ปอยฝ้าย มาลัยพร เผยชีวิตติดเหล้าหนักมากจนไม่มีคนจ้างงาน บอกถ้าไม่กินจะไม่มีความมั่นใจ มือไม้จะสั่น รับติดมา 20 กว่าปี อาการเริ่มหนักถึงขั้นเอามีดจ่อที่คอตัวเองเพื่อขู่ภรรยาขอกินเหล้า ครอบครัวเคยพาไปสาบานต่อหน้าพระให้เลิกเหล้า ไปบำบัดแต่ก็กลับมาติดใหม่ จนภรรยาขอเลิก สุดท้ายคิดได้ เลิกเหล้ามาได้ 1 ปี เผยเพราะติดเหล้าจึงทำให้มีลูกไม่ได้  

นักร้องหมอลำชื่อดัง ปอยฝ้าย มาลัยพร ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้ แต่หลังจากที่โด่งดังสุดๆ จากเพลง มันต้องถอน ชื่อของปอยฝ้ายก็เริ่มหายไป นั่นเป็นเพราะนักร้องหนุ่มติดเหล้าอย่างหนักจนมีร่างกายซูบผอม ทำงานไม่ได้ และไม่มีคนจ้างงานในที่สุด ซึ่งในวันนี้ ปอยฝ้าย ได้มานั่งพูดคุยเปิดใจในรายการ ยิ่งศักดิ์ยิ่งแซ่บ ที่มีอาจารย์ยิ่งศักดิ์ นั่งแท่นเป็นพิธีกรดำเนินรายการ เพื่อพูดคุยถึงชีวิตที่ติดเหล้ามา 20 กว่าปีของนักร้องหนุ่มคนนี้ ซึ่งปอยฝ้ายเผยว่า 

"ชื่อปอยฝ้ายมันกึ่งๆ ผู้หญิง ผู้ชาย แต่ว่าผมเป็นผู้ชาย เป็นคนจังหวัดหนองคาย คนรู้จักผมเยอะจากเพลงตลกอกหัก และ มันต้องถอน และเพลงนี้ก็ตรงกับชีวิตสำมะเลเทเมาของผม และเพลงนี้ทำให้ผมโด่งดังมากที่สุดเท่าที่เคยทำเพลงมา

...

สาเหตุของการติดเหล้ามันเริ่มมาจากดื่มเพลินๆ อ่อนๆ โดยไปกินกับเพื่อน มันก็สนุกดี เริ่มดื่มตั้งแต่อายุ 18 ปี ก่อนจะขึ้นร้องเพลงก็เอาสักหน่อยมันเพลินๆ แต่พอกินทุกวันก็ติดโดยไม่รู้ตัว เพราะตอนนั้นกำลังเป็นวัยรุ่น มันก็เก็บอาการได้ แข็งแรงอยู่ กินทุกวันจนติดไปเลย จากกินนิดเดียวก็เพิ่มปริมาณ

จากที่กินแค่ขวดเดียว ก็เริ่มหนักมาเป็นเบียร์ 1 กระป๋อง เป็น 2 กระป๋อง ตามมาเรื่อยๆ ถึงจะเริ่มรู้สึกเพลินๆ เหมือนเดิม กินแล้วเหมือนได้ไปอยู่อีกโลกนึง ซึ่งผมกินมาทั้งหมด 20 ปี ที่เคยกินเยอะที่สุดคือ 2 แบน กินอยู่บ้านคนเดียว ข้าวไม่กิน กินไม่ได้ วันที่ไม่กินเหล้าคือวันที่อยู่โรงพยาบาลกับนอนหลับ

