หลังจากที่มีข่าวหมอดูอีที หมอดูชาวพม่าชื่อดัง ได้เสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ก็กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนที่เชื่อในเรื่องของการดูดวงตรวจชะตาตัวเองไม่น้อย เพราะชื่อของหมอดูคนนี้ติดอันดับความแม่นเหมือนกับตาเห็น

และ ต๊ะ นิรัตติศัย กัลย์จาฤก ผู้จัดละคร ก็เป็นอีกคนที่เคยลองของและได้เจอเรื่องความแม่นยำมาด้วยตัวเอง หลังจากที่ยอมให้หมอดูอีทีตรวจดวงให้ ถึงขั้นยอมก้มกราบเท้าและเรียกอาจารย์มาตั้งแต่วันนั้น และเป็นแค่คนเดียวที่ได้ลิขสิทธิ์นำประวัติชีวิตของหมอดูชื่อดังมาทำเป็นละคร ในเรื่อง คนเหนือโลก ตอนหมอดูอีที

ซึ่งผู้จัดละครได้เปิดเผยความรู้สึกหลังทราบข่าว และเล่าเรื่องราวในความเชื่อและศรัทธาในตัวหมอดูอีทีว่าเกิดจากอะไร พร้อมเล่าเรื่องราวที่หลายคนไม่เคยรู้เกี่ยวกับหมอดูอีทีให้กับผู้สื่อข่าวไทยรัฐได้ฟังว่า 

"หลังจากที่ทราบข่าวการจากไปของท่าน รู้สึกตกใจมาก เพราะท่านเป็นอาจารย์ที่เคารพ พอทราบข่าวมีน้ำตาคลอขึ้นมานิดนึง เพราะได้เข้านอกออกในบ้านท่านมา 14 ปีแล้ว ได้เห็นการทำงานของท่าน ได้เห็นวิถีชีวิตที่ท่านได้ทำทุกวัน ถ้าอารมณ์ดี ก็จะทำอาหารทานเองบ้าง แล้วก็ไปวัดต่างๆ ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพ ถ้าผมอยู่ในช่วงนั้นท่านก็จะพาไปด้วย แล้วก็ชี้ให้ดู เล่าให้ฟังว่าตรงนี้มีพลังอะไร พาไปสวดมนต์กับท่าน หรือเวลาวันเกิดของท่าน ก็จะให้ไปงานวันเกิดท่านด้วย ก็จะไปวัดต่างๆ ที่ท่านดูแลอนุเคราะห์อยู่ เพราะท่านจะชอบทำบุญและทำทานมาก

...

ส่วนมากท่านจะแจกเงิน ข้าวของต่างๆ ให้นักเรียนเรียนฟรีบ้าง สร้างโรงพยาบาลให้กับชาวบ้าน อย่างพระสงฆ์ก็จะเน้นในเรื่องการผ่าตัดดวงตาฟรี ส่วนมากจะเป็นเรื่องของการทำบุญ ถ้าว่างเมื่อไหร่จะไปทำบุญตลอด ในช่วงก่อนเที่ยงกับก่อนหกโมงเย็น เวลาเข้าบ้าน 2-3 ทุ่มก็จะนั่งบำเพ็ญเพียร ชวนลูกศิษย์สวดมนต์ ช่วยสงเคราะห์ให้กับคนยากจน

หลังจากที่ทราบข่าวก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน เพราะทุกปีจะต้องบินไปหา ซึ่งจริงๆ แล้วเพิ่งได้นัดท่านไว้ว่าวันที่ 7-9 ก.ย.นี้จะบินไปหาท่าน แต่มีปัญหาเข้ามาพอดี เลยขอยกเลิกนัดไป และคิดว่าอีก 1-2 เดือนค่อยบินไปหาอีกที ไม่อย่างนั้นคงได้คุยกันเป็นครั้งสุดท้าย

