เป็นร็อกเกอร์ชื่อดังจนมาถึงปัจจุบัน สำหรับ ปู แบล็คเฮด อานนท์ สายแสงจันทร์ ล่าสุดได้มานั่งเปิดใจถึงเรื่องราวความรักแบบชาวร็อก ในรายการ คลับฟรายเดย์ โชว์ Base on Celeb Story ช่อง GMM 25 แต่ใครจะคิดว่า หนุ่มปูจะมีอารมณ์มุ้งมิ้ง ซึ่งไม่เหมือนบุคลิกขณะขึ้นเวที โดยปูได้เล่าเรื่องราวของความไม่สมหวังในความรัก จนปัจจุบันได้มาเจอคนที่ใช่ และได้ทำลายกำแพงความคิดเรื่องการแต่งงานไปจนหมดสิ้น ปูเผยว่า

มาเจอกับแฟนในวงการได้ยังไง?
“ค่ายเดียวกัน น่าจะเป็นเพราะว่าผมออกอีเวนต์และออกอัลบั้ม ค่ายเดียวกัน ใช้ห้องบันทึกเสียงเดียวกัน ไปทัวร์ก็ไปด้วยกัน ก็เลยมาเป็นแฟนกัน ปิ๊งกันในบริษัท รักแฟนมาก ติดแฟนมาก ถึงไม่ใช่งานเรา เราก็ไป นั่งรถตู้ไปด้วย ไปอัดเสียงก็ไปนั่งรอ ทำตามบทบาทแฟน”

ต้องปิดบังมั้ย?
“ตอนนั้นโซเชียลเน็ตเวิร์กยังไม่ค่อยมี เราไปด้วยกันก็ไม่มีคนเห็น ก็เป็นข่าวนะ ความรักก็ไปด้วยดี อยู่กันมาสักประมาณนึง ประมาณปีกว่าถึงสองปี บังเอิญว่ามันเป็นเรื่องของทางครอบครัวมากกว่า เค้าไม่แฮปปี้ในการคบกัน ก็เลยเลิกกัน”

...

กับแฟนที่เป็นไฮโซ?
“เป็นเพื่อนของเพื่อน ถ้าคนเราอยู่ในสังคมเดียวกัน พอไปเที่ยวก็จะเจอเพื่อนๆ เพื่อนเค้าเพื่อนเรา ก็เที่ยวด้วยกัน ก่อนที่จะมาเป็นแฟนเรา เค้าเป็นไฮโซที่ดังมากด้วย ผมกับเค้าเป็นเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน เค้าเคยเป็นแฟนกับเพื่อนผม ก่อนที่เราตกลงจะเป็นแฟนกัน ก็ขออนุญาตเพื่อนก่อน เพื่อที่ว่าวันหนึ่งเราไปเที่ยวด้วยกันจะได้สบายใจ ซึ่งเพื่อนก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าผมจะขอไปทำไม(ยิ้ม)

ถามว่ากดดันมั้ย เริ่มจากการไปเจอเพื่อนของเค้า เราก็เรียนรู้ไป ค่อยซึมซับว่าเค้าคุยอะไรกัน ค่อยๆ รู้จักกับสังคมที่เค้าอยู่ จะได้รู้จัก จะได้ศึกษา เรียกว่าศึกษาดีกว่า ส่วนทางบ้านผมเค้าก็คอยเตือนๆ ว่า มันไม่มีความแน่นอนหรอกนะ เราก็คบกันไป ผู้ใหญ่ก็มีความเห็นเช่นกันทั้งสองบ้าน 

ทางบ้านแฟนเค้าก็เห็นว่า โอเค คบกันเป็นแฟนได้ แต่จะมาจริงจังมากไม่ได้ แฟนก็มาบอกเรา เราอึ้งไปนะ ณ ตอนนั้นเราพร้อมที่จะมีครอบครัว เป็นวัยรุ่นที่โตมาแล้ว พอได้ยินได้ฟัง ก็เริ่มคิดว่า เรายังไม่พออีกเหรอ อะไรคือความพอที่จะสามารถมีครอบครัวได้ ตอนนั้นผมเป็นนักร้องแล้ว เป็นแบล็คเฮดเต็มตัว”

ตอนที่ฝ่ายหญิงมาบอกว่า ครอบครัวให้คบกันไป แต่ไม่ต้องจริงจัง เค้าบอกเราเพื่ออะไร?
“ผมเข้าใจว่า เวลาเค้าได้ยินอะไรมา เค้าก็จะมาแชร์ให้เราฟังมากกว่า เรามีความดื้อด้วยกันทั้งคู่นะครับ มีคิดจะซื้อบ้านออกมาอยู่กันเอง”

