ฮือฮาไม่น้อย เมื่อกระแสความแรงของภาพยนตร์ไทยอย่าง สัปเหร่อ หนังในจักรวาลไทบ้าน เดอะซีรีส์ มาแรงจนทำให้นายกฯ ต้องนัดคณะรัฐมนตรีไปดูกันในวันที่ 25 ต.ค. รอบ 19.45 น. โดยเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ที่นั่งเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ จะพาคณะรัฐมนตรีไปดูหนังเรื่อง “สัปเหร่อ” ที่สยามพารากอน โดยมีรองประธานคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ อิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ไปดูด้วยกัน
คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติคืออะไร?
คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2566 ตามคำสั่งการของเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยมีนายกฯ เศรษฐาเป็นประธานกรรมการ, แพทองธาร ชินวัตร เป็นรองประธานกรรมการ และนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นกรรมการและเลขานุการ
...
วัตถุประสงค์ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เพื่อกำหนดเป้าหมายการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล บูรณาการการดำเนินงานของส่วนราชการและภาคเอกชนให้มีประสิทธิภาพและมีความสอดคล้องกับการพัฒนาศักยภาพของประเทศไทยไปสู่นานาประเทศ โดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติมีอำนาจหน้าที่คือ
1. กำหนดยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ จัดทำนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ เพื่อเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
2. เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดนโยบายและทิศทางทางด้านการเงิน การคลัง การลงทุน รวมทั้งมาตรการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับหรือเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ
3. เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในการจัดให้มี ปรับปรุง หรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ
4. เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินงานตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ รวมทั้งมาตรการเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและประสานงานระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศในการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ทั้งในและต่างประเทศ
5. รายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและพิจารณามีมติเกี่ยวกับการดำเนินการของหน่วยงานเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ
โดยภาพยนตร์ไทยถือเป็น 1 ในซอฟต์พาวเวอร์ที่รัฐบาล ผลักดันสู่เวทีสากล นายกฯ เศรษฐา จึงอยากพาคณะรัฐมนตรีไปชมภาพยนตร์สัปเหร่อด้วยตัวเอง ซึ่งรายได้ตอนนี้ของภาพยนตร์เรื่องสัปเหร่อ หนังไทยในจักรวาลไทบ้านเดอะซีรีส์ ทำรายได้ทะลุ 400 ล้านบาทแล้ว
จุดกำเนิด "ไทบ้าน" ดันซอฟต์พาวเวอร์ศรีสะเกษ
โต้ง สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ เป็นผู้สนับสนุนการทำหนังเรื่องไทบ้านตั้งแต่แรก ไทบ้านมาจากกลุ่มเด็กศรีสะเกษ ที่มารู้จักกับ โต้ง สิริพงศ์ โดยกลุ่มเด็กกลุ่มนี้เห็นซีรีส์เกาหลี ซีรีส์เรื่องฮอร์โมนส์ ก็อยากเห็นซีรีส์คนอีสานบ้าง เด็กกลุ่มนี้เขียนบท 12 ตอนไปเสนอใครก็ไม่ผ่าน พวกเขาจึงมาหา “เสี่ยโต้ง” เพื่อทำหนังเรื่องนี้จน โต้ง สิริพงศ์ ให้มา 2 ล้าน เงื่อนไขของเสี่ยโต้งอย่างเดียวคือ หนังต้องมีสถานที่สำคัญของศรีสะเกษ เพราะเขาหวังให้เหมือนที่หนังกวน มึน โฮ ทำให้คนไทยอยากไปเที่ยวเกาหลี ถ้าไทบ้านฟลุกดังจะได้มีคนมาเที่ยวศรีสะเกษมากๆ เงิน 2 ล้านที่ลงไปถ้าหนังเจ๊งก็ยังถือว่าเป็นอีกหนึ่งหนทางโปรโมตการท่องเที่ยวศรีสะเกษ
เมื่อรัฐบาล นายกฯ เศรษฐา จะผลักดันซอฟต์พาวเวอร์อย่างหนังไทย โต้ง สิริพงศ์ ก็เผยกับ ไทยรัฐบันเทิง ว่า "ขอบคุณที่วันนี้ภาคการเมืองให้ความสำคัญ ทางผู้ใหญ่ในรัฐบาลก็ติดต่อมาว่าอยากจะนำร่องการทำซอฟต์พาวเวอร์ของคนทำหนังที่ไม่ใช่บริษัทใหญ่ เป็นกลุ่มทำหนังเล็กๆ หรือคนรุ่นใหม่ที่อยากทำหนัง ให้มีโอกาสไปแข่งขันในต่างประเทศ
แต่ก็อยากจะขอให้มันเกิดขึ้นได้จริงๆ นะ เพื่อจะได้ให้คนรุ่นใหม่ๆ ที่อยากจะทำหนัง เขาคิดว่าความฝันของเขามันสามารถเป็นไปได้เพราะรัฐบาลให้การสนับสนุน มันจะเป็นประโยชน์มากกับอุตสาหกรรมหนังไทย"
...
