Rachael Yamagata ศิลปินจากนิวยอร์ก เพิ่งประกาศส่งอัลบั้มเต็มชุดใหม่ในรอบเกือบ 10 ปี Starlit Alchemy (จองล่วงหน้า) ที่จะปล่อยออกมาในวันที่ 3 ตุลาคม นี้ภายใต้ Jullian Records อัลบั้มนี้เรียบเรียงมาอย่างตั้งใจ พร้อมซ้อนทับด้วยเสียงชวนฝันและนุ่มนวล การบรรเลงเต็มวงที่ไพเราะและความอบอุ่นเหมือนการแสดงสดในห้อง Starlit Alchemy เป็นมากกว่าไดอารี่ แต่เป็นเหมือนการสื่อสารถึง : บางอย่างที่มาจากสัญชาตญาณ , เป็นธรรมชาติ และถูกสร้างมาเพื่อให้ก้องกังวาน
เรื่องของอัลบั้มเริ่มต้นด้วย “Backwards” ที่ปล่อยออกมาแล้ว เพลงที่ Yamagata ขบคิดมานานหลายปี เดิมทีเพลงนี้ถูกแต่งให้เป็นส่วนหนึ่งของละครเพลง แต่ถูกปรับใหม่ให้เป็นเหมือนแก่นเรื่องหลักของอัลบั้ม ที่ว่าด้วยการเผชิญหน้ากับการดึงดูดของการเปลี่ยนแปลงและผลที่ตามมาเมื่อทิ้งบางส่วนในโลกของคุณไว้เบื้องหลัง “ฉันเริ่มต้นวิ่ง แต่ฉันก็ยังหวังว่าจะมีใครบางคนตามทัน และไปกับฉัน” เธอกล่าว “มีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ในความตึงเครียดนั้น”
Rachael อธิบายเพิ่มเติมกับ FLOOD Magazine ว่า : "Backwards” คือความเจ็บปวดของเส้นทางที่แยกจากกัน เมื่อคุณรับรู้ว่าคุณได้เริ่มต้นเส้นทางใหม่ และมันไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับเพื่อรอให้ใครบางคนตามมาทัน มันเป็นความตื่นเต้นที่หวานอมขมกลืนสำหรับสิ่งที่จะมาถึง และความตระหนักรู้ว่าเราต้องทิ้งบางอย่างไว้เบื้องหลัง”
ด้วยเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ นักร้อง/นักแต่งเพลงจาก Hudson Valley คนนี้ กลับมาพร้อมอัลบั้ม Starlit Alchemy ที่ไม่ใช่แค่นักขับกล่อมบทเพลงเศร้า หรือผู้กระซิบถึงความเจ็บปวดในอดีต แต่มาในฐานะผู้นำทางแห่งการเปลี่ยนแปลง – ผู้ปลดเปลื้องสิ่งที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป ผู้กล้าเอ่ยถึงความเจ็บปวด และไขว่คว้าในสิ่งที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม บทเพลงในอัลบั้มเต็มชุดที่ 5 ซึ่งแฟนเพลงรอคอย เปรียบดั่งดักแด้ที่อยู่ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริง : การเดินทางดั่งภาพยนตร์ที่กระตุ้นจิตวิญญาณ ผ่านความเศร้า , การยอมจำนน , ความยืดหยุ่น และการปลดปล่อย Starlit Alchemy ซึ่งผสานพายุกับการเยียวยาในส่วนที่เท่ากัน ล่องเข้าไปในถ้ำลึกและหมู่ดาว มันถักทอคำแนะนำแห่งจักรวาลเข้ากับประสบการณ์ของมนุษย์ นี่คือบทเพลงประกอบของการค้นหาตัวตนและการเกิดใหม่อันลึกลับที่ทำให้สัมผัสความรู้สึกได้อย่างเต็มที่
...
Starlit Alchemy คือ ผลลัพธ์แห่งชัยชนะจากความชัดเจนที่ได้มาอย่างยากลำบาก และการปรับเทียบใหม่ ผลงานนี้ห่างจาก LP ล่าสุดของเธอ Tightrope Walker เมื่อปี 2016 ถึง 9 ปี งานเพลงใหม่นี้ Yamagata ได้พิสูจน์ว่าเธอกลับมาเป็นผู้ขับเคลื่อนทางดนตรีของตัวเองอย่างแท้จริง 13 ปีของการบริหารงานเองโดยไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของค่ายเพลงและไม่ยึดติดกับแนวเพลงหรือข้อจำกัดใด เธอเขียนเพลงในอัลบั้มทั้งก่อนและระหว่างปี 2020 โดยได้เงินทุนจากการทัวร์คอนเสิร์ตในต่างประเทศและบันทึกเสียงส่วนใหญ่ในสตูดิโอที่บ้านใน Catskills ร่วมกับเพื่อนร่วมงานที่รู้ใจกันมานาน ‘Yama’ มีความหมายในภาษาญี่ปุ่นว่า ‘ภูเขา’ มรดกจากฝั่งพ่อที่ดูเหมือนจะถูกขีดเส้นชะตาให้มาบรรจบกับรากเหง้าทางฝั่งแม่ที่เก่าแก่กว่า 100 ปีจาก Woodstock นิวยอร์ก การปีนป่าย การเคลื่อนไหว และกลายเป็นภูเขา อาจไม่ใช่คำอธิบายที่ตรงตัวของกระบวนการและประสบการณ์ในการทำอัลบั้มชุดนี้ ฉากหลังของการสูญเสียคนที่รักสำหรับใครหลายคนที่มีส่วนร่วมในอัลบั้มชุดนี้ และความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญด้วยตัวเองตั้งแต่ TMJ (ภาวะความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร) ไปจนถึงการสูญเสียการได้ยิน , การหยุดและเริ่มใหม่หลายต่อหลายครั้ง ล้วนสร้างอิทธิพลในงานบันทึกเสียงครั้งสุดท้าย