เคยดื่มหนักจนร้องเพลงไม่ได้ เยอะเลย ถ้าไม่ถอนก็ไม่ขึ้น ไม่มีความมั่นใจ มันเป็นอุปาทาน รู้สึกเสียงจะสั่นๆ แต่ที่เป็นอย่างนั้นเพราะว่าผมติด ถึงกับต้องพกเหล้าทั้งแบน บางทีก็เปลี่ยนมาใส่ถุงพลาสติก ยัดใส่ในกางเกงใน ซ่อนเอาไว้ เพราะบางสถานที่เค้าไม่ให้เอาเหล้าเข้า พอไปถึงก็ไปเข้าห้องน้ำ กินเหล้าในห้องน้ำ คือตอนนั้นมันให้ทำอะไรก็ได้ แค่ขอให้ได้ดื่ม ขอให้ได้ถอน เอาเข้าร่างกายเถอะ มันเหมือนมันขาดไม่ได้ ต้องมี ถ้าไม่ได้กินมือจะสั่นเหมือนคนตื่นเต้น”

กินจนกระทั่งไม่สบาย ตัวเหลืองเข้าโรงพยาบาล?
“อาการเริ่มแรก เพื่อนทักหน้าเวที ทำไมตามันขาวๆ เหลืองๆ ไปเช็กนะ มันเหลืองผิดปกติเลยไปหาหมอ เจอตับอักเสบรุนแรงมาก ปกติค่าของตับก็อยู่ประมาณที่ 45 หรือ 40 กว่านิดๆ แต่ของผมขึ้นมาพันกว่า ตอนนั้นตัวเหลืองมากต้องให้น้ำเกลือ แล้วก็มียาจากคุณหมอ

แต่ในระหว่างที่ป่วยก็แอบเอาเหล้าไปกินบนเตียง ตอนนั้นกลางวันเข้าโรงพยาบาล อยู่จนถึงเวลาจะขึ้นคอนเสิร์ต ก็ออกจากโรงพยาบาล ให้เพื่อนไปซื้อเหล้าให้ ก็กินเหล้าทั้งๆ ที่แขนยังมีสายน้ำเกลืออยู่ ดื่มเพื่อไม่ให้มันสั่น ดื่มแล้วก็จะตีที่แขนเหมือนให้มันเข้าเส้น มันจะปกติ ค่อยยังชั่ว กินเพื่อรักษาระดับแอลกอฮอลล์เฉยๆ

ผมไปรักษาตัว 40 กว่าโรงพยาบาล ไปคอนเสิร์ตทั่วประเทศ ถ้าวันไหนผมอาเจียนไม่หยุด ทานอาหารแล้วอาเจียน เหมือนมันจะช็อก เพื่อนจะรีบพาไปเข้าอนามัยบ้างบางครั้ง ถามว่าทำไมผมถึงเลิกเหล้าไม่ได้ เพราะว่าผมดื้อ ยิ่งมีเหล้าอยู่ในร่างกาย สะสมมาหลายปี ก็ยิ่งต้องกินเข้าไป ผมไม่เคยถนอมชีวิตตัวเองเลย

พอติดเหล้าก็เริ่มไม่มีงาน และยังมีข่าวอื่นเข้ามาอีกว่าผมกินเหล้า ผมผอมมาก คนหน้าเวทีบอกว่าผมค้ายาเสพติด หรือว่าไปสูบม้ามา เพราะว่ามันผอมมาก สภาพตอนนั้นดูไม่ได้เลย คนจ้างงานก็ไม่พอใจ เพราะเราร้องเพลงให้เค้าไม่ได้ เพราะหลงลืมเนื้อ ร้องเพลงไม่จบ

และก็ยืนร้องเพลงไม่ได้นะครับ ต้องคุกเข่าร้อง ถ้ายืนมันจะเก็บอาการไม่ได้ พอดีร้องเพลงเมาๆ ก็เลยดูกลมกลืนไปกับเพลง และผมเคยเล่นตลกก็พยายามทำให้กลมกลืนไป แต่แท้ที่จริงมันเต็มที่แล้ว

ผมเคยวูบหน้าเวที พอร้องเพลงจบ พลังมันหมด จนบอกแฟนเพลงว่า ผมไม่ไหวแล้ว พูดจบผมก็ลงเลย คนดูก็ขำเพราะเมาเหมือนจริง คือนักดนตรีก็กระโดดลงมา อุ้มเข้าไป พอเริ่มหนัก จากที่เคยอยู่วงใหญ่ เล่นไม่ได้ก็ยังมีนักแสดงคนอื่นมาช่วย แต่พอรับเชิญเดี่ยวหรือไปกับเพื่อน ก็ต้องเมาไม่ได้

...

