มาในลุคเข้มบู๊เปลี่ยนแนวหนุ่มมาดเท่เซอร์ “โทนี่ รากแก่น” มาจับปืนปล่อยหมัดเตะต่อยในโปรเจกต์ เดอะ ไรท์เตอร์ เรื่อง “แนวสุดท้าย” บทประพันธ์ของทมยันตี ละครแนวบู๊แอ็กชั่นครั้งแรกของช่อง GMM 25 ที่กำลังเข้มข้นครบรส ประกบ 3 นางเอกสาวสวย แก้ว–จริญญา, เบเบ้–ธันย์ชนก รวมทั้งสาว หลิน–มชณต หวานใจตัวจริงที่มาเล่นละครคู่กันครั้งแรก

เลยชวน โทนี่ มาเผยความตั้งใจ พร้อมทั้งมี หลิน ร่วมแจมเล่าชีวิตจริง พลิกบทบาทมาเป็นนักบู๊ครั้งแรก? “เรื่องนี้รับบทชาคริต หน่วยสืบราชการลับที่มีพื้นฐานเป็นหน่วยรบซีลมาก่อน ไหวพริบดี สามารถเปลี่ยนตัวเองไปได้เรื่อยๆ ก็ได้ไปฝึกสไตล์การต่อสู้ที่ใช้ในสนามรบจริงแบบมูฟเมนต์น้อยแต่ได้ผลรุนแรง เรื่องนี้ดีไซน์ การต่อสู้โดยพี่จิม คนไทยที่ได้ทำงานในฮอลลีวูด พี่โอ๋-คฑาเทพ ผู้กำกับเลือกการบู๊สไตล์เป็นการต่อสู้จริงๆไม่ยืดเยื้อ ถามว่ายากมั้ยพื้นฐานผมชอบหนังแอ็กชั่นมากอยู่แล้ว ดูตั้งแต่เด็ก พอได้ทำจริงยิ่งอิน พร้อมเจ็บตัวให้เวลาไปเรียนเลยสนุก ได้แผลมาทุกคิว การต่อสู้ก็ต้องใช้อารมณ์ในการออกหมัดเตะเหนื่อยทวีคูณ”

...

จากหนุ่มคูลๆเปลี่ยนลุคเข้มยังไงให้คนเชื่อ? “เราศึกษาเลยครับ เรียนรู้เรื่องราวข้างหลังของตัวละคร นั้น ศึกษาว่าหน่วยซีลเค้าเป็นยังไง พูดจายังไงแบบคนไหวพริบดี พูดเร็ว วิธีพูด วิธีมองคนสังเกตคนก็เปลี่ยนไป โดยพื้นฐานแต่ตัวละครนี้ฉลาดมาก ต้องรู้เยอะ รู้จริง คล่องแคล่ว เราก็ฝึกฝนตัวเอง เราต้องเชื่อว่าเราตัวเล็กกว่าแต่เราต้องสู้ได้จริงไม่มีความกลัวในสายตา เรื่องร่างกายแรกๆตั้งใจฟิตเลย แต่กล้ามไม่มา ผู้กำกับบอกว่าโอเค ทหารจริงไม่ได้ต้องกล้ามสวยแค่ดูแข็งแรง”

ความยากที่สุดในเรื่องนี้? “น่าจะเรื่องของเวลาในการทำงาน เรามีเวลาน้อยมากในการ เรียนรู้คิวบู๊ มีพวกเอฟเฟกต์ต่างๆที่บางอย่างทำได้ครั้งเดียว โชคดีพี่โอ๋ ผู้กำกับช่วยเยอะมาก”

คนมองว่า เรื่องนี้ดูยากรึเปล่า สำหรับเราสนุกยังไง? “มันยังไม่มีละครเรื่องไหนในไทยที่ทำแบบนี้ เป็นบทประพันธ์ของทมยันตี แต่ถูกปรับมาให้อยู่ในยุคปัจจุบัน วิธีคิดปัจจุบัน เทคโนโลยีสมัยใหม่ การนำเสนอวิธีแอ็กชั่นแบบใหม่แบบเรียลลิสติกครับ”

เรื่องนี้ต้องพัวพันนางเอกหลายคน? “ใช่ครับ รับเล่นเพราะสิ่งนี้ (หัวเราะ) ครบทุกรสชาติจริงๆครับ เจอหลินที่ผ่านไปแล้วก็ดราม่า เจอแก้วก็โรแมนติกกุ๊กกิ๊ก พอเจอเบเบ้ก็อีกฟีล เรื่อง ราวเชื่อมกันหมดเลย ตอนที่เราสืบเรื่องของหลินเราก็เจอแก้วแล้วเจอพี่อาร์ต-พศุตม์ ก็เชือดเฉือนทุกคนถ่ายทอดได้ดีมากจริงๆ”

