หลังจากเริ่มต้นปฐมบทการฆ่าที่ไม่อาจหาเหตุผลใน The Strangers ภาคแรกเมื่อปี 2008 สิบปีต่อมา กลุ่มฆาตกรสวมหน้ากาก 3 คน ก็ได้กลับมาสานงานถนัดของพวกเขาอีกครั้งใน The Strangers: Prey at Night หรือในชื่อไทยว่า “คนแปลกหน้า ขอฆ่าหน่อยสิ” ที่ยังคงสานต่อความหลอนสะพรึงเช่นเดิม แต่ปรับแนวทางจาก หนังฆาตกรบุกบ้าน ให้กลายเป็นหนังไล่ฆ่า ซึ่งแน่นอนว่าหนังถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์แฟนหนังที่ชอบความระทึกขวัญปนสยอง
The Stranger: Pray at Night เล่าเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่ประกอบไปด้วย พ่อ แม่ พี่ชาย และน้องสาว ซึ่งทั้งหมดต้องเดินทางไปค้างคืนต่างถิ่น เพื่อรอส่งลูกสาวเข้าโรงเรียนประจำ เราจะพบว่าครอบครัวนี้กำลังมีปัญหาอย่างหนัก โดยมีสาเหตุมาจากลูกสาว พ่อแม่เลือกจะแก้ปัญหาด้วยการส่งลูกสาวเข้าโรงเรียนประจำ
...
แน่นอนว่าตัวลูกสาวไม่พอใจอย่างแรง และก็ตามสูตร แม้ว่าที่พักแห่งนี้จะมีสัญญาณความผิดปกติ แต่ทั้งหมดก็ยืนยันที่จะค้างแรม จนกระทั่งการมาของเสียงเคาะประตู พร้อมคำถามจากสาวแปลกหน้าว่า “ทามาร่า อยู่ไหม?” นั่นคือจุดเริ่มต้นของฉากสยองที่มีมาอย่างต่อเนื่องในค่ำคืนนี้
หนังปรับสูตรจากภาคแรกที่เป็นหนังบุกรุกบ้าน มาเป็นหนังไล่ฆ่าอย่างสมบูรณ์ ทำให้นึกถึงหนังไล่ฆ่าคลาสสิกอย่าง Scream, Halloween, Friday the 13th ซึ่งหนังทำได้เยี่ยมในการสร้างบรรยากาศและสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ ที่ค่อยๆ กดดันตัวละครให้หมดทางรอดไปเรื่อยๆ จนนำมาสู่ฉากสะเทือนขวัญ
ที่น่าสนใจก็คือ หนังไม่พยายามให้คนดูรู้สึกรักหรือเห็นใจในตัวละคร จนทำให้คนดูเกิดความรู้สึกของการเป็น “คนนอก” ตัวละครเหล่านี้จะตายหรือรอดก็ช่าง ไม่เห็นจะแคร์! แต่หนังก็จับคนดูอยู่หมัด กับการกระตุ้นต่อมศีลธรรมและความเมตตาในตัว ให้รู้สึกสงสารและลุ้นให้ตัวละครรอดชีวิตให้ได้ ในแง่ของความบันเทิงเชิงระทึกขวัญ The Stranger: Pray at Night ถือว่าสอบผ่าน
ว่ากันตามตรง The Stranger: Prey at Night เป็นภาคต่อที่สนุกกว่าภาคแรก สะใจกว่า ลุ้นระทึกกว่า หลอนกว่า แต่มันไม่มีมุมลึกอะไรให้ชวนคิดหรือจับต้อง อีกทั้งการเดินตามรอยหนังไล่ฆ่าคลาสสิก โดยไม่มีการเพิ่มเติมแง่มุมอะไรใหม่ๆ นั่นทำให้ The Stranger: Prey at Night เป็นหนังที่ตอบโจทย์ในแง่ของความบันเทิงเพียงอย่างเดียว
...
--- ชาแมน ---