รายการ “คลับฟรายเดย์โชว์” ทุกวันเสาร์ 18.20 น. ทางช่อง GMM25 สัปดาห์นี้ 3 พิธีกร ดีเจพี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา, ดีเจพี่อ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล และ อั๋น ภูวนาท คุนผลิน พูดคุยกับนักร้องนักแสดงสาวหน้าเด็ก นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา ที่จะมาเปิดเผยเรื่องราวความรักที่ผ่านมาว่ากว่าจะพบรักแท้ในปัจจุบันกับสามีชาวมาเลเซีย มูฮาหมัด ฮากีม บินอาซาฮา นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะตั้งแต่เดินเข้าวงการบันเทิงมาก็เจอข่าวฉาวกับผู้ชายสารพัด ไปจนถึงความรักแต่ละครั้งที่ไม่สวยงาม ทั้งเจอผู้ชายเจ้าชู้ เป็นเกย์ ทอมโรคจิต รวมถึงความรักที่เคยไปถึงขั้นแต่งงานแล้วแต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการหย่าร้างและเรื่องราวบานปลายถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลมาแล้ว

ซึ่ง นุ๊ก เผยที่มาในการเข้าวงการบันเทิงว่า เป็นเพราะคุณแม่จะชอบพกรูปตนติดตัว เวลามีคนถามถึงลูกก็จะโชว์รูปลูกให้ดู จนมีคนสนใจติดต่อให้ไปเล่นละครจักรๆ วงศ์ๆ เรื่อง “โม่งป่า” ทางช่อง 7 ตอนนั้นเขาจะให้เซ็นสัญญาแต่ตนไม่เซ็น จากนั้นก็มีโอกาสไปเล่นเอ็มวีของต้อม เรนโบว์ ก่อนจะมาออกอัลบั้มกับอาร์เอส กับข่าวที่คนมองว่าตนกินผู้ชายทั้งค่าย ตอนที่โดนข่าวมันเฮิร์ตมากเพราะไม่ใช่ความจริง แต่ก็เข้าใจเพราะตอนนั้นตนเป็นนักร้องหญิงวัยรุ่นคนเดียวในอาร์เอสตอนนั้น คนก็อาจจะมองว่าตนเป็นชะนีน้อยที่แย่งหนุ่มๆ ไป แต่จริงๆ แล้วคนที่ตนคุยมีแค่คนเดียวและไม่ได้เป็นข่าวด้วย สเปกตนจริงๆ ก็ไม่ใช่คนหล่อ ชอบคนเก่ง ถ้ารู้ว่าคนนี้เก่งอะไรสักอย่างก็จะชื่นชอบ รูปลักษณ์ชอบคนหน้าบ้านๆ ผิวแทนๆ เพราะรู้สึกปลอดภัย คนแย่งน้อยกว่า

...

ความรักครั้งแรกเกิดขึ้นตอนอายุ 18 ปี เป็น Puppy Love เขาเข้าทางคุณแม่ แล้วคุณแม่ก็เปิดโอกาสให้คุยกัน ก็คบกันมา 3 ปี เป็นเพื่อนของเพื่อนในวงการ แต่แยกย้ายกันไปเพราะมีวันนึงเพื่อนเราซึ่งอยู่ในบริษัทขับรถมาหาถึงบ้านแล้วบอกให้เราลงไปและให้ขึ้นรถไป เขาก็บอกว่าทำใจดีๆ นะ เราก็งงว่าอะไร ในใจก็รู้สึกรำคาญเพื่อน แต่พอเพื่อนบอกว่าแฟนเธอมีกิ๊กนะ ตอนนั้นใจตกวูบ เราก็ถามว่าอะไร น้ำตาก็มาแล้ว เขาบอกว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนนุ๊กกับคุณแม่ไปหาผู้ชายคนนี้ที่บ้านใช่ไหม แล้วเพื่อนก็บอกว่ากิ๊กของเขาซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ ไม่รู้เหรอ คือเพื่อนเป็นแฟนเก่าของกิ๊กคนนี้ แล้วเพื่อนเขาคงยังคุยกันอยู่ หรืออาจเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นอาจจะอยากให้เรารู้ เราก็ร้องไห้โฮ หัวแม่เท้าจิก แต่ก็คิดว่าถ้าเราพูดหรือถามอะไรไปตอนนี้ เราก็คงไม่ได้ข้อมูลอะไร

