จากประเด็นดราม่าปมหนัง ”บุปผาราตรี“ หลังจากที่ ต้อม ยุทธเลิศ นักเขียนบท-ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง เจ้าของผลงานหนังเรื่องนี้ โพสต์ไอจีฟาดเดือดเตือนถึงคนที่คิดจะเคลมหนังเรื่องนี้ จนกลายเป็นกระแสร้อนไปแล้ว
ล่าสุด ปอนด์ กฤษดา เจ้าของค่าย BeOnCloud พร้อมด้วย พิง ลำพระเพลิง ผู้กำกับภาพยนตร์ ก็ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เพื่อชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ที่ Eastin Grand Hotel Phayathai ชั้น 3 ห้อง Auditorium
- ปอนด์ บอกว่า เริ่มตั้งแต่แรก จุดเริ่มต้น จริงๆ โปรเจกต์ชื่อ "บุปผาราตรี มาลีรัตติกาล" เป็นของพี่พิง ลำพระเพลิงทำกับอีกบริษัทหนึ่ง แล้วก็เข้ามาคุยกับผม โดยในช่วงนั้นประมาณปีที่แล้ว จุดประสงค์คือพี่พิงอยากได้ เจษฎ์พิพัฒ มาร่วมงาน ตอนนั้นเจษฎ์เป็นนักแสดงช่องวัน อยู่ในการดูแลของ BeOnCloud
- ปอนด์จึงอยากจะสบายใจว่า นักแสดงของเราจะได้อยู่ในกลุ่มที่ BeOnCloud จะได้มั่นใจ เลยนัดกันว่าพี่พิง ผมขอนัดคุยกับกลุ่มทุนกับพี่พิงได้ไหม ผมอาจจะขอร่วมลงด้วย
...
- ตอนนั้นเป็นเรื่องราวที่พี่พิงเขียนขึ้นมา เป็นบทร่างแรก และที่เห็นคือสัญญาตัวแรกของพี่พิงกับบริษัทเก่า และของฝั่งบริษัทของพี่ต้อม ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บุปผาราตรี
- พิง ลำพระเพลิง ชี้แจงว่าตั้งแต่แรกโทรไปติดต่อซื้อชื่อกับเพื่อนผม เขาให้ตัวเลขมา แต่ผมขอไม่เปิดเผย ผมก็บอกเขาว่าผมไม่มีเงินขนาดนั้น สุดท้ายคุยกันจบที่ 1.2 ล้านบาท อนุญาตให้ใช้ชื่อ “บุปผาราตรี” เป็นระยะเวลา 2 ปี ยืนยันว่าซื้อโดยถูกกฎหมายมีสัญญาครบถ้วน แล้วเพื่อนก็โอเค
- แต่พอทำไปทำมา เงินผมไม่พอ เลยบอกว่าผมจะไปชวน BeOnCloud นะ พร้อมขอแก้ไขสัญญา เขาก็เซ็นทุกหน้า
- ปอนด์บอกว่า บุปผาราตรี มาลีรัตติกาล มีความเกี่ยวเนื่องกับภาคแรก แต่ผมเองที่คิดเองว่า อะไรที่มันดีอยู่แล้ว เอาไว้ตรงนั้นดีแล้ว ผมชื่นชอบภาคแรกมาก ด้วยใจบริสุทธิ์ ผมเลยเปลี่ยนบทใหม่แทบทั้งหมด ทำให้เกิดการเลื่อนเปิดกล้อง เพื่อความสบายใจของผู้ลงทุนด้วย
- ยืนยันว่ามีหลักฐานครบ ไม่ได้มีการละเมิด หรือขโมยสิทธิ์ภาพยนตร์ แต่อย่างใด ตามข้อตกลงในสัญญา ก็ไม่มีกรณีการเรียกร้อง 100-200 ล้านตามที่เป็นข่าว
- หลังจากนั้น ปอนด์ติดต่อผ่านบุคคลที่ 3 ไปหาพี่ต้อม แต่เขาบอกไม่สะดวกเดี๋ยวจะโทรกลับ แต่ช่วงเย็นเขาโพสต์ตัวสัญญา ฉบับที่ยกเลิก ในภาวะนั้นถือว่ากระทบกับ BeOnCloud แล้ว มันเลยกลายเป็นความเข้าใจผิด
- พิง บอกว่า เห็นแอคเคานต์หนึ่ง ใช้ชื่อว่า “ผู้กำกับเลว” ยอมรับว่าตกใจมาก เพราะเป็นข้อความที่ผมไม่ได้พูด แล้วผมต้องกลับไปกำกับภาพยนตร์ต่อ ใครก็ตามที่กุเรื่องนี้ขึ้นมา ผมยอมไม่ได้จริงๆ ถูกใส่ร้ายประโยคที่ผมไม่ได้พูด
- พิงบอก 22 สิงหาคม มีชื่อเพื่อนผมโทรเข้ามา คุยกัน 9 นาที ว่าใจเย็นๆ เขาไม่ได้ปลดผมออก เคลียร์กับเขาได้ เดี๋ยวนัดกินข้าว คุยดีๆ อย่าเป็นข่าวเลย สุดท้ายเพื่อนผมวางสายไป โดยไม่เคลียร์อะไรชัดเจนเลย
- คืนวันที่ 23 สิงหาคม แอคเคานต์ผู้กำกับเลว ยังโพสต์ต่อ ซึ่งเป็นข้อความที่ผมไม่ได้พูด แต่ผมโชคดีว่าคนที่กองถ่าย เขาก็เห็น และเขาก็เชื่อว่าผมไม่ได้พูด แต่พอผมกลับมา ในวันที่ไม่ได้มีกองถ่าย ผมโดนด่าทุกวัน
- ผมเชื่อว่าเพื่อนไปรับข้อมูลผิดๆ มา แต่พอผมเห็นแอคเคานต์ผู้กำกับเลว ที่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร รู้สึกมันมาไกลเกินไปแล้ว แต่เชื่อว่าลึกๆ เขาเป็นห่วงผม แต่แค่โพสต์ใน X มันเกินกว่าจะรับได้
...
- ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเกิดเรื่องแล้วไม่ติดต่อ ผมโทรไป โทรติดนะแต่เขาไม่รับสาย คนที่ทำงานกับเขาอีกคนโทรไป เขาก็ไม่รับสาย ผมยังเชื่อว่าเพื่อนเป็นห่วงผม แต่นอกจากนั้นคือเป็นเรื่องของหลักฐานและข้อกฎหมาย
- ปอนด์ บอกว่า มีอีกเรื่องคือสิ่งที่แอคเคานต์ผู้กำกับเลว นำเรื่องราวผลงานอื่นๆ ของ BeOnCloud มาโพสต์และมีความเหยียดเพศสภาพ มองว่าสิ่งนี้ค่อนข้างจะไม่น่ารัก ไม่อยากให้เอาภาพนักแสดงมาว่า ว่าสิ่งนี้มันผิด เรื่องไหนติดค้างใจกันมาคุยกันดีกว่า
- พิง บอกอีกว่า ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันมาไกลได้อย่างไร แต่ตนเชื่อว่าที่เพื่อนทำ เพราะเขาเป็นห่วง ต่อไปนี้ผมว่ามันเป็นเรื่องหลักฐานและกฎหมาย
- ทนาย บอกว่า บริษัท BeOnCloud เขาไม่ได้ละเมิดข้อสัญญาที่ให้ใช้ลิขสิทธิ์ เมื่อมีหลายโพสต์ส่งผลให้ชื่อเสียงบริษัท ในการทำงานต่างๆ เราจึงจำเป็นต้องรวบรวมหลักฐานเพื่อฟ้องคดีซึ่งเราก็ฟ้องไปแล้ว ส่วนคดีเป็นเรื่องของศาล“
- ปอนด์บอกว่า สิ่งที่ฟ้องไม่ใช่เพื่อจะเรียกร้องเงินมาชดเชยค่าหนังของตน แต่ที่ฟ้อง เพื่อจะบอกว่าเราพูดความจริงเพื่อปกป้องความจริงที่เกิดขึ้นแน่นอน และกฎหมายมันใช้เวลานาน แต่สังคมต้องรู้ถึงความตั้งใจของเรา
...
- ซึ่ง ปอนด์ เผยว่าไม่เคยรู้จักกับ ต้อม ยุทธเลิศ มาก่อนเลย เพราะตัวเองใหม่มากในวงการนี้ มาจากฐานะผู้ชมภาพยนตร์และซีรีส์ ยอมรับว่าเสียความรู้สึกมากที่มาเจอแบบนี้ แต่ไม่ได้โกรธ วันหนึ่งถ้ามีโอกาสก็อยากจะคุยแบบเปิดใจกับพี่ต้อม ยุทธเลิศ เช่นกัน
- ในแอคเคานต์ผู้กำกับเลว โพสต์ว่า ทำงานมาเป็น 10 ปี แล้วโดนกะเทยขโมยบุปผาไป ด้านปอนด์บอกว่า ตนเองมีเพื่อนเป็นกะเทยและสวยมาก เพราะฉะนั้นไม่ควรใช้คำนี้มาเหยียดใคร แต่ถ้าเขาหาว่าผมขโมย ต้องถามว่า ผมจะขโมยมาทำไม ผมจะเอามาทำไม ผมก็มีหนังของผม ซีรีส์ของผมที่ผมก็ภูมิใจทุกวัน
- ปอนด์ เผยอีกว่า ตนเองได้มีโอกาสพูดคุยกับนักแสดง อยู่กับเขาจนจบโปรเจกต์ เราไปเลี้ยงฉลองกัน ซึ่งเราก็คุยกันทุกเรื่อง เข้าใจหมดเลยว่าสถานการณ์เป็นยังไง แต่ก็ไม่พูดถึงเรื่องที่เราคุยกัน แต่อยากให้เชื่อว่าเขาไม่ได้มีจุดประสงค์ในการที่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเรามีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ในวันที่มีประเด็นเรื่องนี้ ผมไปที่กอง ต้องใช้เอเนอจี้ความสุขมากขึ้น 3 เท่า จนนักแสดงตกใจ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้มีประเด็นมาก่อน และหลายคนกลัวว่าจะไม่ได้ไปต่อ วันที่มีปัญหาเรื่องงบ คนก็กลัวว่าจะไม่ได้ไปต่อ เลยต้องเอาเงินให้เขาได้จัดการไปต่อ ซึ่งผมก็ไม่ได้มีเงินเยอะ แต่เราต้องจัดการเพื่อให้ทุกอย่างมันไปต่อได้
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม
...