เป็นตลกชื่อดังที่มีงานโชว์ตัวยาวเป็นหางว่าวตั้งแต่ต้นปี สำหรับ แจ๊ส ชวนชื่น หรือ แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก อีกทั้งเพลงแต่ละเพลงที่เขาได้ปล่อยมายังได้รับความนิยมอีกด้วย โดย บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสพูดคุยกับแจ๊ส ซึ่งเขาบอกว่า เมื่อก่อนสมัยที่เริ่มทำวงใหม่ๆ เคยเอางานไปขายในราคา 2 หมื่นบาททั้งวง ยังไม่มีใครสนใจเลย แต่ปัจจุบันเขาเผยว่าค่าจ้างวงพุ่งไปถึงเกือบ 2 แสนบาท!

จากที่คนพูดว่าวงเเจ๊ส ยิ่งดังยิ่งมีดราม่ารู้สึกยังไง?

“เครียดนะ น้อยใจว่าทำไม แต่สุดท้ายเราคิดว่าไม่ใช่เราเองที่โดน คนอื่นก็โดนหมด นับประสาอะไรกับเราล่ะ ผมเลยคิดว่า เฉยดีกว่า มันโดนหมดว่ะ ทำไปเถอะ ทำโดนด่า ไม่ทำโดนด่า 

คนเรามันมีหลายมุมมองที่คนจะมอง แต่ผมอยากเดินในวงการที่สะดวก ไม่อยากเดินแบบหลบๆ ซ่อนๆ ในสิ่งที่เราไม่ได้เป็น อยากให้คนเห็นสิ่งที่เราเป็น ว่าเราเป็นแบบนี้แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนใคร ไม่ต้องค้นหานิสัยผม ตัวผมเป็นแบบนี้ บางทีคนขอถ่ายหลายรูปผมพูดออกมาเลย ทำไมถ่ายหลายรูปจัง พอแล้วพี่เดี๋ยวคนอื่นถ่ายบ้าง ผมพูดออกมาเลยนะ แล้วแต่ว่าเขาจะคิดอย่างไร เราไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร อยากให้เขายิ้มมากกว่า”

...

ทำยังไงเพลงแจ๊สถึงดังเกือบทุกเพลงเลย?

“เราจำคำพูดของพี่ตูนมาเป็นแรงบันดาลใจ ผมได้ยินใครบอกไม่รู้ เค้าบอกว่า ทำเพลงมันเหมือนซื้อหวย ให้ซื้อไปก่อน แต่ต้องซื้อตลอดนะ ต้องซื้อไปเรื่อยๆ ผมก็ตั้งใจทำไปเรื่อย มันสนุก ไม่ได้หวังเเล้ว แล้วต่อไปผมก็ตั้งใจไว้ว่า จะทำเพลงเขียนเองเรื่อยๆ ไม่กลัว ไม่รอจังหวะอะไรแล้ว เราเน้นความหลากหลายใหม่ๆ เราไม่ได้ย่ำอยู่ที่เดิม

อย่างเพลงใหม่ที่ออกมา มันเป็นเพลงช้าซึ่งมันค้านในตัวผม แต่มันก็ยังมีความเป็นตัวผมอยู่ การโชว์ตัวของเรามันจะเป็นการค่อยๆ เพิ่มเลเวลขึ้นมา ไม่ใช่มาถึงจะเปิดตัวตู้มๆ ได้เลย ผมเป็นคนมีรายละเอียดสูงมาก จะขึ้นโชว์จะขึ้นยังไงให้คนเฮ ไม่ใช่ขึ้นไปแล้วยืนร้องเพลงเลย เราต้องเล่นให้คนสนุกกับเรา เอาอุปกรณ์มาใส่เต็มตัว