ตอนนั้นเลยแวะไปบ้านผู้ชาย ก็เลยลองเข้าไปห้องน้ำแล้วพบว่ามีเศษผมยาวๆ เราก็บอกว่าทำไมเจอเศษผมยาวๆ เขาก็ทำหน้าเอ๋อๆ แล้วอ้างว่าเป็นเศษผมคนใช้ เราก็เลยอดทน และคิดว่าวันนึงเขาจะต้องเปลี่ยน เลยทำเป็นไม่รู้แต่ก็ทำให้เขาคิดว่าเรารู้นิดๆ พอผ่านไปปีนึงเลยขอเลิก เขาก็ถามว่าทำไมแล้วคุกเข่ากอดขาและขอโอกาสอีกครั้ง เราก็ให้โอกาส ก็คบกันต่ออีก 2 ปี ซึ่งตนก็รู้ว่าเขาก็ยังมีคนอื่นมาตลอด คงเป็นเพราะเขากับผู้หญิงคนนั้นมีเวลาตรงกันมากกว่า แต่สุดท้ายเราก็ไม่ไหวเลยโทรไปบอกเลิกและอ้างว่าตนมีคนอื่นแล้ว แต่จริงๆ แล้วตนไม่มีใคร ที่บอกเลิกเพราะว่าไม่อยากยื้อและไม่อยากฟังคำพูดโกหกของเขาอีกแล้ว ตอนที่บอกเขา เขาก็ด่าเยอะมาก สุดท้ายเลยจบศพไม่สวย ตอนนั้นแม่ให้ลางาน 3 วัน ตอนนั้นก็ร้องไห้หนักมาก ทำให้กลัวความรักไปเลย

ส่วนความรักที่ทำให้ตัดสินใจจะแต่งงานก็เป็นผู้ชายที่อายุมากกว่า เป็นช่วงที่ตนอายุ 20 กว่าๆ ช่วงนั้นตนอยู่ประเทศอังกฤษ คบกันได้สักพักก็โทรบอกกับทางต้นสังกัดว่าจะแต่งงาน แต่แล้วก็มีเพื่อนแม่โทรมาบอกว่าผู้ชายที่เราคบอยู่เป็นเกย์ ตอนนั้นเสียใจมาก จากนั้นก็บอกแม่ว่าจะกลับมาเคลียร์กับเขา โดยลงทุนบินจากอังกฤษกลับมาไทยเพื่อจะขอฟังเขาเพียงแค่ประโยคเดียว แต่พอเจอหน้าจริงๆ ก็ถามไม่ออก แต่สุดท้ายก็ถามไปตรงๆ ว่ามีอะไรจะบอกไหม เพราะเราได้ยินมาแบบนี้นะ แต่เขาก็ตอบแบ่งรับแบ่งสู้ว่าเพื่อนก็มีเป็นเกย์บ้าง มันเป็นคำตอบที่ไม่ต้องถามต่อ แต่ก็ยังเดินหน้าจะแต่งงาน เพราะเขาเป็นคนที่เราไว้ใจ แล้วเราก็คิดว่าเราจะไปด้วยกันได้ แต่เหมือนเราคงไปฉีกแผลของเขา พอเรากลับไปที่อังกฤษ เขาก็ห่างกับเราไป 1 ปี เพื่อให้เราทบทวน ตอนแรกเราก็รู้สึกว่าเราโดนหลอก แต่ก็คิดว่าเราเป็นผู้หญิงที่เขารักที่สุดนะ เขาไม่ได้หลอกเราหรอก ถ้าเขาหลอก เขาหลอกตัวเขาเองมากกว่า ไม่ใช่หลอกเรา สุดท้ายเขาก็ขอห่างไปเอง ซึ่งตนไม่เสียใจเลย อันนี้จบสวย

...