มาถามหลินบ้างเรื่องนี้เป็นไง? หลิน “บทที่จบไปเป็นการพลิก ลุคเลย บทกวางอันซูจะมาจากเวียดนามมาอยู่เมืองไทย ได้เป็นสาวเต้นโพลแดนซ์ เรื่องเซ็กซี่ไม่ยากขนาดนั้น เอาความเป็นนางแบบมาใช้ ยากตรงดราม่าสุดๆ แบกอะไรหลายอย่าง”

เป็นคนรู้ใจสนิทกันเข้าฉากกันตอนนั้นเป็นยังไง? โทนี่ “วันแรกยากเลย ในมุมมองผมตัวเค้าคือหลินไม่ใช่กวางอันซู แล้วเราต้องไปสงสารช่วยเหลือเค้า มันไม่มีเรื่องราวนั้นในหัวเรา มีแต่เรื่องที่เราไปกินก๋วยเตี๋ยวกัน ไปเที่ยวต่างประเทศกัน มันเลยยาก ต้องอาศัยต้องทำการบ้านเยอะ”

มีซ้อมต่อบทกันมั้ย? โทนี่ “ก่อนวันถ่ายเราจะมารันทรูไปด้วยกัน”

หลิน “แต่พอวันถ่ายจะมีสเปซกัน ทำสมาธิ ไม่เล่นกัน กลัวหลุด”

หลิน “ฉากที่มีหลินนั่นคือเข้ากับพี่โทเกือบทั้งหมด”

โทนี่ “ผมต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน หลินเค้าเก่งเรื่องทำการบ้าน เค้าอ่านบทประพันธ์หมดเลย”

...

ให้คะแนนบทบาทของหลินหน่อย? โทนี่ “เรื่องแนวสุดท้ายนี้เค้าทำได้ดีกว่าผมอีก ไม่ได้อวยกันเองนะ (หัวเราะ) แต่ผมมัวแต่ไปลุ้นเค้าว่าจะเล่นได้ มั้ย ฝั่งของเค้าเล่นดีมาก แต่สมาธิเราไม่ได้อยู่กับตัวเอง จนผู้กำกับต้องเรียกไปคุยว่าไม่ต้องไปลุ้นเค้ามาก”

หลินล่ะ โทนี่นักบู๊เป็นไง? หลิน “อย่างเรื่องบู๊โอเคเลยนะ เค้าเรียนสเกต เรียนเต้นมา ดูกระฉับกระเฉงมีสกิลต่อสู้จริง”

แล้วตอนต้องเลิฟซีนล่ะ เขินกันมั้ย? โทนี่ “เขินนะ อยู่ดีๆก็ต้องเอาริมฝีปากมาชนกัน (หัวเราะ) มันก็เขินทุกครั้งนะที่ต้องเลิฟซีนกับใครก็ตาม”

แล้วเลิฟซีนกับหลินหรือ นางเอกคนอื่นยากกว่า? โทนี่ “กับหลินยากกว่า เพราะมันจะมีความรู้สึกหวงอยู่ในตัวเรานิดนึงที่จะต้องเห็นเค้ามีภาพจูบไปออกสื่อ เวลาจูบเค้าในเรื่องอยากสัมผัสให้น้อยที่สุด”

หลินล่ะจั๊กจี้มั้ย? หลิน “ก็นิดนึงนะ มันต้องมาแสดงความรักกันต่อหน้าคนอื่น แค่ในกองก็มีตากล้องช่างไฟทีมงานมาเป็นพยานในการแตะริมฝีปาก”

...

ถึงตอนนี้คบกันมากี่ปีแล้ว? โทนี่ “4 ปีแล้วครับ ผมว่าสิ่งนึงที่ทำให้อยู่กันมานานเพราะเรามีความเป็นธรรมชาติเวลาอยู่กับเค้า มีความเป็นตัวเอง ไม่ต้องพยายามเกินไป การได้อยู่กับคนสักคนแล้วเป็นตัวเองทำให้เราชิลนะ”

หลิน “มันเป็นเรื่องดีนะคะ พอเค้าสบายใจชิลเราก็ชิลตาม”

หวานที่สุดที่เคยทำให้กันล่ะ คือโมเมนต์ไหน? หลิน “มันไม่ได้หวานเซอร์ไพรส์ยิ่งใหญ่ ที่ประทับใจคือตอนวันเกิดเรา ทำเฉยๆ แต่เอาของขวัญมาให้เรา เป็นกระเป๋าน้ำร้อน คือเราติดชอบประคบมากและเค้าก็มีของอีกอย่างเตรียมไว้ให้ด้วย ไม่ได้หวือหวาแต่เราไม่ได้คาดหวัง ทำให้รู้ว่าเค้าใส่ใจ”

โทนี่ “ถ้าเรื่องที่เค้าทำให้มันเยอะมาก เค้าเป็นสายเซอร์วิส ดูแล แล้วเค้าทำอย่างนี้กับทุกคนเป็นธรรมชาติของเค้าจริงๆ”.