"ไทบ้าน" ไม่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลไทย
กระทรวงวัฒนธรรมพาไปขอทุนจีนแต่เขาไม่ให้
โต้ง สิริพงศ์ เผยกับไทยรัฐบันเทิงต่อว่า "ที่ผ่านมาไทบ้านไม่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐเลยสักบาทเดียว แต่รัฐโดยกระทรวงวัฒนธรรมเคยพยายามพากลุ่มของผู้กำกับผู้บริหารไปเจอกับนายทุนจีน คือตอนนั้นที่จีน หนัง Thailand Only ดังมาก กระทรวงวัฒนธรรมเลยคิดว่าหนังไทยไปขายในจีนได้เพราะอาจจะมีกลุ่มนายทุนที่จะสนับสนุนคนทำหนังไทย เพื่อจะไปขายในจีน แต่ปรากฏว่ามันก็ไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะคอนเทนต์เราไม่โดนทางจีนเขาด้วย เขาอาจจะไม่เก็ต พอไม่ได้ทุนจากจีนที่เหลือก็ไม่มีงบให้อยู่แล้ว
ที่ผ่านมาเราก็โดนควบคุมจากรัฐด้วยซ้ำ วันนี้ก็อยากให้รัฐบาลทบทวนบทบาทของ กบว. คือกองเซนเซอร์ ควรมีแค่หลักเซนเซอร์อยู่แค่เรื่องใหญ่ๆ อย่างเรื่องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์และเรื่องความมั่นคง ส่วนที่เหลือควรให้เป็นหน้าที่ของเรตติ้งไป เพราะยุคสมัยเปลี่ยนความเชื่อของคนเปลี่ยน รัฐควรปรับบทบาทตัวเองด้วยให้เข้ากับยุคสมัย
และการที่จะสนับสนุน Soft Power หนังไทยของภาครัฐ ผมคิดว่ามันจะต้องมีความหลากหลาย มีสเกลที่ย่อยกว่านี้ ไม่ใช่สนับสนุนหนังที่เป็นกระแส จริงๆ หนังบางเรื่องมีคุณค่ามากแต่ไม่เป็นกระแส เมื่อไม่เป็นกระแสเขาก็ไม่สามารถไปต่อได้
อย่างน้อยรัฐควรมีแนวทางที่ชัดเจน ว่าแต่ละปีจะสนับสนุนหนังประเภทไหน หรือคอนเทนต์ประเภทไหนเป็นโจทย์ให้เขา แต่ไม่ต้องไปถึงกำหนดขนาดว่าหนังแนวนี้เป็นหนังที่รัฐต้องการ
คือรัฐไม่ควรไปกำหนดแนวทางหนัง แต่รัฐควรกำหนดว่าในแต่ละปี รัฐอยากจะสนับสนุนเรื่องอะไร (เช่น อาหารเมนูอะไร สถานที่ท่องเที่ยวไหน กิจกรรมอะไร ที่รัฐวางนโยบายอยากผลักดันเป็นซอฟต์พาวเวอร์) และให้หนังใส่คอนเทนต์เหล่านั้นลงไปและให้การสนับสนุน ผมว่าน่าจะเป็นแบบนั้นมากกว่า
ตอนนี้กลายเป็นว่าหนังบางแนวถูกใจกรรมการก็ได้รับการสนับสนุน หนังบางแนวไม่ถูกใจก็ไม่ได้รับการสนับสนุน ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าที่ผ่านมาเขามีเกณฑ์อะไรบ้าง แต่เราคิดว่าแนวทางการสนับสนุนควรเป็นลักษณะที่ว่า รัฐอยากสนับสนุนเรื่องอะไรก็ขอให้หนังใส่เข้าไปแล้วรัฐก็ให้การสนับสนุน ประเทศเรามีคนที่เขาพร้อมจะทำหนังดีๆ เยอะเลยนะ
...
(คือทุกวันนี้คนทำหนังก็จะต้องเอาหนังเข้าไปให้รัฐดูแล้วถ้ารัฐสนใจเรื่องไหนก็จะสนับสนุนเหรอคะ?) ก็ส่วนหนึ่ง จริงๆ เขาจะมีเป็นรอบๆ แต่อย่างกลุ่มที่ไม่ใช่บริษัทใหญ่ หรือค่ายเล็กๆ ที่อยู่นอกวงการหรือเด็กรุ่นใหม่อยากจะมาเข้าวงการน่ะ ไม่มีทางเข้าถึง ค่ายเล็กๆ ไม่ได้รับโอกาสหรอก เพราะสุดท้ายก็จะมีสมาคมสมาพันธ์อะไรของเขา ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องเป็นรายใหญ่หรือคนที่เขารู้จักถึงจะเป็นหนังไทยที่ได้รับโอกาสสนับสนุนจากรัฐ".