ในยุคที่ฮอลลีวูดได้วิธีการใหม่ในการขายของ อย่างการสร้าง “ภาคแยก” เพื่อต่อยอดหนังที่ได้รับความนิยมและมีแฟนคลับพร้อมให้การสนับสนุน นอกเหนือจากการทำ “ภาคต่อ” ที่ได้รับการการันตีแล้วว่าได้ผลทั้งในแง่การตอบรับจากแฟนและรายได้ มันก็ถึงเวลาที่วงการภาพยนตร์เอเชียต้องเจริญรอยตามบ้าง กับการขยายจักรวาลหนังจีนแอ็กชั่นหมัดมวยอย่าง “ยิปมัน” ที่มีมาแล้วด้วยกันถึง 3 ภาค ให้ต่อยอดไปได้อีกไกล ที่อาจไม่ต้องยึดติดกับตัวยิปมันอีกต่อไปใน ยิปมัน: ตำนานมาสเตอร์ซี (Z)

ความพิเศษของ ยิปมัน นอกจากจะเป็นเรื่องราวของ ยิปมัน ปรมาจารย์หย่งชุน ที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ ถ่ายทอดเรื่องราวการต่อสู้ที่สอดแทรกปรัชญาแนวคิดการต่อสู้ในเชิงหมัดมวยสไตล์จีน ยังรวมไปถึงการต่อสู้ทางการเมือง การต่อสู้ระหว่างชนชาติ ที่มีลักษณะของ “จีนนิยม” อยู่สูง แน่นอนว่าฉากแอ็กชั่นที่รวดเร็ว ดุดัน อันเป็นเอกลักษณ์ ก็ทำให้หนังยิปมันทั้ง 3 ภาค ของวิลสัน ยิป อยู่บนยอดสุดของหนังแอ็กชั่นจีนในยุคปัจจุบัน

...

ยิปมัน: ตำนานมาสเตอร์ซี (Z) แม้เป็นหนังภาคแยกของจักรวาลยิปมัน แต่ก็ยังคงเจริญรอยตามทิศทางที่ทำให้หนังยิปมันประสบความสำเร็จ การเดินเรื่องด้วยตัวเอกคนใหม่อย่าง “จงเทียนฉี” (รับบทโดย จางจิ้น) ซึ่งเป็นหนึ่งในยอดปรมาจารย์หย่งชุน และเป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่สูสีที่สุดของยิปมัน ไม่ได้ทำให้ความน่าสนใจในตัวหนังลดลงเลย ในทางตรงกันข้ามฉากแอ็กชั่นมวยหย่งชุนของจงเทียนฉี กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากยิปมันอย่างเห็นได้ชัด มีความดุดันและเป็นสไตล์รุกมากกว่ารับอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็เหมาะกับเรื่องราวของจงเทียนฉี ที่พยายามกอบกู้ความเชื่อมั่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากพ่ายแพ้ต่อยิปมัน

จงเทียนฉีหันหลังให้กับมวยหย่งชุน มาใช้ชีวิตที่เรียบง่ายกับลูกชายของเขา แต่เส้นทางของจอมยุทธ์ เรื่องการต่อสู้นั้นย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแก๊งอันธพาลจงลก ที่กุมอำนาจมหาศาล ไปจนถึงชาวอังกฤษที่เข้ามามีอิทธิพลหาประโยชน์จากชาวจีนอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทำให้ “มวยหย่งชุนจงเทียนฉี” ต้องกลับมาอีกครั้งเพื่อต่อสู้กับความไม่ยุติธรรมในสังคม