ส่วนจะบินไปร่วมงานหรือไม่นั้น ตอนนี้รอฟังข่าวจากทางญาติก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเพิ่งทราบข่าวเมื่อเช้าว่าเสียแล้ว ส่วนเรื่องเล่าเรื่องความแม่นยำของท่านนั้น ตอนนี้ขอให้เป็นวิจารณญาณในการอ่านนะ แต่ที่เจอกับตัวที่ยอมเรียกว่าอาจารย์เพราะว่า ได้เห็นและเจอกับตัวเองแล้ว จนทำให้เราศรัทธาและยอมลงไปนั่งกราบท่าน เพราะท่านเห็นจริงๆ

ครั้งแรกที่ได้รู้จักท่าน เกิดจากผู้ใหญ่ท่านนึงได้แนะนำให้ไปดูดวง ตอนแรกก็ไม่เชื่อว่า เพราะว่าท่านพูดไม่ได้ จะรู้ได้ยังไง เราจะฟังรู้เรื่องได้ยังไง ท่านจะทำนายถูกได้ยังไง ท่านก็คงรู้แหละว่าเราคงไม่เชื่อหรอก เพราะสมัยก่อนก็ไม่เคยเชื่อเรื่องหมอดูเลย แต่เป็นคนแรกเลยที่เชื่อและศรัทธา เพราะ 10 ข้อที่ท่านให้จดมันเกิดขึ้นทั้ง 10 ข้อเลยภายใน 3 เดือน

หลังจากที่เชื่อแล้วก็กลับไปลองของอีกว่าจะแม่นยำอีกรึเปล่า เพราะเป็นคนทำหนังก็ต้องคิดว่ามีกล้องติดรึเปล่า มีเครื่องสแกนรึเปล่า ขั้นตอนแรกเลยที่ให้ดูคือให้เอามือปิดกระเป๋าเงินไว้ ท่านก็เขียนตัวเลขเงินในกระเป๋าทั้งแถวมาได้ถูกหมดโดยไม่ได้เปิดกระเป๋าเราเลย เขียนชื่อ วันเกิดเราเหมือนบัตรประชาชนเราอยู่กับท่าน เขียนชื่อพ่อแม่ได้หมดทุกอย่าง หลายๆ เรื่องที่ท่านทายผมก็เชื่อ 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นความเชื่อส่วนตัวของผมครับ

ส่วนเรื่องที่ทำหนังเกี่ยวกับชีวิตของท่าน มันเริ่มมาจากท่านเคยเรียกตัวไปคุยเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วบอกว่า พร้อมแล้วนะจะให้ลิขสิทธิ์ประวัติของอาจารย์ ผมก็งงว่าจะให้ผมทำได้ยังไง ท่านก็บอกว่ามีติดต่อมาหลายประเทศมากเลย แต่อาจารย์ไม่ให้ แต่ให้เธอคนเดียวเอาลิขสิทธิ์นี้ไปทำ เราก็เลยเอาคนเขียนบทไปอยู่บ้านท่าน 2-3 อาทิตย์ ไปสัมภาษณ์คนรอบข้างก็ได้ประวัติท่านมา แต่ในส่วนที่เราทำฉายไปนั้นก็ยังทำไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์เลย

...

ตอนนั้นมันฉายทางช่องมิราเคิล สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม มาซอยเล็กๆ เป็นเรื่องเล่าซะส่วนมาก เราตั้งใจว่าถ้ามีทีวีดิจิตอลน่าจะเอามาฉายไว้ตอนนั้น ถามว่ามีโปรเจกต์เอามาฉายมั้ย ถ้ามีช่องไหนสนใจ ผมก็ยินดีขายให้ ถ้าจะฉายใหม่ ผมก็ต้องตัดต่อใหม่และเอาของที่ยังไม่เคยฉายออกมาเลย ถ้าใครสนใจ ผมก็ยินดีขายให้ เพราะอาจารย์เป็นคนทำบุญทำทานมาก เวลาไปดูดวงต่างประเทศได้เงินมาเป็นร้อยล้านก็เอามาสร้างโรงพยาบาล สร้างโรงเรียน ท่านเก็บไว้ใช้นิดหน่อยสำหรับครอบครัว บ้านก็ไม่ได้ใหญ่โตมาก".

...