หลังจากที่ นักแสดงสาว ทราย อินทิรา เจริญปุระ ได้เปิดใจว่า คุณแม่เป็นโรคซึมเศร้า และตนก็ได้พาคุณแม่ไปอยู่โรงพยาบาลศรีธัญญา จากนั้นเลยเกิดประเด็นดราม่าขึ้นมาอย่างรุนแรง ซึ่งหลายคนก็ยังคาใจว่า เพราะเหตุใด เธอจึงพาคุณแม่ไปอยู่ที่นั่น ทำไมแค่นี้ถึงดูแลแม่ตัวเองไม่ได้
ล่าสุด ทราย ก็ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์เรื่อง โรงพยาบาลศรีธัญญาให้ได้รู้ เพราะที่ผ่านมา ทุกคนจะรู้แต่เพียงว่า โรงพยาบาลศรีธัญญา คือที่ที่มีแต่คนบ้ามารักษาตัวเท่านั้น เหมือนในละครที่เคยดู โดย ทราย ได้โพสต์ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า
...
"สปช. สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตเรื่องศรีธัญญากัน - เราเข้าใจว่าหลายคนรู้สึกชอบกลกับ "ศรีธัญญา" เราเข้าใจฟีลนะ แต่จริงๆ ก็เหมือนโรงพยาบาลโรคเฉพาะทางอื่นๆ อย่างศูนย์หัวใจ หรือศูนย์โรคมะเร็ง ที่จะมีคุณหมอ และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญกับโรคเฉพาะทางนั้นๆ
จริงๆ โรงพยาบาลรักษาจิตเวชเฉพาะทางที่เป็นเอกชนก็มีค่ะ แต่ไกลบ้านเรามากๆ แต่ก่อนแม่ก็เคยหา หมอเองก็ยังออกปากว่าการเดินทางไกลๆ รถติดๆ ก็สร้างความเครียดทั้งคนไข้และคนพามาเปล่าๆ
ไปอยู่โรงพยาบาลนี่ แม่ต้องผ่านการคัดกรอง การตรวจ คุยกับหมอ ซักประวัติเทียบกันทั้งจากแม่และจากเรา เราโดนซักประวัติ 3-4 รอบกว่าจะไปถึงวอร์ด (แต่เจ้าหน้าที่และบุคลากรทุกจุดติดต่อใจเย็นมากๆ ค่ะ กราบหัวใจเลย) ต้องติดต่อคุณพยาบาลทุกครั้ง ต้องให้เบอร์ติดต่อ
เพื่อที่พยาบาลจะได้โทรรายงานอาการผู้ป่วยได้ตลอด เพราะการให้ญาติไปเยี่ยมตลอดจะทำให้ผู้ป่วย (ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาเพราะโดนสปอยล์มาจากบ้าน) ยิ่งงอแง หลายคนอาจจะงงว่าทำไมแม่ยอมมา
จริงๆ หมออยากให้มาตั้งแต่แม่ขู่ฆ่าตัวตาย ทำร้ายคนในบ้านแรกๆ แล้ว แต่ก็นะ...คนเป็นลูกไม่ได้ทำใจง่ายๆ จนหลังๆ หนักขึ้นเลยต้องหาบุคคลที่ 3 มาช่วยกันพูด เพราะลำพังกับลูก แม่ดื้อมากๆ ดีว่าแม่มีเพื่อนที่คุ้นกัน และแม่ยังจำได้ อาสามาเป็นตัวช่วย
แม่อยู่ห้องสะอาดสะอ้านโปร่งโล่งแบบในภาพนี้ค่ะ ห้ามญาตินอนเฝ้า แต่ต้องมีน้องผู้ดูแลพิเศษเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง ผลัดกันเวรละ 8 ชั่วโมง อาหารสั่งได้นะคะ (ยกเว้นผู้มีข้อจำกัดทางอาหาร เช่น มีโรคประจำตัว) มีกิจกรรมกลุ่มให้แม่พูดคุย ทำอาหาร ห่อขนมจีบ (เรายังบอกแม่เลยว่าจำสูตรไว้ด้วยนะ จะเอามาทำในอร่อยสร้างภาพ) กายภาพ ฯลฯ
ญาติก็ต้องเข้ากลุ่มพบผู้เชี่ยวชาญ เพื่อพูดคุย และรับแนวทางการดูแลต่อหลังจากออกจากโรงพยาบาล คนไข้ก็จะมีอบรมด้วยนะคะ ว่าวิธีปฏิบัติตัวเวลาออกไปอยู่ข้างนอกควรจะเป็นยังไง
แม่อยู่มาอาทิตย์นึงแล้วค่ะ หมอบอกว่าอย่างต่ำต้อง 2 อาทิตย์ เพื่อสร้างวินัยใหม่ ตอนนี้แม่กินข้าว/กินยา/นอนตรงเวลา (ไม่ดื้อกับพยาบาลเหมือนกับลูกเนาะ555) ร้องไห้น้อยลง การรับรู้วันเวลาดีขึ้นมาก และไม่ค่อยเกรี้ยวกราดแล้ว
รายละเอียดการรักษา และการเข้าเยี่ยมเป็นไปอย่างเคร่งครัด เราหวังว่าแม่จะดีขึ้นเร็วๆ รู้ว่าหวังให้หายเลยมันเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ถ้าแม่จะมีความสุขขึ้น ได้ยิ้ม ได้คุยเล่นกันบ้าง เราก็ดีใจแล้ว
แนะนำให้มาหาหมอจริงๆ นะ เครียด นอนไม่หลับ หรือคุณพ่อคุณแม่ใครเริ่มเข้าสู่วัยปลาย มีนิสัยมีวิถีชีวิตที่แปลกไป ก็มาคุยได้ค่ะ ไม่น่ากลัวเลย :)".