กลายเป็นประเด็นร้อนเลยทีเดียว เมื่อมีสำนักข่าวแห่งหนึ่งรายงานข่าวว่านักแสดงรุ่นใหญ่ กิตติ ดัสกร น้องชาย ดามพ์ ดัสกร ดาวร้ายชื่อดัง ประสบอุบัติเหตุรถยนต์ตกคลอง ก่อนลูกสาวนำตัวส่ง รพ. โดยระบุว่า กิตติ มีอาการโคม่าและมีอาการอัมพฤกษ์ ขาไม่มีแรง ปากเริ่มเบี้ยว

ล่าสุด คิตตี้ ดัสกร ลูกสาวของกิตติ ดัสกร ได้โพสต์ภาพของ กิตติ และชี้แจงอาการป่วยของคุณพ่อว่า "เอาเรื่องจริงนะบางข้อมูลก็ลงผิดเพื้ยน ยังไม่เป็นอัมพฤกษ์โคม่านะคะ หรือว่าเดินไม่ได้นะคะ แค่เริ่ม ถ้าเป็นคงกินข้าวไม่ได้ค่ะ นี่ยังทานข้าวได้ แต่ต้องป้อนนิดนึง เพราะยังไม่ค่อยถนัด มีโอกาสหายค่ะ เพราะต้องทำกายภาพบำบัด ยังรู้สึกตัวอยู่นะคะ ขาไม่มีเรี่ยวเเรง เนื่องจากไม่ทานยาตามหมอสั่ง นานๆ จะทานที

แล้วปะป๊ามีละครสองเรื่องติดต่อกัน เทพสามฤดู กับ ขุนแผนแสนสะท้าน อดนอนค่ะ นอนน้อย ต้องท่องบททั้งคืน ที่รับละครสองเรื่อง เนื่องจากต้องการที่จะมีทุนไปทำการค้าขายเล็กๆ ค่ะ ประกอบธุรกิจเล็กๆ เพราะงานวงการบันเทิงปะป๋าเคยพูดว่ามันไม่แน่นอน คนใหม่ๆ เข้ามาเยอะ อีกอย่างปะป๋าก็มีอายุค่อนข้างมากเเล้ว จะเจ็ดสิบเเล้ว นานๆ อาจจะมีละครเล่นที จึงหักโหมทำงานหนัก ทำให้ตนเองนอนน้อย นอนวันละแค่สามชั่วโมงร่างกายทรุดค่ะ

แล้วทานข้าวไม่ตรงต่อเวลา มีโรคประจำตัวมีค่ะ เบาหวานเริ่มขึ้นตา ทำให้สายตาไม่ค่อยดีบางครั้ง และชอบขับรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ช็อปเปอร์ ก่อนหน้านี้เคยขับรถมอไซค์ชนฟุตปาทค่ะ เกิดอุบัติเหตุอยู่เป็นเดือน อาการสาหัส ลุกไม่ได้เลย ยาไม่ยอมทาน เลย ไม่ทำตามหมอสั่ง นานๆ ปะป๋าจะกินยาที เตือนเเล้วไม่เชื่อค่ะ ดื้อยา คิดว่าร่างกายตนเองแข็งแรงอยู่เสมอ พอนั่นทรุดค่ะ เพราะร่างกายขาดน้ำตาลไปหล่อเลี้ยงกระดูก ทำให้ขาไม่มีเรี่ยวเเรง ร่างกายขาดขาดแคลเซียม เลยมีอาการขาลุกไม่ขึ้นทั้งสองข้าง แขนขาขาดโปรตีน นมก็ไม่ค่อยทานค่ะ

...

