โลดแล่นเส้นทางซุปตาร์ระดับเอเชียมากว่า 10 ปี ประเดิมปีใหม่ 2561 นี้ หนุ่มเค-ป๊อปหน้าใสสายเลือดไทย “นิชคุณ หรเวชกุล” วงทูพีเอ็ม เผยแพลนงานปีนี้กับ “ทีมข่าวบันเทิง” ว่าเป็นปีที่งานแน่นมากๆแถมแฟนๆ รอกรี๊ดได้เลยเพราะจะได้เห็นผลงานที่ประเทศไทยเยอะขึ้น และเล่าถึงการทำงานในฐานะศิลปินที่สั่งสมประสบการณ์มาถึงวันนี้ว่า “ปีนี้คงเป็นปีที่ยุ่งมากๆ ดูตารางแล้วบินตลอด ผมว่าน่าจะสร้างบ้านในเครื่องบินเลย (ยิ้ม) บินเยอะมาก มีละครที่จีนที่จะออก น่าจะใกล้ๆกับหนัง Brother&Sister ของค่ายจีดีเอช ที่จะออกกลางปี ปีนี้อยากจะออกอัลบั้มโซโล่ สัญญากับแฟนๆไว้แล้ว ถ้าออกอัลบั้มก็คงต้องมีคอนเสิร์ตหน่อย จะมีแฟนมีตติ้งที่ประเทศไทย 3 มี.ค.ด้วยครับ คงมาประเทศไทยบ่อยขึ้น ได้เห็นผลงานที่เมืองไทยเยอะขึ้น”
หลักการทำงานของนิชคุณในวันนี้ที่เรามีประสบการณ์เยอะขึ้นคืออะไร?
“ไม่คาดหวังแต่ทำให้เต็มที่กับทุกครั้งที่ทำงาน เพราะ ตอนเด็กๆผมคาดหวังว่าเราจะทำอย่างนี้นะแล้วเดี๋ยวจะได้อย่างนี้ จะไปฮอลลีวูดจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ 50 เปอร์เซ็นต์โอกาสมันไม่ได้ตามนั้นหรอก แต่บทพอโอกาสจะมามันก็จะได้มาเอง เราไม่ได้คาดหวังว่าได้ก็ได้ พอทำงานมีอายุมากขึ้นเลยทำให้รู้ว่าเราไม่ต้องคาดหวังอะไรหรอก แค่ทำทุกวันให้เต็มที่ดีที่สุด สิ่งที่มันเป็นของเรามันจะตามมาเอง”
ความฝันหรือเป้าหมายจริงๆของนิชคุณคืออะไร?
“ความฝันของผมจริงๆอยากอยู่แบบคนธรรมดาติดดินอยู่สบายๆ นั่นยังเป็นความฝันของผมเสมอ ผมก็คิดนะว่าเราจะทำงานนี้ไปถึงเมื่อไหร่ อายุเท่าไหร่ถึงจะถือว่าพอแล้ว คนทั่วไปก็มีการเกษียณ แต่ผมยังมีหลายคนที่ต้องดูแล ผมเองก็อยากทำงานให้แฟนคลับเห็นจนกว่าเค้าจะไม่อยากเห็นผมแล้ว (ยิ้ม) ไม่หรอก ก็ทำงานของเราไปเรื่อยๆ ถ้าคิดว่าเป้าหมายในอนาคตของผมคืออะไร จริงๆก็ยังไม่ได้ตั้งไว้นะ จะมีครอบครัวรึเปล่าก็ไม่รู้ จะทำงานถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แค่ทำทุกวันให้ดีที่สุด ทำให้คนที่รักผมภูมิใจให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับ หรือครอบครัวผมหรือใครก็แล้วแต่ นั่นล่ะคงเป็นเป้าหมายของผม”
...
ความสุขในการทำงานของนิชคุณในฐานะศิลปินเคป๊อปทุกวันนี้คืออะไร?
“ความสุขของผมคือทำในสิ่งที่ผมชอบแล้วคนมีความสุข อย่างการแสดงบนเวทีต่างๆ ผมมองว่าคนเค้าจ่ายเงินมาดูเราแล้วเค้าแฮปปี้มากผมต้องขอบคุณเค้า เพราะเวลานั้นๆเค้าสามารถไปใช้กับแฟนกับครอบครัวก็ได้แต่กลับเสียเงินเพื่อจะใช้เวลามาอยู่กับผม เงินมันไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ สิ่งที่ผมทำอยู่ตรงนี้ การที่ผมร้องเต้นต่อหน้าคน แล้วทำให้คนมีความสุขมันเป็นอาชีพที่สุดยอดมากนะ ในการมอบความสุขให้กับคน แต่ก็ไม่ได้ต้องมาเฆี่ยนตัวเองให้ทุกคนต้องมีความสุข คือเรามีความสุขของเราด้วยแต่ผู้คนก็มีความสุขเพราะเรามีความสุข แต่ผมก็เข้าใจในหลายๆคนนะที่มีความรู้สึกซึมเศร้า หรือไม่มีความสุข เพราะมันเป็นอาชีพที่ไม่แน่นอนมากๆ
ผมเข้าใจเลยว่าทำไมบางคนถึงเป็นอย่างนั้น ผมเลยรู้สึกเศร้ามากเวลาได้ยิน ข่าวการสูญเสียที่ผ่านมา ถึงแม้ผมจะไม่ได้สนิทกับจงฮยอนมาก แต่เราก็เติบโตมาด้วยกัน วงเค้าเดบิวต์ก่อนผม 4-6 เดือน เป็นรุ่นพี่เรานิดนึงในการทำงาน แต่อายุน้อยกว่า ภายใน 10 ปีนี้วงเราก็โตมาด้วยกัน อาจจะมีการต้องแข่งขันกัน แต่เวลาไปออกรายการเราได้คุยกันสนุกกัน และเป็นคนดีด้วย ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่อยู่ดีๆวันนึงพอผมได้ข่าวว่าเค้าไปแล้ว ผมก็คิดว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเข้าใจนะว่าอาชีพนี้ อยู่ตรงนี้ความดังมันทำให้คนบ้าได้เลยนะ เพราะอยู่ดีๆวันนึงแสดงคอนเสิร์ตมีคนมากรี๊ดร้องไห้ดีใจที่ได้เห็นเรา
แต่พอกลับมาบ้านแล้วไม่มีใครเลย กลับมาบ้านเราก็เป็นคนธรรมดา มีหิว มีเข้าห้องน้ำ นอนน้ำลายไหล บางคนอินมากกับอาชีพ การที่เราได้ให้ความสุขกับคนแล้วเราอินมากเกินไป พอเรามาใช้ชีวิตธรรมดาแล้วเราลืมไป ถ้าเรื่องนี้เกิดกับเพื่อนใกล้ตัวผม ผมจะเรียกเค้ามานั่งคุยกันว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า กำลังคิดอะไร ผมอยากให้ทุกคนมีความสุข สำหรับผมอยากบอกให้แฟนคลับรู้ว่าผมแฮปปี้มาก ไม่อยากให้แฟนๆเป็นห่วงผม มีครอบครัว มีแฟนคลับที่ผมรัก มีคนที่พึ่งพาได้ จิตใจผมแฮปปี้ครับ”.
ทีมข่าวบันเทิง