ความรักที่สวยงามมากๆ ประทับใจที่สุด?
“ต้องเรียกได้ว่า ผมเป็นคนชอบการเทคแคร์จากคนใกล้ๆ ผมเป็นนักร้องร็อก แมนมากๆ แต่ถ้าได้รับการดูแล จะโอเคเลย ฝ่ายหญิงนิสัยอย่างแมนมาก ทุกคนเชียร์ แต่ไม่เคยกล้าคุยกับครอบครัวเค้าเลยนะครับ แต่เจอกันบ่อยนะ

สุดท้ายความรักจบลงเพราะ ความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เราหันมามองหน้า แล้วเข้าใจกันเอง ภาระหน้าที่ด้านโน้นเค้ามีกิจการที่จะต้องทำกับครอบครัว เค้ามีงานใหญ่เข้ามา ถามว่าใครตัดสินใจเดินออกมา คือเราเดินออกมาด้วยกันทั้งคู่ครับ เริ่มจากการไม่มีเวลาให้กันก่อน จากที่เคยมี ก็ยอมรับกันได้”

“มันต้องเข้าใจ ถามว่าเสียใจมั้ย มันก็เสียใจครับ เค้าไปเที่ยวกับเพื่อน แต่บอกกับเราว่า ไม่ว่าง ทั้งที่เมื่อก่อนเราเคยไปด้วยกัน เราก็นั่งอยู่บ้าน นั่งคิดคนเดียว แต่ผมก็มีเพื่อน มีไปแฮงก์เอาต์กับเพื่อนบ้างตามประสาผู้ชาย”

สายร็อกเค้าร้องไห้กันไหม?
“ถ้าเป็นเด็กๆ นี่ไม่เหลือ ไม่งั้นจะเขียนเพลงออกมาได้เหรอ(ยิ้ม)”

...

ตอนนี้ยังเจอกันไหม?
“ยังเป็นเพื่อนกันได้ครับ ณ วันนี้ ยังมีเจอกันบ้างครับ”

“ช่วงที่ยังไม่มีแฟน ช่วงที่เลิกกันไป เพื่อนตั้งให้ผมเป็นหัวหน้าใหญ่ เพื่อนๆ มักจะมาที่บ้าน เปิดบ้านให้เพื่อน เข้ามานั่งปรับทุกข์ ผมเคยถึงขั้นแบบที่ว่า คบกันแบบไม่ผูกมัด ตื่นมายังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร

เค้าอาจมากับคนอื่น แต่มาจบกับเรา พอเช้ามาก็บ๊ายบายกัน ถามว่าเจ้าชู้มั้ย ก็นิดหน่อยครับ ผมโสดมา 2 ปี ในระหว่างนั้นจะมีคนที่ไม่ใช่แฟน ก็เลยอยู่ได้ ถ้าใช่ก็อยู่ ถ้าไม่ใช่ก็บ๊ายบายกัน”

ผู้หญิงที่พร้อมจะเข้ามาหาเยอะไหม?
“ไม่ค่อยมีนะครับ ผู้หญิงก็ไม่ค่อยจะเข้ามา”

ความรักครั้งต่อไปเป็นยังไง แฟนเด็ก?
“เด็กสุดก็ห่างจากผม 21-22 ปี คือตอนที่เราไปจีบเค้า เราไม่รู้ว่าเค้าอายุเท่าไหร่ เพราะเด็กสมัยนี้ชอบแต่งตัวเป็นสาว มารู้ตอนที่คุยกันแล้ว มาคุยกันเพราะความน่ารัก ตอนนั้นพร้อมเสี่ยงเพราะเราไม่มีใคร มีคำพูดในหัวบ่อยๆ ว่า ถ้าเราเจอใครที่เราชอบ แล้วไม่เดินไปหาเค้า โอกาสมันก็ไม่ได้มาอีก วันนั้นไปเจอเค้ากับเพื่อน ก็เดินเข้าไปหาเค้าเลย”

...

