เป็นหนังที่ข้อมูลเยอะแยะมาก ค่อนข้างหนักหน่วง แต่เราว่าภาษาหนังดี มีลูกเล่นและมีความสร้างสรรค์
สงครามทางอุดมการณ์เป็นเรื่องน่ากลัว...
“7 Days in Entebbe” หรือชื่อไทย “เที่ยวบินนรกเอนเทบเบ้” เป็นตัวอย่างที่ดีของเรื่องนี้...อย่างที่โปรยข้างต้น ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของเหตุการณ์จี้เครื่องบินในปี 1976 เที่ยวบินแอร์ฟรานซ์ จากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล มุ่งสู่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส...สลัดอากาศ 4 คน จับผู้โดยสาร 248 คนเป็นตัวประกัน

...
”ชีวิตของ 248 ตัวประกันจะเป็นอิสระเมื่อรัฐบาลอิสราเอล
ปล่อยตัวชาวปาเลสไตล์ 50 รายที่โดนกักตัวไว้”
นั่นคือข้อเรียกร้องของผู้ก่อเหตุจี้เครื่องบิน แน่นอนว่าหากใครรู้เรื่องราวมาบ้างคงทราบดีว่าเหตุการณ์นี้สืบเนื่องมาจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ สองประเทศที่มีอาณาเขตติดกัน มาดามจะไม่ขอลงรายละเอียดถึงสาเหตุความขัดแย้งเพราะคงเล่ากันไม่จบ แต่น่าสนใจสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้คือนอกจากปัญหาหลักๆ เรื่องดินแดนแล้ว ความขัดแย้งเรื่องอุดมการณ์ก็รุนแรงและเลวร้ายไม่ต่างกันเลย


ที่คิดแบบนั้นเพราะหนังไม่ได้มีฉากรุนแรงของสงครามหรือปฏิบัติการเหี้ยมโหดตามประสาหนังที่เกี่ยวกับเหตุก่อการร้ายเหมือนเรื่องอื่นๆ แต่รวมๆ หนังพยายามจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ซึ่งน่าจะปรับแต่งเพื่อเพิ่มอรรถรสในบางจุด) สอดแทรกฟุตเทจจริงในบางตอน แต่ที่เหมือนจะเน้นหนักคือเรื่องราวของ 2 ใน 4 สลัดอากาศชาวเยอรมันที่มาร่วมปฏิบัติการจี้เครื่องบินครั้งนี้ด้วยเพียงเพราะเชื่อในอุดมการณ์เพื่อสันติภาพของคนทั้งโลก

...

สองนักอุดมการณ์ชาวเยอรมันตัวละครหลักของเรื่องนำแสดงโดย “โรซามันด์ ไพค์” (Gone Girl, 2014) และ “แดเนียล บรูห์ล” (Captain America: Civil War, 2016) ทั้งคู่เป็นตัวแทนชนชั้นนำในประเทศแถบยุโรป มีการศึกษาและมีอุดมการณ์แรงกล้าจะปฏิรูปและ “ปฏิวัติ” ให้โลกนี้เต็มไปด้วยสันติภาพและน่าอยู่มากขึ้น แต่ที่ทั้งสองคาดไม่ถึงคือผลจากปฏิบัติการครั้งนี้ต่างหากว่ามันจะพาพวกเขาดำดิ่งไปถึงจุดไหน...

...


...
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า “อุดมการณ์” จะนำพาคนเราให้ไปไกลได้ขนาดนั้น แต่จะรุนแรงและโหดเหี้ยมขนาดไหน อยากให้คุณผู้อ่านได้ไปลองชมกันเองค่ะ รับรองว่าจะไม่ได้แค่ความลุ้นระทึกตามจังหวะหนัง แต่ยังได้ความรู้เชิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ด้วย ซึ่งถึงจะมีปรับเสริมเติมแต่งเพื่อเพิ่มอรรถรสไปบ้างแต่ต้องยอมรับค่ะว่า “วิธีการเล่า” มีลูกเล่นที่สร้างสรรค์ทีเดียว จากที่ไม่ค่อยรู้ก็ได้รู้มากขึ้น
ส่วนตัวคิดว่าเป็นหนังที่ข้อมูลเยอะ ต้องตั้งใจดูมาก แต่ก็นับถือความพยายามของทีมผู้สร้าง โดยเฉพาะผู้กำกับ “โจเซ่ ปาดิล่า” ซึ่งเคยสร้างชื่อจากซีรีส์ดังแห่งยุคอย่าง “Narcos” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาษาหนังออกมาอย่างดี แปลกตาและน่าสนใจมาก...รับรองว่าคุณๆ จะไม่เคยเห็นในหนังก่อการร้ายเรื่องไหนแน่ๆ
ถ้าชอบแนวนี้ก็ต้องไม่พลาด รับรองว่าไม่ผิดหวัง #ดูไม่ง่าย แต่ก็ #ไม่น่าพลาด นะจ๊ะ
จนกว่าจะพบกันใหม่
มาดามอองทัวร์
Twitter: @MadamAutuer