คือผมจะเล่นให้คนเต้นให้ได้ ซึ่งวันนี้มันประสบความสำเร็จหมดแล้ว เราเอาความเป็นตัวเราออกมาให้คนเค้ามีความสนุกให้ได้ ถ้าอันไหนคนยังนิ่งอยู่ก็เปลี่ยน ซึ่งวันนี้มันประสบความสำเร็จแล้ว เสื้อผ้ากองเต็มบ้าน ถ้าชุดนี้ไม่ได้เราก็โละออกเอาใหม่ ถึงบอกไงว่าเราไม่รวยสักที เราไม่มีค่าย ทุกอย่างเราซื้อหมด เครื่องเสียง สายไฟ รถกระบะ

จากธรรมดามากๆ ที่ไม่มีอะไร อย่างกลองเราก็ซื้อ เมื่อก่อนไปโชว์ตามงานวัด เราก็ไปรอว่าเครื่องเสียงเค้าเป็นยังไง ใช้เสร็จรึยัง ตอนนี้เวลาไปเราก็เอาของของเราไปบ้าง แต่ยังไม่แน่นเท่าไร ถ้าแน่นจริงๆ คงต้องออกรถทัวร์ เพราะคนมันเยอะ ของก็เยอะ เสื้อผ้า พร๊อบมันแน่นอะ สมัยก่อนไปแค่รถที่เรานั่งก็นั่งอัดๆ กันไป ทั้งเครื่องดนตรี ทั้งนักดนตรีอัดกันไป”

“คือเมื่อก่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกันให้เราไปช่วย เราก็บอกว่า 20,000 ผมมีวงนะ เราก็ไปนะ เราแฮปปี้ตรงที่ว่ามันจะได้เห็นป้ายอยู่ริมถนน แต่พองานเสร็จหารกันปุ๊บ 2 คนผัวเมียไม่มีเงินกลับบ้าน ก็ขับรถกลับกัน คือเราจ่ายให้น้องหมด

แต่ก่อนวงขาย 40,000 แล้วไม่มีคนซื้อเราเลย เอาจริงๆ ตัวเราคนเดียวจะขายได้ แต่พอขายเป็นวงไม่มีคนซื้อเลย งงมาก คือคนยังไม่เชื่อเรา ถ้าทำคนเดียวมันก็พอมีคนจ้างนะ แต่พอทำเป็นวงไม่มีคนเอาเลย มีแบบเอาบ้างไม่เอาบ้าง ซึ่งราคาทั้งวงก็คือราคาเราคนเดียว แล้วได้น้อยกว่าด้วยนะ

จนมาวันนี้มันพิสูจน์อะไรได้หลายอย่าง มันโอเคแล้ว โดยสุดท้ายคนที่ไม่ซื้อเราในราคา 40,000 ก็กลับมาซื้อเรา เราเริ่มต้นด้วยราคา 20,000 ไป 40,000 ไป 60,000 มาทุกวันนี้เราไปเป็นวง เพราะว่าส่วนใหญ่คนเลือกที่จะซื้อถูกกว่านิดหน่อย แต่เรามองว่าไม่คุ้ม แจ๊สไปแค่ครึ่ง ชม. ร้องเพลง 3 เพลง พูดคุยนิดหน่อย เราก็อยากให้เอาวงไปคุ้มกว่าอีกนะ ก็เอาน้องเราไปด้วย”

...

คนอาจจะมองว่า ถ้าไปเป็นวงจะแพง เรตค่าตัวของวงเราประมาณอยู่ที่หลักเท่าไร?

“ประมาณแสนปลายๆ เกือบสองแสน แล้วแต่งาน บางทีต่างจังหวัดเราจำเป็นต้องคิดค่าเดินทาง บางที่ไกลๆ เราก็ไม่สามารถซัพพอร์ตให้ได้ อย่างงานวัด งานกาชาด ก็จะอีกรูปแบบหนึ่ง ส่วนในกรุงเทพฯ ก็จะอีกราคาหนึ่ง เพราะมันไม่มีค่าเดินทาง ถ้าเป็นร้านเหล้าก็จะอีกราคาหนึ่ง ต่อรองกันได้”.

...