แต่ร่างกายไม่ไหว มันเริ่มออกอาการให้คนเห็น ความสามารถมันไม่ถึง ผู้จัดงานก็เลยปากต่อปาก บอกอย่าเอาไปเลย บางครั้งก็ขึ้นไม่ได้ ทั้งๆ ที่เค้าโฆษณาไว้แล้ว ต้องไปโรงพยาบาล เค้าต้องหาคนอื่นไปแทน จนเกือบทำให้ผมโดนยึดบ้าน เพราะส่งบ้านเดือนละ 5 หมื่นกว่า วันที่ไม่มีก็หายืม แฟนต้องเป็นคนโทรศัพท์ไปร้องไห้กับผู้ใหญ่

ผมดื่มหนักมากจนกระทบกับงาน แฟนก็บอกว่าจะไม่อยู่แล้ว ถ้ายังจะกินเหล้าอย่างนี้ ต่างคนต่างไป ต่างอยู่ดีกว่า ซึ่งผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยในชีวิต ซึ่งเมื่อก่อนเค้าก็ซื้อเหล้าให้ผมนะ แต่เค้าไม่รู้ว่าผมจะแย่ขนาดนี้ ซึ่งผมรู้ว่าสิ่งที่เค้าขอเลิกมันถูกต้อง มันก็อยู่ที่ตัวผมจะแก้ไขอย่างไร

วันนั้นผมเลยตัดสินใจเลิก เลิกก็เลิกแต่ผมไม่ได้ตัดสินใจครั้งเดียวที่จะเลิก ผมตัดสินใจ 4-5 ครั้ง ผมไปบำบัด ไปสาบานตามวัดป่าก็แล้ว ตอนสาบานก็ไม่ได้ตั้งใจ สถานการณ์บังคับ ไปเพื่อรักษาน้ำใจเมีย ผู้หลักผู้ใหญ่ ไปพอให้มันดีขึ้น ไปสาบานบอกว่า ถ้า 7 วัน ขอให้มีอันเป็นไป พอสาบานเสร็จจุดธูปเสร็จ ญาติออกไปผมก็แอบมาสาบานใหม่คนเดียวว่าเมื่อกี้ที่พูดไปพูดเล่นนะหลวงพ่อ”

ผมพูดจริง ผมพูดกับพระประธาน ผมพูดเล่นพูดจริงให้แยกแยะออกนะพระประธาน ว่าผมไม่ได้มาด้วยใจ ผมมาเพราะสถานการณ์มันบังคับ พูดเล่นพูดจริงให้แยกแยะนะพระประธาน ผมพูดอย่างนั้นจริงๆ (หัวเราะ)"

...

เริ่มการบำบัดยังไง?
“ผมไปแบบสายโหด หักดิบ แล้วก็อยู่ในวัด แต่อยู่ในห้องแบบขังไว้เลยครับ ใส่กุญแจ คือไปสถานที่เดียวกับเลิกยาบ้า โกนหัว ประมาณนั้น ออกมาได้ 3 เดือน ก็เอาอีกแล้ว พอร่างกายดีขึ้นหน่อยก็กระป๋องเดียวไม่เป็นไรหรอก ทุกๆ ครั้งที่ผมกลับหวนมาดื่มอีกก็คือคำนี้แหละ คำว่าหน่อยเดียวไม่เป็นไร กระป๋องเดียวเอาอยู่ หลังจากนั้นก็จะเพลินไปเรื่อยๆ

