หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตา นักร้องน้องใหม่อย่าง เอ้ อุเทน พักพา หนุ่มสระแก้ว วัย 30 ปี ศิลปินจากสังกัดค่าย Mahori music ที่แจ้งเกิดในซิงเกิลเพลงแรกในชีวิต ผู้หญิงก็ควาย ผู้ชายควายกว่า จนดังเปรี้ยงปร้างอยู่ในขณะนี้ ด้วยเนื้อเพลงสะท้อนเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นอยู่ในสังคมปัจจุบัน ที่เขาถ่ายทอดอารมณ์ของเพลงจนฟังติดหูทั่วบ้านทั่วเมือง แถมเอ็มวีก็แรงชัดจัดเต็ม เห็นถึงความเรียล เล่นจริง-จูบจริง จนกลายเป็นเพลงที่ถูกพูดถึงชั่วข้ามคืน
ซึ่งหลายคนคงไม่ทราบว่าเรื่องราวชีวิตของนักร้องหนุ่ม เอ้ อุเทน ต้องฝ่ามรสุมชีวิตอย่างหนัก ครอบครัวลำบากยากจน ไม่มีเงินส่งเสียให้เขาเรียน ทำให้เขาไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องทำงานสารพัดเพื่อประทังชีวิตตัวเองและครอบครัว เริ่มจากเป็นเด็กปั๊มตั้งแต่อายุ 15 ไปจนถึงรับจ้างปลูกมันสำปะหลัง จากเด็กที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักร้องชื่อดัง ได้ค่าตัวคืนละ 50 บาท จนมาถึงวันนี้ที่มีคนเริ่มรู้จักเขามากขึ้น ซึ่งเจ้าตัวได้เล่าเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมากว่าจะมาถึงจุดนี้ว่า
"พอเริ่มโตก็เริ่มรู้ว่าครอบครัวยากจน ไม่ได้มีเงินมีทองมากมายที่จะทำให้ชีวิตสุขสบายแต่ก็ยังมีข้าวกิน เพราะพ่อผมทำนา และขยันหาปูหาปลามากินตามประสาคนบ้านนอก ไม่รู้จักหรอกครับ พิซซ่า MK KFC ไม่เคยได้กินหรอก ดีสุดไก่ย่างไม้ละ 3 บาท ด้วยเหตุนี้แหละครับ ผมถึงไม่ได้เรียนต่อ เหตุการณ์ครั้งนี้มันเหมือนเป็นปมตามติดในใจผมมาตลอด แม้ว่าจะผ่านมาเนิ่นนานนับ 10 ปีก็ยังคงอยู่ คำพูดของพ่อกับแม่ดังก้องอยู่ในใจว่า “ไม่ต้องเรียนหรอกลูก พ่อไม่มีเงิน” ทำงานช่วยกันดีกว่า สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนหนังสือ ก็เก็บกระเป๋าเดินทางมากรุงเทพฯ หางานทำตอนอายุ 15 ปี
...
เป็นเด็กปั๊มเติมน้ำมัน เงินเดือน 3,000 บาท แต่ก็ทำอยู่อัดฉีดได้ 3 เดือน ก็ต้องออกจากปั๊ม เพราะพ่อแม่อยากให้ผมไปอยู่ร้านไม้ด้วยกัน ผมก็ย้ายไปอยู่กับแม่ ไปงัดไม้พาเลท ที่บางปลา สมุทรปราการ แบกขึ้นรถไปส่งโรงงานทำสารพัด ทำอยู่ 3-4 เดือนมั้ง พ่อแม่มีทุนกลับไปทำไม้กวาดที่บ้านเกิดสระแก้ว ผมก็ช่วยพ่อ-แม่ทำไม้กวาดขาย ใส่รถสามล้อไปขายกรุงเทพฯ-สระแก้ว ได้กำไรพันสองพันนี่แหละ
ระหว่างรอพ่อเอาเงินมาซื้อของมาทำไม้กวาด ผมก็ออกไปหารับจ้างหยอดปุ๋ยมันสำปะหลัง ปลูกมันสำปะหลัง มีอยู่วันหนึ่งพ่อขี่ซาเล้งคว่ำตอนกลับมาจากกรุงเทพฯ ไฟซาเล้งไม่มี แรงลมจากรถพ่วงด้วย บวกกับความเร็วและความหนักของซาเล้ง ทำให้เสียหลักโชคดีที่ไม่ถึงชีวิต ก็รอดกลับถึงบ้านมาแบบสภาพที่ผมเห็น ผมน้ำตาไหล... ทำมาหลายปีจนผมสงสารพ่อ พ่อเริ่มแก่ เป็นลมตอนทำนาเกือบตายเหมือนกัน งูกัดอีก จนต้องขายนาไปซื้อรถยนต์เพื่อตัดสินใจลุยขายของ แต่สุดท้ายผมก็ต้องออกจากบ้านไปหางานทำ
ไปได้งานเป็นคนล้างรถ ทำได้สักพัก มีคนชวนไปขายเสื้อผ้าและรับเหมาก่อสร้าง ทำได้พักหนึ่งก็ทำไม่ไหว มันเหนื่อย ซึ่งเราคิดว่ามันไม่ใช่งานที่เรารัก เราทำได้แต่ไม่มีความสุข เลยกลับไปตั้งหลักที่บ้าน รู้สึกตัวเองไร้ค่ามาก เลยตัดสินใจหางานทำอีกครั้ง ประจวบเหมาะมากพี่ชายลูกพี่ลูกน้องหางานให้ เป็นงานร้องเพลง คาเฟ่ เราดีใจเพราะเราชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็ก ค่าตอบแทนตอนนั้น ค่าตัว 50 บาท
ผมพยายามพัฒนาตัวเอง ขยับตัวเองมาเรื่อยๆ เจอคนมากมาย อุปสรรคมากมาย คนด่า คนดูถูก แต่ผมไม่สน ผมรักการร้องเพลงจะเป็นศิลปินให้ได้ จนมาเจอ ค่ายเพลง "Mahori music" เค้าให้โอกาสผมได้ทำงานร่วมกัน ทำให้มีเพลงและ MV ตัวแรก รู้สึกเหมือนเริ่มมองเห็นแสงสว่าง ผมจะตั้งใจทำงานให้ดี ขอบคุณโอกาสที่มอบให้ผม ขอบคุณ Mahori music ที่มองเห็นอะไรบางอย่างในตัวผม และผมเชื่อว่าทุกคนก็คงจะลำบาก และฝ่าฟันต่อสู้มาไม่น้อยกว่าผมแน่นอน และอยากให้สู้ต่อไป ผมเชื่อว่าสักวันจะมีคนมองเห็นเหมือนกับ Mahori music มองเห็นบางอย่างในตัวผม".