การดูตัวอย่าง อ่านเรื่องย่อ หาข้อมูลก่อนดูหนัง กลายเป็นเรื่องธรรมดาของนักดูหนังในทุกวันนี้ ..แต่ก็ยังมีหนังบางประเภทที่ “ยิ่งรู้เกี่ยวกับหนังน้อยเท่าไรยิ่งดี” เข้าโรงหนังแบบหัวว่างสมองโล่ง เพื่อไปรับรู้ด้วยตัวเองว่าหนังจะเล่นงานเรายังไงบ้าง ซึ่งส่วนมากหนังประเภทนี้ จะเป็นหนังแนวระทึกขวัญ หรือหนังผีแนวหักมุม ที่จะมี ไคลแมกซ์สำคัญ หรือ สถานการณ์ที่บีบคั้นทำให้คนดูต้องลุ้น อึ้ง ตะลึง ตื่นเต้น ไปกับเรื่อง
ซึ่งหนัง A Quiet Place หรือในชื่อไทยว่า ดินแดนไร้เสียง ก็คือหนังประเภทที่กล่าวมาข้างต้น และถ้าหากคุณมีความคิดจะดูหนังเรื่องนี้อยู่แล้ว หรือต้องการรู้เรื่องราวของหนังให้น้อยที่สุด ขอแนะนำให้คุณหยุดอ่าน! ปิดบทความนี้! และไปตีตั๋วดูหนังเรื่องนี้เลย
..แต่หากว่าไม่ซีเรียสหรืออยากอ่านเพื่อเป็นข้อมูลก่อนการตัดสินใจ ก็ไม่ว่ากัน
...
..จะเป็นอย่างไรเมื่อโลกถูก “สิ่งลึกลับ” รุกราน และสิ่งลึกลับนั้นจะเริ่มเคลื่อนไหวและโจมตีเพราะ “เสียง” ไม่ว่าจะเป็นเสียงของตกพื้น เสียงฝีเท้า หากมีความเข้มข้นของเสียงที่มากพอ มันก็จะพุ่งมาจู่โจมด้วยความเร็วสูง ซึ่งกว่าที่โลกจะพบคีย์เวิร์ดว่าคือ “เสียง” มนุษยชาติก็แทบจะดับสูญหมดแล้ว..
นี่คือไอเดียสำคัญของ A Quiet Place ที่เล่าเรื่องด้วยการตามติดชีวิตครอบครัวหนึ่งที่ประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูกๆ 3 คน และอีก 1 ในท้อง! ที่ต้องหลบหนีเอาชีวิตรอด ทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องครอบครัวและลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมาบนโลกที่ไร้เสียงแห่งนี้
ยิ่งหนังมีไอเดียตั้งต้นที่น่าสนใจมากเท่าไร ยิ่งทำให้อยากจับตาว่าหนังจะถ่ายทอดไอเดียที่ว่าออกมาเป็นเรื่องราวได้ดีเพียงใด ซึ่ง A Quiet Place ทำได้น่าสนใจและชวนติดตามทีเดียว กับการดำรงชีวิต(เอาชีวิตรอด) ที่ต้องทำให้เกิดเสียงน้อยที่สุด ทั้งการกิน การเดิน การเล่น อีกทั้งยังต้องทำเครื่องมือเฝ้าระวังภัยเพื่อป้องกัน “สิ่งลึกลับ” รุกราน หนังเต็มไปด้วยรายละเอียดที่สร้างสรรค์ กับการหาทางแก้ปัญหาให้สิ่งต่างๆ รอบตัวในชีวิตให้ส่งเสียงน้อยที่สุด และที่ชวนติดตามและนับเป็นฉากไฮไลต์ที่สุดของเรื่อง ก็คือครอบครัวนี้จะหาทางออกอย่างไร เมื่อผู้เป็นแม่ใกล้คลอดเต็มที!!
หนังกล้าและท้าทายคนดูมาก กับการบอกแต่ต้นเรื่องว่า “สิ่งลึกลับ” มันคืออะไร ถ้าเป็นขนบหนังแนวนี้โดยปกติ นี่คือข้อมูลที่จะเฉลยในตอนกลางหรือท้ายเรื่อง การเผยตั้งแต่ต้นเรื่อง แสดงออกถึงความมั่นใจของหนังว่า “สิ่งลึกลับ” ไม่ใช่สิ่งสำคัญหรือจุดขายของหนังแต่อย่างใด แต่เป็นการเล่นกับ “ความเงียบ” หรือ “ไร้เสียง” ต่างหากที่ต้องการให้คนดูโฟกัส
...
ตลอดเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง มีช่วงที่เสียงเข้ามามีบทบาทนับครั้งได้ จะมีเสียงแค่บางสถานการณ์และดนตรีประกอบเท่านั้น ซึ่งหนังก็ไปได้สุดทางกับการเล่นกับความเงียบ ที่ผูกโยงเข้ากับความรู้สึกของคนดูโดยไม่รู้ตัว บางฉากนี่เงียบมาก แต่ใจของคนดูกลับเต้นระรัว เพราะลุ้นระทึกไปกับเรื่องจนนั่งไม่ติดเบาะ โดยส่วนตัว นับว่านานแล้วที่ไม่ได้ดูหนังแล้วรู้สึกแบบนี้ ล่าสุดที่ได้ก็คือ Don't Breathe เมื่อปี 2016
...
แม้หนังจะดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรงดูง่าย แต่เอาเข้าใจจริง การที่หนังจะมีพลังพอทำให้คนดูรู้สึกบีบคั้นและตื่นเต้นไปกับเรื่อง การปูเนื้อเรื่องรองที่ดีก็สำคัญ ซึ่งใน A Quiet Place คือเรื่องของครอบครัว การปกป้องคนที่รัก เราจะพบว่าภายใต้ความเงียบ มีความสั่นไหวในความสัมพันธ์ของครอบครัวอยู่ โดยเฉพาะเมื่อเกิดรอยร้าวในจิตใจกับเหตุการณ์ที่เกิดตอนต้นเรื่อง จนเป็นคำถามที่ติดค้างในใจของลูกสาวคนโต ซึ่งหนังก็หาทางออกให้กับปมของครอบครัวได้ดี และเป็นอีกฉากหนึ่งที่น่าจดจำของหนังเรื่องนี้
ในส่วนของการแสดง นักแสดงทุกคนถือว่าเจอโจทย์ยากหมด กับการแสดงที่ต้องเน้นสีหน้าและท่าทางในการสื่อสารเป็นหลัก ซึ่งทุกคนต่างทำหน้าที่ได้ดี ที่น่าชื่นชมมากๆ เลยก็คือ เอมิลี่ บลันท์ กับการแสดงฉากคลอดในสภาวะโคตรกดดันในหนังเรื่องนี้ นับว่าเป็นอะไรที่สุดๆ แล้ว อีกคนที่โดดเด่นน่าประทับใจเช่นกัน ก็คือ มิลลิเซนต์ ซิมมอนด์ส นักแสดงเด็กมากพรสวรรค์ที่ชีวิตจริงนั้นเธอสูญเสียการได้ยิน หลายคนอาจจำเธอได้จาก Wonderstruck (ซึ่ง A Quiet Place คือหนังเรื่องที่ 2 ของเธอ) การแสดงของเธอในเรื่องนี้มีพัฒนาการที่น่าทึ่งมากๆ มีความซับซ้อนทางการอารมณ์ที่มากขึ้น สีหน้าสีตาทำให้เราพอจับความรู้สึกของตัวละครได้เลย และเหนืออื่นใดกับ จอห์น กราซินสกี คนหรือซูเปอร์แมน ที่รับหน้าที่ทั้งแสดงนำ กำกับ ร่วมเขียนบท และอำนวยการสร้างในคนๆ เดียว กับวิสัยทัศน์ในถ่ายทอดความระทึกขวัญ ที่เต็มไปด้วยไอเดียที่สดใหม่ กลายเป็นผู้กำกับที่น่าจับตามองมากๆ ว่าผลงานเรื่องต่อไปของเขาจะมีอะไรให้คนดูได้ว้าวกันอีก
...
หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะรู้สึกว่า “A Quiet Place มันดีขนาดนั้นเลย?” ใช่ครับ! ในภาพรวมหนังมันดีจริงๆ กับหนังที่มีความทะเยอทะยาน แต่ก็เจียมตัวที่นำเสนอในแบบกำลังดี ไม่ทำอะไรที่มันเกินสิ่งที่ตัวเองต้องการขาย! ที่เหลือก็คงขึ้นอยู่กับรสนิยมการดูหนังของแต่บุคคล ว่าจะถูกใจกับหนังเรื่องนี้หรือไม่ แต่บอกได้เลยว่า คนที่ชอบดูหนังลุ้นๆ ระทึกขวัญห้ามพลาด เพราะนี่คือหนังที่เหมาะแก่การดูในโรงหนังเท่านั้นจริงๆ!
--- ชาแมน ---