ชื่อเรื่องก็น่าจะพอบอก Genre หรือแนวเรื่องได้ว่าคงไม่ใช่ซีรีส์วัยใสแต่เป็นวัยไสยมากกว่า และที่น่าจะต่างจากซีรีส์สยองขวัญเรื่องอื่นคือมันไม่ได้มีแค่ความน่ากลัวแต่แฝงแนวคิดสะท้อนสังคมไว้ด้วย โดยเฉพาะปัญหาว่าด้วยเรื่อง Generation ช่องว่างระหว่างวัยที่นับวันจะกว้างขึ้น Social Dilemma ว่าด้วยเรื่องอิทธิพลของสื่อโซเชียลที่ยากเกินกว่าจะควบคุม รวมถึงปัญหาการทำแท้งที่เป็นข้อถกเถียงกันมายาวนาน

“อาทิตย์อัสดง After Dark” เป็นซีรีส์สยองขวัญ ผลงานล่าสุดจาก WeTV Original โดยได้ “โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ” มานั่งแท่น Executive Producer ควบคุมการผลิตทั้งหมด ร่วมด้วย 3 ผู้กำกับมือทองอย่าง “นุชชี่ อนุชา บุญยวรรณนะ” “อู๋ ชยันต์ เล้ายอดตระกูล” และ “ซ้ง ชาติชาย วรเพียรสกุล”

...

 

ซีรีส์ชุด “อาทิตย์อัสดง After Dark” นี้ประกอบด้วย 4 เรื่องย่อย “เชื้อหลอนออนไลน์” (Blind Date), “เพลงสวดศพแห่งผู้เยาว์วัย” (Requiem of the Adolecent), “ช่อง ส่อง ผี” (Death Channel), และ “รูมรณะ” (Into the Hole) โดยเนื้อหาแต่ละตอนแยกกันดูได้ แต่ถ้าอยากรู้แก่นแท้ๆ ของเรื่อง รวมถึงบทสรุปของโครงเรื่องใหญ่ก็ต้องดูทุกตอนจนจบ ซึ่งเหล่านักแสดงที่มาร่วมสร้างประสบการณ์หลอนครั้งนี้ก็ได้แก่ “เบนจามิน โจเซฟ วาร์นี, เจน รมิดา จีรนรภัทร, พิกเล็ท ชาราฏา อิมราพร, นัท ณัฏฐ์ กิจจริต, สกุล กัญญาภัค พงษ์ศักดิ์, ณ ณภัทร วิกัยรุ่งโรจน์ และ กรีน พงศธร ผดุงเกียรติวงศ์ และ “เม้าท์ซี่ จันทร์สม กุลเทิดทูน” 

ส่วนตัวมีโอกาสชมบางส่วนของ “เพลงสวดศพแห่งผู้เยาว์วัย” (Requiem of the Adolecent) (ตอนที่ 4-5) จากรอบสื่อ ซึ่งก็หลอนเอาเรื่อง ทำสายกระตุกอย่างเราสะดุ้งไปหลายรอบ จัดว่าจังหวะดีทีเดียว เราอาจจะไม่อินกับตัวคาแรกเตอร์เท่าไร เพราะไม่ได้ดูมาตั้งแต่ต้น ไม่เข้าใจการกระทำหลายๆ อย่าง แต่ “สาร” หลักๆของเรื่อง คือ Generation Gap หรือช่องว่างระหว่างวัย ช่องว่างระหว่างชนชั้นหรือประเด็น โลกเก่า VS โลกใหม่ ที่เรื่องนี้ต้องการจะบอก เรารับได้ดีทีเดียว #เห็นภาพ

...

ขออนุญาตเกริ่นคร่าวๆ “เพลงสวดศพแห่งผู้เยาว์วัย” (Requiem of the Adolecent) เป็นเรื่องของ “ลดา” (พิกเล็ท ชาราฏา อิมราพร) พยาบาลสาวที่รับงานดูแล "คุณยาย" (เม้าท์ซี่ จันทร์สม กุลเทิดทูน)ในบ้านหลังหนึ่ง บรรยากาศน่ากลัวและเหตุการณ์ประหลาดในบ้านทำให้ลดาสงสัย กระนั้นค่าจ้างก้อนโตก็ทำให้เธอต้องทน กระทั่งเธอได้ค้นพบ “ความลับ” บางอย่าง...

...

ไม่นับตัวคาแรกเตอร์ “ลดา” ที่เราไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของนางเท่าไร บทสนทนาระหว่าง “ลดา” กับ “คุณยาย” ก็สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคมเราได้ดี โดยเฉพาะเรื่องช่องว่างระหว่างวัย และประเด็นเรื่องชนชั้นที่ฝังรากลึกในสังคมจนยากจะปรับจูน หลายฉากทำให้เราเห็น Dilemma ของคนสองรุ่นที่ต้องมาอยู่ร่วมกัน ต่างคนต่างก็มีเหตุผลซึ่งหล่อหลอมมาจากสิ่งแวดล้อมที่ตัวเองเติบโตมา และความขัดแย้งนั้นก็ลากเราไปถึงจุดที่ Creepy (มากสำหรับเรา) เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดจะครอบงำอีกฝ่าย...ลองทายกันเล่นๆ สิคะว่าฝ่ายที่ว่านั้นคือฝ่ายไหน?

...

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมทีมผู้สร้างถึงเลือกทำซีรีส์สยองขวัญสะท้อนปัญหาสังคม จริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ซีรีส์นานาชาติหลายเรื่องก็เลือก Genre นี้เพื่อเสนอปัญหาต่างๆ ส่วนตัวคิดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียวแหละ เพราะด้วยลักษณะเด่นๆ ของ Genre นี้ก็น่าจะทำให้เห็นภาพได้ชัดขึ้น อย่างเรื่องนี้ “อาทิตย์อัสดง After Dark” ก็เลือกใช้วิธีแบบ Overexaggerated หรือเทียบให้เห็นเกินจริงทำให้เราเข้าถึงปัญหา และรับสารที่ทางทีมผู้สร้างต้องการสื่อถึงได้ง่ายขึ้น

เอาเป็นว่าซีรีส์น่าดูกว่าที่เราคาด ไม่ใช่แค่ซีรีส์สยองขวัญ เน้นความน่ากลัวเหมือนซีรีส์แนวเดียวกันส่วนใหญ่ แต่มันมีสาระกว่านั้น ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่เราจับต้องได้ คือ ความน่ากลัวของเรื่องนี้ก็คือ “คน” มนุษย์เรานี่แหละ ที่น่ากลัวกว่าผี ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าคนเราจะสามารถทำเรื่องอะไรมากมายขนาดนี้ได้เพื่อสนองความต้องการของตนเอง

คอซีรีส์สยองขวัญต้องไม่พลาดนะคะ เพราะ “ผี” ที่น่ากลัวที่สุดอาจจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่เอง

มาดามอองทัวร์
Twitter: @MadamAutuer