นอกจากนี้นุ๊กเผยว่า ชีวิตนี้เจอคนโรคจิตเยอะมาก แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือมีแฟนคลับคนหนึ่งเขียนจดหมายบอกว่าโดนเจ้านายรังแก แล้วเขียนมาอีกว่าเจ้านายบุกห้องและเล่าเป็นฉากๆ โน่นนี่ ตนก็เลยให้เขามาทำงานในโรงงานคุณน้า ประมาณ 1-2 ปี คุณน้าก็บอกว่าเขาเป็นคนดีมาก ช่วยเหลืองานทุกอย่าง ดูแลดีจริงๆ แต่ตอนหลังโรงงานปิดและคุณน้าไปต่างประเทศ ตนก็เลยเอาเขามาอยู่ด้วยที่บ้าน เขาก็ดูแลเราดีมาก ให้มานอนด้วยกันในห้อง จนวันนึงก็โพละ ด้วยความที่ลุคเขาเป็นทอมๆ ด้วย เขาก็เริ่มไม่พอใจที่เราคุยโทรศัพท์กับเพื่อน เวลาเราไปไหนกับใครเขาก็จะกระฟัดกระเฟียด สุดท้ายเราทนไม่ได้ที่เขาล้ำเส้น ก็เลยให้เขากลับไปนอนที่ห้องเขา เราก็ได้ยินเสียงปังๆ ดังมาถึงในห้อง ตอนหลังก็ให้เขากลับมาที่ห้อง แต่ก็ยังมีเสียงอยู่ ตอนแรกก็คิดว่าผีหรือเปล่า จนพ่อลองสืบดูก็บอกว่านอกห้องตนมีหินเต็มไปหมด น่าจะเป็นคนทำมากกว่า สุดท้ายก็จับได้ว่าเขาเป็นคนทำ คือเขาโทรไปหาเพื่อนให้มาปาหินใส่บ้านตน แต่ตอนหลังเพื่อนไม่มาแล้ว เขาก็เลยหาวิธีทำให้ปาหินเข้ามาได้เอง ก็เลยต้องให้เขาออกไปจากบ้านของเรา

...

กับความรักที่ถึงขั้นแต่งงาน ผู้ชายคนนี้ยอมเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อเรา เขาเคยหลงทางและหวังให้เราเป็นที่พึ่ง ก็คบ 2 ปีแล้วแต่ง แต่ปัญหาเริ่มขึ้นตอนที่ท้อง ตอนนั้นแพ้ท้องมาก เขาต้องใช้ชีวิตคนเดียวและกลับมาหลงทางอีกครั้ง มีอยู่วันนึงเขาอาบน้ำแล้วเขาให้เรารับโทรศัพท์แทนเรา ซึ่งปลายสายเป็นผู้หญิง เขาก็บอกว่าฝากบอกผู้ชายด้วยว่าคิดถึง เราก็บอกว่าคุณเป็นใคร เขาก็ด่าเราว่าอีโง่แล้ววางไป เราก็เอาเรื่องนี้ไปถามเขา เขาก็แก้ตัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะโทรมายืมเงิน แล้วพอเคลียร์กันไม่ได้ เขาก็ทำเป็นอ้างว่าคิดถึง แต่ตอนนั้นตนก็กลัวกระทบถึงลูกก็เลยอดทนต่อไป แล้วตนเป็นคนผิดเองที่เวลาไม่พอใจก็ไม่พูดไม่เคลียร์ และยังทนจนถึงตอนมีลูกคนที่สอง ซึ่งเขาเองก็ไม่แคร์อะไรเราเลย แม้กระทั่งวันที่พ่อเราป่วยมาก เราขอร้องให้เขาอยู่กับเรา แต่เขาก็บอกว่าไม่ได้ นัดเตะบอลกับเพื่อนแล้ว เราก็เลยรู้สึกว่าเขาคงไม่สามารถร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเราได้แล้ว พอเราขอเลิก เพื่อนก็บอกว่ายินดีที่ตนเลิกกับเขา เพราะที่ผ่านมาเราทนจนเกินคำว่าทนแล้วจริงๆ เราทำดีที่สุดแล้ว ตอนที่ยังใช้ชีวิตด้วยกันก็มีความขัดแย้งถึงขั้นทำร้ายร่างกาย และตนก็ไม่อยากให้ลูกเห็นความขัดแย้งเยอะ เลยยอมเลิกทั้งที่ลูกยังเล็กมาก เรื่องราวก็บานปลายจนถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล แต่เวลาที่ลูกถามถึงพ่อ เราก็บอกว่าที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันอาจจะเป็นเพราะตนและเขาเข้ากันไม่ได้ แต่ยังดีที่เป็นเพื่อนกันได้

