ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าของเขาดุจริง...ฮ่าๆ

ถ้าใครเคยดู “The Chaser” (2008) ของผู้กำกับ “ฮงวอนชาน” คงคุ้นเคยกับแอ็กชั่นดิบและดุเป็นอย่างดี มาดามก็เป็นคนหนึ่งค่ะที่จำฝังใจเลยทีเดียว แล้วการกลับมาครั้งนี้ของเขากับผลงานล่าสุด “Deliver Us From Evil” ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง...ดุลืมหายใจกันเลยทีเดียว

นอกจากความดุ ภาคนี้ยังได้นักแสดงคุณภาพอย่าง “ฮวังจองมิน” มารับบทนักฆ่า “อินนัม” นักฆ่ามือพระกาฬที่คิดจะลาขาดจากวงการนักฆ่า (ที่ไม่ได้ตั้งใจมาเป็น) แต่ก็หนีไม่พ้น ต้องถูกนักฆ่าอีกคน “เรย์” ซึ่งรับบทโดย “อีจุงแจ” ตามล้างแค้นเพราะเขาดันปิดจ็อบนักฆ่าด้วยการสังหารพี่ชายร่วมสาบานของอีกฝ่าย

"อินนัม" รับบทโดย "ฮวังจองมิน"

...

"เรย์" รับบทโดย "อีจุงแจ"

แค่หนีการฆ่าล้างแค้นก็แย่แล้ว “อินนัม” (ฮวังจองมิน) ยังต้องตามล่าแก๊งค้ามนุษย์ที่จับตัวลูกสาวคนเดียวของเขา (ที่เขาบังเอิญค้นพบว่ามี) อีกต่างหาก ซึ่งสถานที่ที่ลูกสาวของเขาถูกจับตัวไปก็ไม่ใกล้ไม่ไกลค่ะ...เมืองไทยเมืองยิ้มของเรานั่นเอง

ภารกิจตามช่วยลูกสาวทำให้ “อินนัม” ต้องบินไปเมืองไทยโดยความช่วยเหลือของอดีตเพื่อนร่วมงาน โดยไม่สำเหนียกเลยว่า “เรย์” (อีจุงแจ) นักฆ่าสายโหดอีกคนกำลังตามรอยเขาไปติดๆ พร้อมๆ กับที่เพื่อนเก่าที่ให้ความช่วยเหลือเขาต้องตายเพราะถูกอีกฝ่ายฆ่าตัดตอน

"เรย์" รับบทโดย "อีจุงแจ"

"เรย์" รับบทโดย "อีจุงแจ"

สรุปรวมๆ ได้ว่าเป็นการ “Chasing” กันไปมาระหว่างสองนักฆ่า โดยมีภารกิจตามล่าแก๊งลักตัวเด็กเป็นเส้นคู่ขนาน โครงเรื่องเลยไม่มีอะไรซับซ้อน จะตื่นเต้นหน่อยก็ตอนลุ้นว่าเมื่อไหร่ทั้งคู่จะตามกันเจอ

แต่ที่โดดเด่นสุดคงเป็นลีลาพะบู๊ของทั้ง “ฮวังจองมิน” และ “อีจุงแจ” ส่วนตัวเราไม่ค่อยอินคาแรกเตอร์ของทั้งคู่เท่าไร ดูไม่มีอะไรลึกซึ้งให้ตีความ แต่ท่วงท่าการบู๊นั้นเป็นอีกเรื่อง ขอบอกเลยว่า “ดุ ดิบ เถื่อน” จนเราแทบต้องจิกเบาะตลอดที่ทั้งคู่ปะทะกัน

...

เรียกว่าซีนแอ็กชั่นไม่ทำให้ผิดหวัง แต่ในส่วนของเนื้อเรื่องเราไม่ค่อยประทับใจ เพราะไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ไหนจะซีนกว่าค่อนเรื่องที่ถ่ายทำที่เมืองไทย...ศูนย์รวมสารพัดแก๊งที่ทำให้เราแอบหดหู่นิดๆ ระหว่างดูเพราะอดคิดไม่ได้ว่าทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมารวมตัวกันที่บ้านเรา

"อินนัม" รับบทโดย "ฮวังจองมิน"

"เรย์" รับบทโดย "อีจุงแจ"

...

เอาเป็นว่าหนังแอ็กชั่นดีทีเดียว สายดิบสายดุสายเกาน่าจะไม่พลาดนะคะ โดยเฉพาะแฟนคลับของผู้กำกับ “ฮงวอนชาน” ที่เคยติดใจผลงานของเขาอย่าง “The Chaser” ก็ไม่น่าจะพลาดเรื่องนี้ รับรองเลยว่าโหดกระชากวิญญาณไม่แพ้กัน ถือเป็นการปลดปล่อยอารมณ์ที่ดีในช่วงเวลาอึมครึมแบบนี้

มาดามอองทัวร์
Twitter: @MadamAutuer