็มีแต่รอวันตาย ต้องลงเป็นและขึ้นเป็น ต้องดูจังหวะชีวิตตัวเอง เป็นไอดอลของคนไทย ได้ในหลายรูปแบบ วันนี้ไม่ใช่ยุคทองของเรา ก็ไปหาอย่างอื่นทำที่จะทำให้มันเป็นยุคทองของตัวเองคนเราต้องอยู่ให้เป็นครับ” ...นี่เป็นประสบการณ์อันมีค่าของ พระเอก-นักร้องซุปเปอร์สตาร์ที่ชื่อ ฟิล์ม-รัฐภูมิ.
...