เดินเข้าไปพูดว่าอะไร?
“เค้ามากับเพื่อน 2 คน เราก็ถามว่า มาแค่ 2 คนเหรอครับ นั่งด้วยได้มั้ย ถามว่ากลัวเสียชื่อ ปูแบล็คเฮดมั้ย ด้วยความที่ร้านไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ องคืประกอบมันดีครับ เห็นครั้งแรกก็ถูกใจเลย

ต้องบอกว่าคุยกันอยู่ประมาณนึงพอสมควร ส่งข้อความคุยกัน และเราก็ไม่มีใครอยู่แล้วด้วย มันมีความพิเศษหลายอย่าง พอเค้าเป็นเด็ก มันมีส่วนหนึ่งที่เราไม่รู้เยอะ เค้าก็จะเล่าให้ฟัง เราก็จะฟังเรื่องราวที่เราไม่เคยรู้ มันเหมือนมีสิ่งแปลกใหม่ในชีวิต

ถามว่ามีช่องว่างระหว่างวัยมั้ย มีเยอะครับ มันมีความเซอร์ไพรส์ตลอดเวลา จนมันเป็นปัญหา คือเราเป็นคนอยู่ติดกับบ้าน ส่วนเด็กๆ เค้าจะออกไปข้างนอก ไปเต้นไปหาแสงสี ไปหาร้านชิลๆ ซึ่งคำว่า ชิลๆ มันต่างกัน แต่พอนานๆ ไป ประโยคเดียวกันมันก็กลายเป็นคนละเรื่อง จนกลายเป็นปัญหา เอาเข้าจริงๆ เวลาที่เค้าไปเจออะไรข้างนอก ในเวลาที่เราไม่ได้ไป เค้าก็สนุกสนานกันต่อกับคนอื่น จนเราหาตัวไม่เจอ

พอเราไปเก็บกักเค้าไว้มาก มีช่วงหนึ่งเค้าอยากไปต่างประเทศ พอเราไม่ให้ไป เค้าก็พยายามหาทางไป แต่มันไม่ใช่กลุ่มเพื่อนที่เค้าสนิท เหมือนกับว่าเค้าไปเจอเพื่อนกลุ่มใหม่ ที่ไม่สนิท จนเค้าแอบไป พอเรามารู้ทีหลังเอง แต่เค้าไม่เคยบอกจากปากเค้า ผมก็ถือว่าไม่เป็นไร จนได้เลิกรากันไป”

...

แฟนคนต่อมา วัยห่างกันอีก?
“ห่างกัน 18 ปี ซึ่งก็คือคนปัจจุบันนี้ ถามว่าเข็ดกับแฟนเด็กมั้ย มันมีอยู่แป๊บเดียวครับ คือไม่ได้กะเกณฑ์ไว้เลยว่า แฟนคนใหม่จะต้องเป็นแบบไหน เหมือนกับว่าเราฟันธงไว้เลยว่า สงสัยจะไม่ได้แต่งงาน เลยไม่ได้ฟันธงว่าจะต้องเป็นเด็กหรืออะไร ถ้าเจอแล้วมันรู้สึก ก็ปล่อยให้รู้สึก

เรารู้จักกันกับงาน ไปถ่ายงานด้วยกัน แล้วถ่ายรูป เพื่อนเค้าแท็กมา เพื่อนผมไปฟอลโล่วเค้า แล้วมานั่งส่องว่าคนนี้เป็นยังไง แต่ละคนเป็นยังไง บังเอิญไปงานต่างจังหวัดด้วยกัน ก็โอเคลองคุยดู ผ่านทางข้อความในไอจี ตอนที่เจอกัน เค้าโสด แต่ผมยังก้ำกึ่งกับความโสด แค่หยอดๆ ไปเท่านั้น

ด้วยความที่โต เราเริ่มรู้ว่าจะเป็นยังไง มันมีความต่อต้านก่อนจะคบ ด้วยวัยมันจะมีปัญหาในการพูดคุยกัน แต่เอาเข้าจริงแล้ว คุยกันไปนานๆ ผมรู้สึกว่า คนนี้เป็นผู้ใหญ่กว่าอายุ เค้าเป็นคนที่ดูแลตัวเอง ทำมาหากินมาแต่เด็กๆ”

ในไอจี เค้าแต่งตัวเซ็กซี่?
“ถ้าสนิทกันมากขึ้นจนแฟนกันแล้ว เราก็จะมีการขอนิดนึง โดยขอว่าไม่ให้เท่าที่เค้าเคยทำมา ให้เค้าลดความเซ็กซี่ลง ซึ่งเค้าก็ทำให้ ไม่ว่าจะไปกับครอบครัว ไปกับเราก็จะอีกแบบหนึ่ง หรือไปกับเพื่อนก็จะให้เค้าลดโทนลงมานิดนึง”