ในวันที่เจอความรักที่แย่ที่สุด ชีวิตพังที่สุด ตนได้ฟังรายการคลับฟรายเดย์ ตอนนั้นตนคิดว่าตนไม่คู่ควรกับความรักดีๆ แต่พี่ฉอดพูดในรายการว่าอย่าคิดว่าเราไม่ดีพอสำหรับความรักดีๆ มันเป็นกุญแจที่ปลดปล่อยทุกอย่าง มันก็กลับมาคิดว่าถ้ามายด์เซตของเราดี เราก็จะเจอแต่อะไรดีๆ เราก็ยังคู่ควรกับความรักดีๆ ในที่สุดก็ได้พบกับความรักที่ดี คือความรักในปัจจุบันกับฮากีม ซึ่งอายุห่างกัน 14-15 ปี โดยฝ่ายชายอายุน้อยกว่า นุ๊กเล่าว่าครั้งแรกที่เจอกันคือเจอในงานกีฬา Street Workout ที่สิงคโปร์ แล้วโค้ชคนที่สอนตนไปแข่งพอดี ตนก็ตามโค้ชไป เขาก็มาแข่งที่งานเหมือนกัน แล้วเขาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว เก่งจนคว้าที่หนึ่งมาด้วย วันนั้นเขาก็มาขอถ่ายรูปเราแล้วก็ไป ด้านฮากีมเผยว่าตอนนั้นเห็นนุ๊กมากับเพื่อนๆ แล้วรู้สึกว่าเขาสวย รู้สึกชอบ สนใจ อยากรู้จักให้มากกว่านี้ ก็เลยเข้าไปขอถ่ายรูปและขอไอจีของนุ๊ก นุ๊กเล่าต่อว่าหลังจากนั้นเขาก็ส่งอินบ็อกซ์มาขอเบอร์ แต่ตนก็ไม่ได้สนใจเพราะตอนนั้นไม่ได้สนใจเรื่องแฟนและคิดว่าชีวิตตัวเองตอนนี้ดีอยู่แล้ว ก็อ่านแล้วลืมตอบ 1 อาทิตย์ผ่านไปเลยตอบเขากลับไปเพราะเห็นว่าน่าจะขอคำแนะนำในเรื่องการเป็นนักกีฬาได้

...

ด้านฮากีมก็แปลกใจว่าทำไมนุ๊กถึงมีคนติดตามเยอะเลยเช็กประวัติดู ก็แปลกใจที่เธอมีลูกแล้วแต่หน้าเด็กมาก และจากนั้นก็ไปเสิร์ชยูทูบด้วย ถึงได้รู้ว่าเธอเป็นนักร้องด้วย ตอนแรกอยากเป็นเพื่อนเธอมากกว่า และไม่อยากกดดันอะไร แล้วก็ทำความรู้จักกันมากขึ้น ทุกอย่างก็ไปได้ดี ก็เลยคบกันมาเรื่อยๆ นุ๊กเล่าเสริมว่าตอนนั้นตนก็ถามเขาว่าจริงจังรึเปล่า ถ้าจริงจังก็แต่งเลย เขาก็โกรธเพราะเราเหมือนไปกดดันเขา และเรื่องแต่งงานสำหรับเขา ทางบ้านเขาต้องเป็นคนจัดการเอง แล้วเขาเพิ่งเริ่มทำงานเอง ยังไม่มีงานที่มั่นคง และต้องมารับผิดชอบเรื่องนี้อีก แต่เขาก็โกรธแป๊บเดียวแล้วกลับไปเตรียมตัว ส่วนเรื่องอายุที่ห่างกัน ฮากีมบอกว่าเพิ่งมารู้ว่าอายุห่างกันเยอะตอนที่เริ่มคุยกันแล้ว แต่นุ๊กก็ยังดูเด็ก และก็คิดว่ามันดีถ้าเรารู้สึกดีต่อกัน เราก็สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้ เราคุยกันได้ทุกเรื่องไม่มีอะไรปิดบังกัน เลยตัดสินใจว่าจะจริงจังกับเธอ ก็เลยพาเธอไปมาเลเซีย ซึ่งเธอเป็นคนที่สามารถทำให้ครอบครัวเรามีความสุข ก็เลยตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน

กับเรื่องที่นุ๊กมีลูกแล้วจะเป็นปัญหากับครอบครัวฝ่ายชายไหม นุ๊กบอกว่าจริงๆ เรื่องนี้ตนก็ไม่ได้กังวลมาก และพอไปครอบครัวเขาก็เป็นครอบครัวธรรมดาที่บ้านไม่ใหญ่แต่อบอุ่นมาก ทำให้รู้สึกว่าอยากมีครอบครัวแบบนี้ ส่วนเรื่องลูกๆ ของตนตอนแรกลูกเข้าใจว่าตนเป็นแฟนกับโก้ ธีรศักดิ์ พอวันนึงมีเขาเข้ามา เขาก็คิดว่าเป็นเพื่อน แต่พอเขารู้ความจริงก็คือสนิทกันไปแล้ว แล้ววัยเขาก็ใกล้กัน เขาเป็นคนแอ็กทีฟ ชอบเล่นกัน ไม่มีดราม่าอะไร และฮากีมเป็นคนโรแมนติกมาก เขาเป็นคนคนเดียวที่ขอรูปเรา ขอให้เราทำคลิปอวยพรวันถือศีลอดให้ แล้วเขาก็เอาคลิปไปโพสต์ลงไอจีเขา ซึ่งเป็นการทำให้เรารู้สึกว่าเขาจริงใจจริงๆ ตอนขอแต่งงาน ฮากีมเล่าว่าเพื่อนของตนให้ไอเดียบางอย่างในการขอแต่ง ตอนแรกก็คิดว่าทำไม่ได้ แต่ก็ทำ ตอนนั้นก็คุกเข่าแล้วมอบดอกไม้ให้นุ๊กที่บ้านแล้วก็ขอนุ๊กแต่งงานต่อหน้าพ่อแม่ตัวเอง พร้อมทั้งบอกว่าอยากเป็นพาร์ตเนอร์ เป็นสามี เป็นผู้นำ และอยากให้ครอบครัวของเรา ลูกๆ ของเรามีความสุขตลอดไป ทั้งในชาตินี้และชาติอื่นๆ

ซึ่งตอนแต่งงานก็มีประเด็นดราม่าว่าครอบครัวอีกฝ่ายรวยมาก กับเรื่องนี้นุ๊กบอกว่าจริงๆ แล้วฮากีมไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร แต่ถ้าอยู่กับคนรวยๆ ตนอาจไม่มีความสุขก็ได้ คบคนรวยไม่ได้ผิดอะไร แต่ถ้าเราไม่รู้จริงๆ ว่าเราชอบอะไรก็จะลำบาก จริงๆ ปัญหาระหว่างตนและฝ่ายชายมันก็มีแต่มันก็ผ่านไปได้ นอกจากนี้นุ๊กบอกว่าประทับใจที่ฝ่ายชายบอกว่าลูกของตนเขาก็ถือเป็นลูกของเขา เขาตอบโจทย์เราในระดับที่พอใจ ตอนนี้เขาก็ย้ายมาอยู่กับตนที่กรุงเทพฯ เราก็เปิดธุรกิจยิมเพื่อให้เขามีงานทำ ปกติเวลาคุยกันก็พูดภาษาอังกฤษ แต่ก็ให้เขาพูดภาษาไทยด้วย เพื่อให้เขาปรับตัว ปิดท้ายฮากีมบอกนุ๊กว่า “อยากให้คุณรู้ว่าผมเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก ผมไม่ใช่ผู้ชายเพอร์เฟกต์ แต่ก็จะทำให้ดีที่สุดเพื่อครอบครัว คุณเป็นคนที่มีค่าที่สุดในโลกนี้ คุณเป็นชีวิตของผม” ด้านนุ๊กบอกว่า “ฉันรักคุณเสมอนะ ขอโทษถ้าทำให้เสียใจหรือรู้สึกแย่ในบางครั้ง แต่ฉันจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ ฉันรักคุณ” ก่อนที่นุ๊กจะย้ำอีกรอบว่าเราทุกคนคู่ควรกับความรักดีๆ ด้วย.