Rachael Yamagata ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินอิสระ ผู้มีน้ำเสียงอันเป็นที่จดจำได้ทันทีและเปี่ยมด้วยอารมณ์อย่างจริงใจ เธอเริ่มเป็นที่รู้จักในช่วงต้นทศวรรษ 2000 จากอัลบั้มแรก Happenstance ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก ตลอด 20 ปีบนถนนสายดนตรี เธอสร้างฐานแฟนเพลงอันเหนียวแน่นด้วยความสามารถในการแต่งเพลงที่จริงใจและเล่าเรื่องดั่งภาพยนตร์ บวกกับการแสดงสดที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ เธอส่งอัลบั้มที่ได้รับความนิยม อย่าง Elephants…Teeth Sinking Into Heart, Chesapeake และ Tightrope Walker จากความโดดเด่นเรื่องการผสานความเปราะบางที่ทำให้เจ็บปวด เข้ากับอารมณ์ขันแบบเจ็บๆ และความเข้มแข็งที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใด เธอได้ร่วมงานกับศิลปินหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Liz Phair (ลิซ แฟร์) , Toots and The Maytals (ทูทส์ แอนด์ เดอะ เมย์ทัลส์) , Ryan Adams (เรย์ ลามอนแทง) , Ryan Adams (ไรอัน อดัมส์) และ Bright Eyes (ไบรท์ อายส์) ขณะเดียวกัน เธอก็ก้าวเดินอย่างอิสระบนเส้นทางของตัวเอง โดยอยู่นอกเหนือจากระบบค่ายเพลงยักษ์ใหญ่
ตอนนี้เธอกลับมาพร้อมผลงานที่ไม่เพียงมาจากสัญชาตญาณ แต่ยังผ่านการกลั่นกรองมาอย่างตั้งใจ Starlit Alchemy ไม่ใช่แค่การรวมซิงเกิลหรือรายชื่อเพลงที่สร้างโดยระบบแนะนำ แต่มันคือ “อัลบั้มที่ลึกซึ้ง” ซึ่ง Yamagata ต้องการสื่อว่า - นี่คือผลงานที่ต้องตั้งใจฟังอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบอัลบั้ม “ฉันรู้มาตลอดว่า มันจะเป็นอัลบั้มที่ต้องฟังต่อเนื่องจากเพลงหนึ่งไปสู่อีกเพลงหนึ่ง” เธอกล่าว “เพลงเหล่านี้เริ่มต้นจากแรงผลักดันที่ฉันอยากถ่ายทอดในสิ่งที่ฉันกำลังเผชิญและได้รับรู้มา ก่อนที่ภายหลังฉันจะตระหนักว่ามันเป็นเรื่องราวที่ร้อยเรียงกัน มันค่อยๆ กลายเป็นแผนที่ที่ฉันทำขึ้นหลังการเดินทาง ไม่ใช่ก่อนที่จะเริ่มเดินทาง เรื่องราวทั้งหมดอยู่ในนั้น”
...
เรื่องราวในอัลบั้มชุดนี้ ซึ่งเป็นการสูญเสียสิ่งสำคัญและการค้นพบสิ่งใหม่ๆ ในระดับสากล - ค่อยๆก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เธอได้ปรับโครงสร้างชีวิตและกล้าเสี่ยงทางความคิดสร้างสรรค์ “มันเริ่มต้นจากการเป็นอัลบั้มที่ถ่ายทอดความคิดแบบไหลลื่นตามจิตสำนึกและเดโม่แรกที่ฉันทำเหมือนเพลงประกอบหนังสั้นที่เล่นต่อเนื่องโดยมีท่อนเชื่อมในแต่ละเพลง”
และแม้เนื้อหาจะหนักหน่วง แต่ประสบการณ์ที่ได้รับไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย Starlit Alchemy ไม่ได้เกี่ยวกับการหลีกหนีจากความเจ็บปวด แต่เพื่อก้าวผ่านและเติบโตไปพร้อมมัน “มันคือการลงลึกถึงบาดแผลทางใจกับความงดงาม และความหวานอมขมกลืนของสองสิ่งที่ดำรงอยู่คู่กัน ความกลัว , การสูญเสีย , ความโศกเศร้าคือแกนหลักสำคัญ แต่สิ่งมหัศจรรย์จะเกิดขึ้นเมื่อคุณดื่มด่ำกับประสบการณ์นั้นอย่างเต็มที่ มันจะเริ่มนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ความเข้มแข็งก่อตั้วขึ้นในช่วงเวลาที่ยอมจำนนและตัวตนในอดีตของคุณจะถูกสลัดทิ้งไป” แล้วแนวเพลงมันเป็นอย่างไร Yamagata จะตอบได้เพียงว่า “ลองนึกภาพ Tom Waits เป็น Willy Wonka และ Ricki Lee Jones เป็น Dorothy ในโลกของเสียงดนตรี โดยได้รับคำแนะนำจาก Hans Zimmer และ Joni Mitchell จากอัลบั้ม Both Sides Now จะว่าไปฉันก็ไม่ได้เชี่ยวชาญในสิ่งเหล่านี้เท่าไร ขออภัยถ้าฟังดูเหมือนเสแสร้งไปบ้าง”
...