กับคนนี้มีปัญหาอะไรระหว่างกันไหม?
“ส่วนใหญ่อันนี้เป็นปัญหามากเลย รบกวนถามด้วยนะครับ บางทีเค้าจะมีภาษาของเค้า ตั้งคำถามมา เรารู้แล้วว่าเค้าอยากได้คำตอบแบบไหน พอจริงๆ พอถึงเวลานั้นเราจะไม่ตอบประโยคที่เค้าได้ยิน เค้าเรียกว่าเอาหน้ารอดไป

ผมจะพูดในลักษณะว่า ถ้าเป็นพี่ พี่ไม่ทำ สมมติ อยากมีเซอร์ไพรส์นะ เค้ารู้อยู่แล้วเวลาขอผม จะไม่ได้ เพราะผมไม่ค่อยทำให้ เค้าก็เลยต้องแบบว่า เหมือนยื่นซองมาก่อนเลย จะถึงวันนี้แล้วนะ ซึ่งผมก็รู้อยู่แล้ว ว่าต้องทำ ผมเคยสงสัยว่าทำไมต้องทำด้วย แต่ผมทำนะ(หัวเราะ)”

ปัญหาของปูกับนุ๊กซี่หนักสุดคือเรื่องอะไร?
“เคยผ่านมาแล้วเราตกลงกันได้ เพราะที่ผมอยู่มาคนเดียว แล้วฟันธงจะไม่แต่งงาน ผมมีโลกส่วนตัวสูงมาก การที่ผมจะมีใครอีกคนหนึ่ง สำหรับผมมันคือการเสียสละ มันเสียสละหมดเลยคือความเป็นตัวเองที่เรามี

เราเคยทำอะไรตัวคนเดียว ไม่ต้องขอเวลาใคร ผมมานั่งคิดตัวคนเดียวว่าเราต้องเสียสละ เราไปรอเค้าปรับให้เรา แต่เราไม่เคยปรับเลย มันจะไม่โอเคนะ คือตอนแรกผมงงนะว่าทำไมมันหายหมดเลย ก็เคยไปโทษเค้า ว่าทำให้เราสูญเสียความเป็นตัวเองที่เคยมี

เลยมานั่งคิด ว่าเราคิดถึงนะ เหมือนเราต้องมีใคร พอถึงเวลานั้นจริงๆ มันจะมีความไม่ส่วนตัว เลยมาคิดว่า ถ้าจะให้สมบูรณ์เลยต้องมีคนมาดู มีคนมาแชร์กัน สุดท้ายก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เราคบกันมาปีนิดๆ แล้วครับ”

ความขี้หึง ขี้หวง?
“น้องน่าจะหึงมากกว่า”

ปูเป็นคนขี้หึงมั้ย?
“ไม่ถึงขนาดใจกว้างครับ ก็ขี้หึงครับ พอเรามาเจอคนที่เค้าดูแลตัวเองได้ โตกว่าอายุ มันก็เลยสบายครับ”

ถ้าพูดถึงอนาคต เรามองไปถึงไหน?
“ด้ววยความที่ค่อนข้างจะเป็นผู้ใหญ่พอสมควรของเค้า เราก็มีการพูดคุยกันประมาณหนึ่ง แต่ก็ต้องบอกว่ามันน่าจะเร็วไป น้องเค้าเป็นคนขี้อ้อนมากกว่า”

ได้เอาเรื่องความรักมาเขียนเพลงเยอะไหม?
“ช่วงอัลบั้มแรกๆ ความดาร์กเยอะมาก มีเขียนเยอะมากครับ ทั้งความรักเกี่ยวกับหญิงชาย กับเรื่องเพื่อนเยอะครับ”

ถ้าน้องดูอยู่ อยากบอกอะไรเค้าเป็นพิเศษ?
“ถ้าดูรายการมาทั้งหมดทั้งสิ้นนี้หมดเปลือกแล้วครับ ส่วนความพร้อมที่เคยบอกว่าจะไม่แต่งงานแล้ว มันสูญสลายไปแล้วครับ แต่ก็ขอรอเวลาอีกนิดนึงครับ”

อยากบอกอะไรกับทุกคน?
“หลายคนที่ผมเคยทำให้เค้าเสียใจค่อนข้างเยอะ มีสิ่งที่เราทำแบบไม่คิดถึงจิตใจเค้า แต่พอผ่านมามันเหมือนมีกรรม มีหน้าเค้าลอยขึ้นมา ต้องขอโทษด้วยว่า ในช่วงเวลานั้นมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้ จะกลับไปแก้ไขไม่ได้ นอกจากคำว่าขอโทษ เข้าใจความเจ็บปวดตรงนั้น ส่วนที่แฮปปี้คือเรื่องราวความรักที่เราเข้าใจกับการใช้ชีวิตครับ”.