สำหรับหลายคน คำว่า "เพลงหมอลำ" คงเป็นเรื่องที่ไกลตัวกันพอสมควร โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ได้อยู่ในภาคอีสาน และเข้าใจภาษาท้องถิ่น (ผู้เขียนเป็นหนึ่งในนั้น) นั่นทำให้ หนังไทยเรื่องล่าสุดอย่าง หมอลำมาเนีย เขย่าลูกคอรอให้เธอมารัก ที่ไม่รู้ว่าชื่อหนังจะยาวไปไหน (ฮา) จึงเป็นอะไรที่แปลกใหม่อยู่พร้อมสมควร กับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยรายละเอียดของความเป็นลูกทุ่ง ความเป็นลูกคนอีสาน ที่มีเพลงหมอลำอยู่ในสายเลือด ที่สุดท้ายหนังก็ทำให้คนคนหนึ่งที่ไม่ได้อินอะไรเลยกับคำว่าเพลงหมอลำ เริ่มเข้าใจและรู้สึกว่าเพลงหมอลำ ก็มีความไพเราะและงดงามอยู่ในนั้น

"หมอลำมาเนีย" เล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนซี้ "สเตอ" (ทัศนัย สมบัติธีระ) ครูสอนดนตรีรุ่นใหม่ไฟแรง อาจ (จิรายุ สูตรไชย) หนุ่มไทบ้านที่ฝันอยากเป็นหมอลำแบบเข้าเส้น และ สิน (ทวิทย์ สิทธิ์ทองสี) ผู้ที่ทำตัวเป็นว่าที่ผู้ใหญ่บ้านในอนาคต ที่รวมตัวกันก่อตั้งวงหมอลำขึ้น เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันล้านกะโป้ ทาเลนต์ เวทีพิสูจน์ฝีมือทางด้านดนตรี ของชาวบ้านล้านกะโป้ และการทำตามความฝันในการยกระดับเพลงหมอลำให้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น

...

"หมอลำ" คือ การรวมคำ 2 คำเข้าด้วยกัน คือ "หมอ" ที่หมายถึง ผู้มีความชำนาญ กับ "ลำ" ที่หมายถึง การบรรยายเรื่องราวต่างๆ ด้วยทำนองอันไพเราะ ในรูปแบบเพลงลาวและภาคอีสานของไทย เมื่อรวมกัน "หมอลำ" จึงหมายถึง ผู้ที่มีความชำนาญในการบรรยายเรื่องราวต่างๆ ด้วยทำนองเพลง

แต่ในการเล่าเรื่องราวในแบบภาพยนตร์ การถ่ายทอดเรื่องราวสักเรื่องหนึ่ง ที่มีความเฉพาะเจาะจง อย่างในที่นี้คือ เพลงหมอลำ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะนอกจากจะต้องทำให้คนที่อาจไม่รู้จักเพลงหมอลำเข้าใจแล้ว ยังต้องมีความร่วมสมัยในแบบที่คนดูวงกว้างจะต้อนรับ ซึ่งใน หมอลำมาเนีย ก็ใช้รูปแบบของการตามหาความฝันของคนรุ่นใหม่ ความสำนึกรักบ้านเกิด วัฒนธรรมถิ่นเกิด มาเป็นหลักของการเล่าเรื่อง

หนังมีส่วนผสมแปลกๆ หลากหลายอยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน เช่น บางช่วงเล่าแบบหนังเพลง บางฉากเป็น MV กับเรื่องของการทำตามฝันของคนรุ่นใหม่ ประกวดวงดนตรี ที่ให้รายละเอียดความรู้ของเพลงหมอลำ กับการนำเสนอด้วยฉากที่ "เหนือจริง" หลายๆ ฉาก

ในอีกด้านหนังก็พยายามสื่อเรื่องของการสำนึกรักบ้านเกิด ที่อยากให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของถิ่นฐาน และช่วยกันพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ความเจ็บปวดของผู้เฒ่าผู้แก่ที่คนรุ่นใหม่ทอดทิ้งหรือไม่รับฟังความเห็น นี่ยังรวมไปถึงการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐในท้องถิ่น ซึ่งมันเป็นด้านที่ "จริง" มาก

ภาพรวมของหนังทำเป็นคอมเมดี้ ที่มีการล้อเลียนสังคม ล้อเลียนหนังดังต่างๆ อีก การดูหนัง "หมอลำมาเนีย" จึงให้ความรู้สึกเหมือนดู "หนังทดลอง" ที่มีความยียวนในตัวกับการยั่วล้อวิจารณ์สังคมอีสานแบบอ้อมๆ และการพยายามรวบรวมสิ่งที่ต้องการนำเสนอเข้าด้วยกันให้ได้ ซึ่งหนังแบบนี้ มันไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์ เราจะพบเห็นสิ่งที่ชวนตั้งคำถามระหว่างทางที่ดู แต่สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธ คือ "ความกล้า" และ "ความตั้งใจ" ในสิ่งที่ต้องการนำเสนอ ที่ต้องการยกระดับเพลงหมอลำและสังคมอีสาน

...

ในแง่ของเพลงหมอลำ ซึ่งโดยส่วนตัวไม่ทราบว่าปัจจุบันเพลงหมอลำพัฒนาหรือถูกยกระดับไปไกลแค่ไหน ในความคิดของครูเพลงหมอลำ ควรพัฒนาผสมผสานเข้ากับความนิยมของยุคสมัย หรือควรอนุรักษ์ความเป็นของแท้ดั้งเดิมเอาไว้กันแน่ แต่การได้ฟังเพลงหมอลำ ที่รวมเข้ากับแนวดนตรีด้านอื่นๆ ยอมรับว่าดีจริง ฟังไพเราะ ฟังเพลิน มันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ในเชิงบวก อีกทั้งการมีซับแปลภาษาอีสาน ทำให้เข้าใจภาษาที่ใช้ในเพลงหมอลำมากขึ้น ที่เป็นการผสมระหว่างความงดงามทางภาษา และความซับซ้อนทางด้านดนตรี

สุดท้าย หมอลำมาเนีย เขย่าลูกคอรอให้เธอมารัก เป็นหนังไทยเลือดอีสานแท้ๆ ที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย ใครสายลูกทุ่งสายหมอลำ ขอแนะนำเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่หนังสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกับคนที่ไม่อินกับแนวเพลงแบบนี้ แต่หากเปิดใจและยอมรับกับข้อสงสัยในวิธีการนำเสนอ หมอลำมาเนีย ก็ถือว่าเป็นหนังที่ให้ความบันเทิงได้ไม่เลวเลยทีเดียว…

...

ชา ตีตั๋วชนโรง

Twitter: @Chamanz13