“หยวนวูปิง” ชื่อนี้ ใครที่เป็นแฟนหนังจีนไม่มีทางที่จะไม่รู้จัก กับบทบาทของผู้กำกับคิวบู๊ที่สร้างชื่อมาแล้วหลายเรื่อง ทั้ง The Matrix, Kill Bill หรือกระทั่ง Crouching Tiger, Hidden Dragon การมากำกับและออกแบบคิวบู๊ใน ยิปมัน: ตำนานมาสเตอร์ ซี (Z) ทำให้หายห่วงในเรื่องของฉากแอ็กชั่น มีของดีมาขายเพียบ ฉากแอ็กชั่นที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ของเรื่องที่ห้ามกะพริบตา ก็คือฉากต่อสู้บนป้ายไฟ ณ ถนนแห่งแสงสียามค่ำคืน ที่ตื่นเต้นและหวาดเสียว ทำให้นึกถึงฉากแอ็กชั่นในแบบฉบับของเฉินหลงสมัยรุ่งเรือง เพียงฉากนี้ฉากเดียวก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว

...

ด้านฉากต่อสู้ตัวต่อตัวนั้นก็สนุก มันทุกคู่ ทั้งการต่อสู้ระหว่างจงเทียนฉี กับ โช หนาน ควาน ที่รับบทโดยแม่ใหญ่ “มิเชลล์ โหย่ว” ที่บทบาทของเธอในฐานะแก๊งอันธพาลจงลก ที่ต้องการให้แก๊งหลุดพ้นจากการทำธุรกิจผิดกฎหมาย ถือเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ทุกฉากที่มิเชลล์ โหย่ว ปรากฏตัวมีพลัง และทำให้เรื่องราวเข้มข้นชวนติดตาม ในด้านฉากแอ็กชั่นก็ไม่ขออะไรไปมากกว่านี้ เพราะเธอคือ “กระบี่มือหนึ่ง” น่าประทับใจมากกับการต่อสู้ที่หลากหลาย และการใช้ดาบที่ทำให้เราหวนนึกถึงบทบาทสำคัญของเธอเมื่อครั้งเธอแสดงนำใน Crouching Tiger, Hidden Dragon 

“เดฟ เบาทิสต้า” ในบท โอเว่น เดวิดสัน ที่เหมือนเป็นบอสในเรื่อง ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี น่าสนใจว่าการมาเล่นบทสมทบในหนังจะสร้างชื่อในตลาดเอเชียในแบบเดียวกับที่ The Rock ดเวย์น จอห์นสัน ทำได้หรือไม่ ในรายของ “โทนี่ จา” หรือ “จา พนม” บทมีไม่เยอะ เพราะบทเน้นไปที่ฉากแอ็กชั่นมากกว่า (แถมไม่มีบทพูดอีก) แต่บทบาทที่พี่จาได้รับในเรื่องนี้ ถือว่าดีและน่าจดจำทีเดียว

...

ในแง่ของการสร้างหนัง ยิปมัน ตำนานมาสเตอร์ ซี ถือเป็นความสำเร็จในการทำหนังแอ็กชั่นหมัดมวยที่เต็มไปด้วยความคลาสสิกทั้งพล็อตและฉากแอ็กชั่น ที่ยังคงขายได้เสมอ กับทีมนักแสดงที่ยอดเยี่ยมที่ช่วยส่งเสริมให้หนังมีมิติด้านการแสดงนอกเหนือจากฉากแอ็กชั่น ส่วนการเป็นหนัง “ภาคแยก” ของจักรวาลหนังยิปมัน ก็ถือเป็นความสำเร็จที่สื่อให้เห็นว่า แม้ไม่มี “ยิปมัน” หนังก็ยังดำรงตนเองได้อย่างมั่นคง น่ายินดีที่เราได้ตัวเอกคนใหม่ “จงเทียนฉี” ที่ จางจิ้น แสดงศิลปะมวยหย่งชุนได้อย่างยอดเยี่ยมและเปี่ยมเสน่ห์ ในแบบที่แฟนหนังจีนแนวแอ็กชั่นหมัดมวยชาวไทยไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

...

อ่านรีวิวหนัง ตีตั๋วชนโรง เรื่องอื่นๆ

ชา ตีตั๋วชนโรง

Twitter: @Chamanz13

Facebook: ตีตั๋วชนโรง