ถูกจัดให้เป็นดาราที่ขึ้นชื่อถึงความขี้เหวี่ยงขี้วีน และเรื่องมากเรื่องช่างแต่งหน้า สำหรับนักแสดงสาว แหม่ม วิชุดา พินดั้ม ซึ่งในวันนี้สาวแหม่มได้ออกมาเปิดใจในรายการ ยิ่งศักดิ์ ยิ่งแซ่บ ที่ อ.ยิ่งศักดิ์ ทำหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ทางช่อง 9 อสมท เรื่องที่หลายคนมองว่าเป็นคนขี้วีน และเรื่องมาก แถมยังสร้างภาพเป็นคนใจบุญด้วยการเอาหมาจรจัดไปรักษา ซึ่งานนี้สาวแหม่มเผยว่า
เป็นเพราะตนแจ้งเกิดจากบทร้าย และทำให้คนติดและคิดว่าตนร้ายทั้งในและนอกจอ เคยมีคนมาถามว่าเป็นคนขี้เหวี่ยงขี้วีนหรือเปล่า ยอมรับมันก็มีบ้าง แต่เป็นตามเหตุการณ์
แต่เรื่องขี้วีนขี้เหวี่ยงเพราะเสื้อผ้าไม่ถูกใจจนเป็นข่าว มันมีที่มาที่ไป เกิดจากมีคนพูดๆ กัน จนน้องที่ดูแลเรื่องนี้กลัว ไม่กล้าโทรมาถาม แต่ไปถามคอสตูมกองเป็นต่อ จนกระทั่งวันถ่ายก็ไม่โทรมาถาม เมื่อถึงวันจริงกลับไม่มีคอสตูมแต่จ้างเด็กรีดผ้ามาดูแลเสื้อผ้าให้ตนแทน
...
แล้วชุดก็ใส่ไม่ได้ แต่ตนไม่ได้เหวี่ยงหรือวีน เพราะได้เตรียมกางเกงขายาวมาแล้ว แต่ขอให้เค้าถ่ายรูปชุดที่ได้เตรียมมาให้ใส่เพื่อให้ลูกค้าดู กันคำพูดที่ว่าเตรียมมาแล้วแต่ตนไม่ใส่
ส่วนเรื่องที่ทำตัวเรื่องมาก ต้องเตรียมช่างแต่งหน้ามาเองเพราะรังเกียจช่างแต่งหน้าของกอง ไม่เป็นความจริง บอกปีนี้อายุ 40 อยากให้คนจำภาพที่สวยงามของตน ไม่ได้แต่งนิดๆ หน่อยๆ ก็สวย เพราะตนมีข้อบกพร่องในหน้าเยอะมาก
ช่างแต่งหน้าที่แต่งกับตนประจำจะทราบข้อบกพร่องของตนดี นี่คือเหตุผลของตน ใครจะหมั่นไส้ก็แล้วแต่เพราะตนจ้างช่างมาเอง เอาที่คนมองสบายใจ ตนไม่แคร์ เพราะถ้าแคร์ไม่ต้องทำอะไร
ที่มีช่างแต่งหน้าส่วนตัวไม่เกี่ยวกับเครื่องสำอางของช่างที่กองเป็นของราคาถูก แต่เกี่ยวกับหน้าของตน บอกที่ดูสวยตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างนี้ เป็นเพราะไปดูดไขมันมาทั้งตัว จึงทำให้กล้ากลับมาใส่กางเกงขาสั้นได้อีกครั้งหลังจากที่ไม่เคยใส่กางเกงขาสั้นมานานนับสิบปี
ส่วนการที่รักหมาแมวเพราะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก เวลาเห็นหมาแมวถูกทิ้งก็รู้สึกสงสาร เมื่อก่อนก็เคยช่วย แต่ไม่ได้ทำจริงจัง แต่มันเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้มาทำจริงจัง เพราะคุณพ่อเสีย และตนก็เสียใจมาก แม้จะเสียใจแต่ก็ต้องห้ามเสียใจเพราะกลัวว่าพ่อจะไม่ได้ไปสวรรค์ แต่เป็นเรื่องยากมาก ก็เลยคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะคิดถึงพ่อแล้วไม่เศร้า
จนวันนึงไปเจอหมาจรจัดที่ป่วย ก็ไปช่วยมา ระหว่างที่ดูแลก็คิดได้ว่า เมื่อก่อนหลังจากเลิกงานกลับบ้าน ถ้าวันไหนพ่อนั่งแท็กซี่ ต้องมีอะไรพิเศษ นั่นก็คือการเอาหมาจรจัดกลับมาที่บ้านเพื่อให้ตนเลี้ยง
เลยนึกขึ้นได้ว่านี่คือสิ่งที่เราจะสร้างกุศลให้พ่อ กุศลที่ได้จากสิ่งที่ตนทำจะยกให้พ่อทั้งหมด ซึ่งหมาที่ตนช่วยไม่ต้องไปตระเวนหา เพราะชอบเห็นเอง เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะต้องช่วย และตนก็มีผู้ช่วยเป็นน้องกู้ภัยที่สนิทกัน คอยทำหน้าที่ไปเอาหมาไปส่งรักษาตัวให้
ช่วงที่คิดถึงพ่อจัด ดูแลหมาถึง 10 ตัว จ่ายเงินต่อสัปดาห์ 4-5 หมื่น ไม่มีคนช่วยเหลือเงินทอง เป็นเงินเก็บที่หาได้จากวงการบันเทิง และการที่ช่วยเยอะๆ ในครั้งนั้นมันทำให้คิดได้ว่า ช่วยยังไงก็ช่วยไม่หมด เลยคิดว่าจะช่วยน้อยลง
เพราะเป็นคนงานน้อย รายได้ที่มีไม่ได้มากที่จะเอามาช่วยหมาได้ เลยเอาตุ๊กตาของชอบส่วนตัวมาทำใหม่ ด้วยการขายหรือประมูล แล้วเอาเงินทั้งหมดมาจ่ายบิลหมาแต่ละตัว หลังๆ คนเริ่มอยากจะช่วยบริจาค แต่ตนไม่ขอรับบริจาค เลยออกไอเดียให้เป็นการซื้อเบอร์ 1 เบอร์ต่อ 100 บาท แล้วก็จับสลากได้เบอร์ใครคนนั้นก็ได้ตุ๊กตาไป
บอกตอนนี้ดีใจที่มีคนหันมาสนใจช่วยหมาจรจัดเยอะขึ้น ส่วนใครจะมองว่าตนเลี้ยงหมาเพื่อสร้างภาพ ไม่ซีเรียสหรือสนใจกับคำพูดของคนป่วย เพราะคนที่มองคนอื่นทำความดีเป็นการสร้างภาพ แสดงว่าคนๆ นั้นป่วย และตนก็ไม่แคร์ เวลาที่ได้ช่วยหมา แววตาที่หมามองมันเป็นแววตาที่ส่งมามันเป็นแววตาแห่งความรัก เค้ารู้ว่าเราช่วยเค้ามา.
...