และตอนนี้ปะป๋ารับปากกับหมอแล้วค่ะ ต่อไปจะทานยาตลอดชีวิต ทำตามแพทย์สั่ง ป๋าแกไม่ได้เป็นอัมพฤกษ์ขั้นรุนเเรงนะคะ ไม่ได้อาการโคม่านะคะ ยังมีสติค่ะ รู้สึกตัวพูดได้อยู่ค่ะ บางครั้งก็พูดชัด บางครั้งก็ไม่ค่อยชัด แต่พอให้น้ำเกลือเริ่มพูดชัดมากขึ้นค่ะ เพราะร่างกายได้นอนพักผ่อนเต็มที่เเล้วค่ะ แล้วปากก็ไม่มีอาการเบี้ยวเเล้วค่ะ ใช้เวลาสักพักร่างกายกลับมาเป็นปกติค่ะ ขอบคุณค่ะเพื่อนๆ ที่ห่วงใย”

นอกจากนี้ คิตตี้ ได้เผยถึงสาเหตุที่ กิตติ มีอาการเส้นเลือดในสมองใกล้แตกด้วยว่า “ที่เส้นเลือดในสมองใกล้แตกไม่ได้เป็นเพราะอุบัติเหตุ เพราะอุบัติเหตุไม่สามารถทำให้ใครเส้นเลือดในสมองแตกได้ แต่เป็นเพราะว่าความเครียดเรื่องส่วนตัว ก่อนหน้านี้ป๋าไม่มีมีละครเล่น หายไปสี่ปี ละครน้อยมากนานๆ จะมีที

โดยมี คุณหรั่ง ไพรัช สังวริบุตร, คุณสยม สังวริบุตร, คุณสยาม สังวริบุตร ให้โอกาสป๋ากลับมาเล่นละครอีกครั้ง จึงทำให้ป๋าท่องบทอยู่ทั้งคืน คุณหรั่งเรียกป๋าไปพบที่กองถ่าย แล้วให้เงินมา 7,000 บาทเอาไว้ใช้ ทำให้ป๋าซาบซึ้งใจและนำเงินไปทำปลาร้าผัดและทำแหนมใส่กระปุกขาย ก่อนหน้านี้ป๋าก็เคยขายแหนม ไปนั่งขายที่ตลาดนัดตั้งแต่สามโมงเย็นถึงสองทุ่ม ไปขายช่วงแรกแรกขายไม่ได้เลย แต่ป๋าก็สู้นั่งขายของไม่อายใครเพราะถือคติอย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา ถ้าอายก็อดตาย

บางงานที่ป๋ารับทำก็ถูกเบี้ยวเงิน บางงานโอนเงินมาครึ่งนึง พอถ่ายเสร็จไม่จ่ายตังค์ เจองานถูกเบี้ยวถูกโกงมาอยู่ตลอดจึงทำให้ป๋าเครียดหนักมาก เพราะบางทีถูกตัดน้ำตัดไฟ หาเงินไม่ทันที่จะมาจ่าย เพราะถูกโกงมาโดยตลอด ญาติพี่น้องใช่ว่าจะพึ่งกันได้ทุกคน บางคนก็พึ่งได้บางคนก็ไม่สามารถพึ่งได้ เพราะก็ต่างคนต่างอยู่ต่างคนต่างใช้ชีวิต

ป๋าเป็นคนไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ แต่สูบยาเส้นซองละ 10 บาท เพราะบุหรี่แพง เคยบอกป๋าว่าไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ป๋าบอกไม่สูบยาเส้นมันเครียดจะลงแดงตาย แต่ตอนนี้พ่อสัญญาเเล้วจะไม่สูบยาเส้นอีก เพราะจะทำให้สุขภาพทรุดโทรมลง

...

ขอให้ป๋าหนูหายไวๆ แล้วกลับมาสู้ชีวิตกันอีกครั้ง ถึงจะมีเหนื่อยบ้างท้อบ้าง ยอมรับและเดินหน้า เราเจอวิบากกรรมด้วยกันมามากแล้วกับชีวิตที่ผ่านมา หนูจะสู้กับป๋าต่อไป การที่หนูออกมาโพสต์ ต้องการให้รู้ว่า ชีวิตคนเราไม่ได้มีความสวยหรู เบื้องหลังชีวิตคนเราคือคนธรรมดา ต้องปากกัดตีนถีบ มีอะไรที่ยังต้องดิ้นรนอีกเยอะ นี่แหละคือบทเรียน บททดสอบ รสชาติของชีวิต”.