ด้วยความเป็นภาคต่อ สิ่งที่เคยสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับคนดูเมื่อภาคแรก จึงถูกแทนที่ด้วยความคุ้นชิน แต่กระนั้นด้วยความสร้างสรรค์ของทีมเขียนบท The LEGO Movie 2: The Second Part ก็สามารถสานต่อเรื่องราวที่วางไว้ตั้งแต่ภาคแรกได้อย่างดี แน่นอนว่าจุดขายในด้านงานแอนิเมชั่น และเรื่องราวแนวผจญภัย ยังคงยอดเยี่ยม ดูสนุกตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนเดิม
The LEGO Movie 2: The Second Part เล่าเรื่องราวต่อจากภาคแรก เมื่อ เอมเม็ต, ลูซี่, แบทแมน และผองเพื่อนที่ช่วยจักรวาลเลโก้ไว้ในภาคแรก ต้องเผชิญหน้ากับผู้มาเยือนจากต่างดาว นั่นคือเหล่า LEGO DUPLO ที่มุ่งจะทำลายทุกอย่างที่มีสีสัน ซึ่งพวกเขาไม่สามารถต่อต้านได้เลย เมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี โลกเลโก้กลายสภาพไม่ต่างอะไรจากหนัง Mad Max เต็มไปด้วยทะเลทรายและความดำสิ้นหวัง มีเพียงเอมเม็ต ที่ชีวิตยังลั้นลาอยู่คนเดียว แต่การรุกรานยังไม่จบ จนเมื่อเหล่าเพื่อนพ้องถูกจับตัวไป เอมเม็ตกับพวกจึงต้องเดินทางไปยังดาว DUPLO เพื่อต่อทวงคืนเพื่อนของเขากลับมา

...
The LEGO Movie คือแอนิเมชั่นที่มีความพิเศษในตัว เพราะนอกจากเป็นหนังสำหรับสายแอนิเมชั่นแล้ว ยังเป็นหนังสำหรับคนที่รักตัวต่อเลโก้โดยเฉพาะ ฉะนั้น The LEGO Movie 2 จึงเหมาะกับคนที่เคยดูและชอบภาคแรกมาก่อนเท่านั้นที่จะอินกับเรื่องราวในภาคต่อนี้

เพราะหนังพาเรื่องราวไปสู่ทิศทางที่เติบโตขึ้น ที่ต้องใช้ความเข้าใจที่มาจากหนังภาคแรก และยังเป็นการตีความบนพื้นฐานของความเป็น “ตัวต่อ” อยู่ที่นอกจากเป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการแล้ว ยังเป็นเรื่องของการแบ่งปัน การยอมรับ ความคิดของผู้อื่น ซึ่งจะว่าไปประเด็นเหล่านี้มันมีความใกล้เคียงกับหนังที่ว่าด้วยเรื่องของ “ของเล่น” เหมือนกันอย่าง Toy Story ยังไม่อาจปฏิเสธ แต่วิธีการเล่าใน The LEGO Movie ถูกออกแบบมาอย่างดี ทำให้เราไม่รู้สึกว่านี่คือการลอก แต่มันคือความคิดสร้างสรรค์

แน่นอนว่าเรื่องราวแบบ “โลกเลโก้” กับ “โลกความจริง” ยังถูกใช้อยู่ภาคนี้ และถูกทำมาใช้ในแบบที่คาดไม่ถึงโดยเฉพาะกับมุก Armageddon ที่จัดว่าเป็นมุกตลกในแอนิเมชั่นระดับทศวรรษเลยก็ว่าได้ (ใครอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ต้องไปตีตั๋วดู) เช่นเดียวกับ มุกตลกที่ยังคงความฮาและกวนทีนเช่นเคย กับการล้อเลียนไปทั่วทุกสถาบัน ทั้งหนัง เพลง สตูดิโอ บุคคลดัง และอื่นๆ อีกมากมาย ยังถูกจับยัดมาใส่ในเกือบทุกเหตุการณ์ในแบบที่รู้สึกเลยว่า คนเขียนบทต้องเก็บกดแน่ๆ

ฉากการเคลื่อนไหวของตัวละครอันเป็นเอกลักษณ์ การเปลี่ยนชิ้นส่วนตัวต่อจนกลายเป็นพาหนะหรืออาวุธ ยังคงรวดเร็ว ดูน่าตื่นเต้น รวมกับดู Transformers แต่ก็ต้องยอมรับว่าฉากเหล่านี้มันเร็วมาก จนมองตามไปทัน แน่นอนว่ามันบานปลายไปถึงฉากแอ็กชั่นที่แม้จะดูสนุก แต่ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง มีแต่ความตื่นตาตื่นใจกับการออกแบบฉากที่ทำให้เราพอจะลืมความมั่วๆ มึนๆ ตรงนี้ไปไหน

...
ต้องยอมรับอย่างหนึ่งการพากย์เสียงใน The LEGO Movie ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ให้แอนิเมชั่นเรื่องนี้ดูสนุกมากยิ่งขึ้น ทั้ง คริส แพร็ตต์ (เอมเม็ต), วิลล์ อาร์เน็ตต์ (แบทแมน), เอลิซาเบธ แบงค์ส (ลูซี่) ถือเป็นทีมหลักที่ทำให้การโต้ตอบดูมีชีวิตชีวาและมีสีสันมาก ซึ่งภาคนี้ก็ได้ ทิฟฟานี่ แฮดดิช ที่ทำให้ตัวละครอย่าง ควีน วอทเอฟวา วานาบี เป็นตัวละครที่มีสีสันที่สุดในภาคนี้

โดยสรุปแล้ว The LEGO Movie 2: The Second Part เป็นแอนิเมชั่นภาคต่อที่ดีมากๆ แม้อาจไม่ได้สร้างความแตกต่างชวนว้าวได้ในแบบที่ภาคแรกทำ แต่มันก็ทดแทนด้วยเรื่องราวสนุกของเหล่าตัวละครที่เราคิดถึง ไปจนถึงสาระแฝง ที่ทำให้ "ตัวต่อ" เป็นมากกว่าแค่ของเล่น สำหรับแฟนๆ เลโก้ ตีตั๋วไปดูได้เลย คุ้มค่าแน่นอน
ป.ล. เกือบลืม! เพลงธีมอย่าง Everything Is Awesome! ภาคนี้ก็มี Everything's Not Awesome ที่มาเป็นเพลงแก้ ซึ่งทั้ง 2 ความหมายดีมากๆ

...
ชา ตีตั๋วชนโรง
Twitter: @Chamanz13
Facebook: ตีตั๋วชนโรง