ในช่วงที่หักดิบ มันทั้งทุกข์ทั้งสงสารตัวเอง บางครั้งผมก็ร้องไห้นะ ทำไมเราต้องตกอยู่ในสภาพนี้ กูแย่ขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมเราไม่กินเหล้า ทำไมให้เหล้ามากินเรา แล้วก็ร้องไห้ ขนาดสำนึกทั้งร้องไห้ ยิ่งดื่มนะ เป็นคนดังแล้วมาติดเหล้า ถามว่าอายมั้ย ก็อายครับ หลายๆ อย่างประดังเข้ามา แล้วก็สุขภาพเราด้วย”

หมดเวลารักษาด้วยตัวเอง เสียเวลารักษาไปนานกี่ปี ?
“4-5 ปีครับที่พยายามสู้กับเหล้า ทั้งสู้ทั้งถอยทั้งแพ้มาตลอด ไปแล้วเราไม่รู้ บางครั้งก็เสี่ยงกับการช็อกตาย คือสมมติไปวัดป่า ดื่มน้ำสมุนไพร พอดื่มเข้าไปยิ่งอ้วก นั่นแหละ การอ้วกคุณหมอบอกผมบอกว่า อันตรายนะ คนเวลาอ้วกเยอะๆ มันช็อกได้เลย ตายได้เลย”

อดเหล้าวันแรกๆ เป็นยังไง?
“วังเวง แล้วก็เหงา ทุรนทุราย ร้อน นอนไม่หลับ คันมันไม่คันก็เหมือนมันคัน แล้วก็มีเหงื่อเหนียวๆ ออกมา ทรมานก็ปล่อยอย่างนั้น ตายก็ให้มันตายไปเลย ที่สุดท้ายที่ไปรักษาคือ สถาบันธัญญารักษ์”

ที่ลือว่าติดยาเสพติดด้วยนอกจากเหล้าจริงมั้ย?
“อาจจะเห็นผมผอม ผมไม่ได้แก้ข่าว บางครั้งแฟนเพลงไม่เข้าใจ สมัยนั้นยังไม่มีเฟซบุ๊กพอจะได้ลงแก้ข่าว กว่าจะออกข่าวได้ก็ต้องให้ผู้หลักผู้ใหญ่โทรมาประสาน”

ใครพาไป?
“ค้นหาทางเว็บ อยู่ใกล้ๆ บ้าน ที่จริงผมเชื่อว่าคนที่ดื่มเหล้า ที่ติดเหล้า ลึกๆ แล้วเค้าไม่มีความสุขนะ ก้นบึ้งลึกๆ มันเป็นความทุกข์ ความสนุกมันจะอยู่ข้างบน สนุกแบบปลอมๆ สนุกในช่วงที่แอลกอฮอลล์มันออกฤทธิ์ หลังจากมันไปแล้วพรุ่งนี้เข้าก็หงอย มันโกหกตัวเอง สนุกแบบหลอกลวง แต่ลึกๆ แล้วมันทรมานเหมือนเราตกขุมนรกลึก”

...

วันนี้เลิกเหล้าเด็ดขาดแล้ว?
“เด็ดขาดแล้วครับ ไม่กลับไปแล้วครับ”

อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เลิกเหล้าได้?
“ผมว่าจิตใต้สำนึกผมยังเป็นคนดีอยู่นะ อันนี้ต้องขอบคุณจิตสำนึกตัวเองมันยังหลงเหลืออยู่ ลึกจริงๆ เรายังเป็นคนดีอยู่ ยังรู้อะไรดำอะไรขาว ยังรู้ว่าอนาคตเราจะไปยังไง จะเป็นขี้เมาข้างถนน คนเดินผ่านขอตังค์ 20 บาท ผมกลัวเป็นภาพนั้นเพราะว่าผมเห็นเยอะ เดินไปไหนแม้กระทั่งนั่งกินข้าวกับพี่กับน้องก็ไล่หนี เราไม่อยากตกอยู่ในสภาพนั้น”

