“อควาฟิน่า” ดีงามมาก อึนและมึนจนเราอินตาม

เป็นหนังที่ดูจบแล้วต้องนั่งสะระตะนานทีเดียวกว่าจะคิดได้ว่าหนังต้องการสื่อถึงอะไรบ้าง?

“คำโกหก” น่าจะเป็นประเด็นหลักๆ ของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ควรโกหก หรือใครที่เราโกหกได้ พ่วงด้วยเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรมระหว่างฝั่งตะวันออกและตะวันตก มุมมองที่ต่างฝ่ายต่างคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้...เอาจริงๆ คือค่อนข้างซับซ้อนและละเอียดอ่อน เหมือนจะมีคำตอบให้ แต่พอคิดดีๆ ก็จะพบว่า...เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จัดการได้ง่ายเลย


แลดูเหมือนหนังจะ “อึน” และ “มึน” มาก แต่หนังก็เล่าได้ดี (และมีสไตล์ด้วย) ผ่านสายตาและมุมมองของ “บิลลี่” (อควาฟิน่า) หญิงสาวชาวจีนที่ไปเติบโตที่อเมริกาตั้งแต่เด็ก ทำให้ห่างเหินและไม่ค่อยคุ้นเคยกับวัฒนธรรมของชาวจีนหรือคนในครอบครัวนัก

"อควาฟิน่า" นักแสดงนำของเรื่อง รับบท "บิลลี่" หญิงสาวเชื้อสายจีนแต่เติบโตในอเมริกา

...

เรื่องของเรื่องมันเริ่มจากความจริงที่ “บิลลี่” เพิ่งทราบจากพ่อแม่ว่า “อาม่า” หรือคุณย่าที่อยู่เมืองจีนเป็นมะเร็งและอาจตายในไม่ช้า และเพื่อให้ “อาม่า” ได้จากไปอย่างสงบ ทั้งครอบครัวจึงขอร้องให้ “บิลลี่” (ที่มักจะอ่อนไหวและเก็บอาการไม่เก่ง) ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ และทำให้ช่วงชีวิตสุดท้ายที่เหลือของ “อาม่า” เต็มไปด้วยความสุขด้วยการจัดงานแต่งงาน

“มันโอเคหรือเปล่าที่เราจะสร้างคำโกหกมาเพื่อหลอกคนที่เรารัก”
ลูลู่ หวัง, ผู้กำกับและเขียนบท

“ลูลู่ หวัง” ผู้กำกับและเขียนบทเริ่มเรื่องจากคำถามนี้ ส่วนตัวคิดว่าเป็นคำถามที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะโดยมากคนเรามักไม่ชอบ “คำโกหก” แต่ก็มักมีข้ออ้างจะโกหกเพื่อให้(คนที่รัก)สบายใจ

แล้ว...มันสบายใจจริงๆ อะหรือ?

น่าจะเป็นคำถามที่ “บิลลี่” (อควาฟิน่า) พร่ำถามตัวเองเป็นล้านๆ ครั้งตั้งแต่รู้เรื่องอาการป่วยของอาม่า ตอนดูตัวอย่างหนังครั้งแรกก็คาดการณ์ว่าหนังน่าจะอึดอัด เพราะตัวละครหลักอย่าง “บิลลี่” น้ำท่วมปากมาก แต่หลังจากดูก็คิดว่ามันน่าสนใจเพราะในความอึดอัด...บิลลี่ก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง...

...

การกลับบ้านมาเจอครอบครัวเหมือนทำให้ช่องว่างในหัวใจของ “บิลลี่” แคบลง แม้จะต้องโกหกอาม่าเพื่อสร้างบรรยากาศดีๆ ก่อนวาระสุดท้าย แต่การ(พยายาม)ทำตัวให้ “ปกติ” ของเธอและคนในครอบครัวนี่เอง กลับทำให้อาม่าอึดอัดใจยิ่งกว่า และก็เหมือนว่าอาม่าจะรู้เป็นนัยๆ ว่ามีบางอย่าง “ไม่ปกติ” จึงพยายามจัดการทุกอย่างให้ลูกหลานมีชีวิตที่ดีที่สุด

ที่ชอบมากสุดคือบทและวิธีเล่าเรื่องของหนัง...คือนอกจากภาพจะสวยและมีสไตล์ (คือแสงและมุมกล้องดีมาก มีความเท่อย่างบอกไม่ถูก) วิธีเล่าที่แม้จะเนิบนาบ (หวิดหลับได้ถ้าไม่ตั้งใจดู) แต่กลับทำให้ตัวละครทุกตัวร้อนรนขัดกับมู้ดและโทนของเรื่องมาก...ส่วนตัวคิดว่ามันเจ๋งดี ทำให้เรารู้โดยไม่ต้องตีความว่า “คำโกหก” แม้จะเจตนาดีแต่มันก็ไม่เคยให้ผลดีกับใครเลย

"Shuzhen Zhao" รับบท "อาม่า" ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด

...

เอาเป็นว่าหนังลึกซึ้งและกินใจ(ความ)กว่าที่คิด เหมือนว่า “สาร” ที่ต้องการสื่อจะบางเบาและจับต้องไม่ได้ แต่กลับทำให้เราเข้าถึงอย่างประหลาด อาจเพราะความเป็น “ตะวันออก” ของเราก็ได้ที่ทำให้เรา “อิน” กับเรื่องนี้มากกว่าที่คิด เพราะ “norm” หรือ “มาตรฐาน” ของเราชาวเอเชียชอบ ”ความอ้อมค้อม” และ “มีพิธีรีตอง” ต่างจากฝั่ง “ตะวันตก” ที่มักสื่อสารหรือแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา เหมือนอย่างที่ “บิลลี่” (อควาฟิน่า) เป็นและทำให้เธอต้องฝืนใจมากที่ต้องปกปิดทุกอย่างจากอาม่า

และสุดท้าย...จะไม่พูดถึงก็ไม่ได้คือนักแสดงนำอย่าง “อควาฟิน่า” เรื่องนี้ถือเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญ เพราะเราน่าจะคุ้นเคยกับบทบาทตลก ตึงตังและเอะอะกว่านี้ (อย่างใน Crazy Rich Asians, 2018) แต่เรื่องนี้เธอสวมบท “บิลลี่” ที่อึนและมึนได้ถึงใจมาก ทำให้เราซึมลึกไปกับอารมณ์และตัวตนของเธอช้าๆ แม้จะไม่ได้เอาใจช่วยแต่ก็ทำให้เราเข้าใจ “สาร” หรือ “แก่น” ของเรื่องได้ไม่ยาก...ส่วนตัวคิดว่าเป็นการพลิกบทบาทที่ดีทีเดียว

...

สรุปคือหนังไม่เศร้าอย่างที่เรานึกกลัว เป็นดราม่าครอบครัวอุ่นๆ ด้วยซ้ำ แอบทำให้เราน้ำตารื้นๆ เป็นบางช่วง ที่สำคัญหนังเล่าได้ดีและมีสไตล์มาก ถึงจะเนิบๆ นาบๆ แต่ก็ลึกซึ้งและกินใจอย่างบอกไม่ถูก น่าจะเป็นตัวเลือกหนังที่ดีสำหรับวันหยุดยาวที่จะมาถึง

มาดามอองทัวร์
@MadamAutuer