ติดเหล้ามา 20 กว่าปี แต่ก็มีผู้หญิงคนนึงอยู่เคียงข้างคุณตลอดเวลา?
“ภรรยาผมครับ ชื่อไมค์ เป็นแฟนคลับเจอกันบ่อยๆ ก็เลยเรียบร้อยเลย แต่งงานกันมา 7 ปี แต่รู้จักกันมา 7-8 ปี ในช่วงที่ผมติดเหล้า เค้าก็ไม่บ่นนะ เป็นคนสนุก แต่สาเหตุที่จะเลิกเหล้าเพราะว่ามีเมาแล้วมีลงไม้ลงมือ เพราะว่าพฤติกรรมผมแรงขึ้นเรื่อยๆ จากที่ไม่เคยทุบบ้าน เขวี้ยงโทรศัพท์ เริ่มเป็นมา 2 ปีก่อน ขู่เค้าถ้าไม่ซื้อเหล้ามาจะเอามีดปาดคอตัวเอง แล้วก็เอามีดมาจ่อคอ จากคนดีๆ กลายเป็นคนบ้า

แต่ผมไม่เคยถามว่าทำไมเค้าถึงทนอยู่กับผม สงสารเค้า ภาพที่เค้าร้องไห้ผมยังจำได้ ผมรู้ว่าผมทำผิดกับเค้า ผมขอโทษเค้าบ่อย และเค้าก็ให้อภัยผมตลอด อาจจะเป็นเพราะว่าเค้ารักผมมั้ง และผมก็มีลูกกับเค้าไม่ได้ เพราะว่าดื่มเหล้ามากจนน้ำเชื้อใช้การไม่ได้ แต่ก็ดีที่ไม่มีลูก ไม่ได้ไม่มีลูกเพราะอวัยวะเพศไม่แข็งตัว (หัวเราะ)

แต่ยังดีว่าแฟนผมเป็นคนพอประมาณ ไม่ได้หมกมุ่นกับเรื่องอย่างว่าเยอะ เรื่องไม่มีลูก ไปปรึกษาหมอ หมอก็บอกว่าให้ไปฝากน้ำเชื้อ ผมเคยคิดว่าอยากจะมีลูก แต่ก็คุยกัน ไม่มีก็ได้ ไม่ซีเรียส ตอนนี้หาเงินไว้ให้เยอะๆ

ขอบคุณนะที่รัก หลายๆ ปีที่อยู่ด้วยกันมา ตอนรู้จักกัน มันมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราเกือบจะไม่ได้มาอยู่ด้วยกัน แต่สุดท้ายจะเป็นบุญหรือกรรม ก็ทำให้เราได้มาอยู่เป็นผัวเป็นเมียกัน แล้วคุณก็อดทนมาตลอด รู้พฤติกรรมผมมาตลอด แต่เค้าก็ยังอดทน ขอบคุณที่มีความอดทนและเข้าใจคนที่ติดเหล้า และยอมสู้ด้วยกันมา เราเหมือนเป็นคนป่วยด้วยกัน ที่ไม่ยอมทิ้งให้ผมตายในเหวลึก ที่ยังพาผมขึ้นฝั่งได้ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีวันนี้ เค้าเป็นมากกว่าภรรยา

ขอบคุณแฟนเพลงที่ให้ความสงสาร ไว้วางใจ ปอยฝ้าย มาลัยพร ที่ชื่นชมผลงานการแสดงตลก และชื่นชมผลงานเพลง ผมขอโทษผู้จัดจ้าง ที่เคยจ้างผมแล้วเสียความรู้สึก และขอบคุณนายห้างทวีชัยมาก ที่ยังให้โอกาส ไม่ยอมไล่ออกจากสังกัด ผมพร้อมสู้ ผมเกิดใหม่แล้ว จะหาผลงานดีๆ มาให้แฟนๆ ได้ชมกัน”

ปอยฝ้ายและคุณไมค์ภรรยา
ปอยฝ้ายและคุณไมค์ภรรยา