ไม่ว่าจะเคยเล่นเกมมาก่อนหรือเคยดูหนังสมัยเวอร์ชั่นของ แองเจลิน่า โจลี่ ขอแนะนำให้ลืมมันไป.. เพราะ Tomb Raider ฉบับปี 2018 นี้ คือการ “เริ่มต้น” เรื่องราวใหม่อีกครั้งของสาวนักผจญภัยล่าขุมทรัพย์ ที่ครั้งนี้จะเป็นการอ้างอิงจากเกมเวอร์ชั่นปี 2013 ที่ประสบความสำเร็จมหาศาล จนสามารถผลักดันให้เวอร์ชั่นหนังที่ดับสนิทไปตั้งแต่ปี 2007 ได้ชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
ถ้าไม่นับหนังซีรีส์ Resident Evil (ที่ปิดตำนานไปแล้ว?) ก็นึกไม่ออกว่า มีหนังที่สร้างจากเกมเรื่องใดที่ประสบความสำเร็จ ส่วนมากตายสนิท ทั้งๆ ที่มีเนื้อเรื่องที่แข็งแกร่งและฐานแฟนคลับมากมายที่รอสนับสนุน และนี่คือความท้าทายสำคัญของหนัง Tomb Raider เวอร์ชั่นปี 2018 ที่ถือเป็นการนับหนึ่งอีกครั้งของซีรีส์นี้ ด้วยศักยภาพที่มีอยู่ น่าสนใจว่าจะมาเป็นผู้นำของหนังที่สร้างจากเกมที่ประสบความสำเร็จได้หรือไม่
...
Tomb Raider เล่าเรื่องราวของสาววัย 21 นาม “ลาร่า ครอฟต์” ที่ใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง หาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นคนส่งอาหาร ชอบการต่อสู้และออกกำลังกาย มีความเชื่อมั่นในตัวเอง เธอไม่ยอมเซ็นชื่อรับช่วงต่อมรดกธุรกิจมหาศาลของพ่อ ด้วยความหวังที่ว่าพ่อยังไม่ตาย หลังหายสาบสูญไปกว่า 7 ปี จากการออกตามหาเกาะลึกลับในญี่ปุ่นที่คุมขัง ฮิมิโกะ ราชินีผู้เป็นตำนานและเต็มไปด้วยปริศนา จนกระทั่งเธอได้ค้นพบปริศนาที่พ่อทิ้งไว้ให้ และรู้ว่าพ่อทำภารกิจสำคัญเพื่อปกป้องโลกนี้ไว้อยู่ ซึ่งข้อมูลนี้ช่วยจุดประกายความหวังในการสืบหาเบาะแสของพ่ออีกครั้ง
เธอจึงมุ่งสู่ฮ่องกง เพื่อขอความช่วยเหลือจาก ลู เรน คนขับเรือที่สามารถพาเธอไปยังเกาะยามาไท เกาะปริศนาที่อยู่ในโซนอันตรายของญี่ปุ่น ที่ตั้งสุสานของราชินีฮิมิโกะ ที่เต็มไปด้วยตำนานเหลือเชื่อมากมาย แต่ทว่าที่แห่งนั้น ลาร่า กลับได้พบกับ มัทธีอัส โวเกล คนขององค์กร Trinity ที่มีเป้าหมายในการควบคุมโลก และเป็นคนสังหารพ่อของเธอ ที่กำลังค้นหาทางเข้าสุสานของราชินีเพื่อนำสมบัติปริศนาออกมาสู่โลกภายนอก ลาร่าจึงต้องสานปณิธานของพ่อ เผชิญหน้ากับศัตรูเพื่อขัดขวางแผนการของโวเกลและองค์กร Trinity
จุดแข็งสำคัญของ Tomb Raider เวอร์ชั่นนี้ คือ นักแสดงนำ “อลิเซีย วิกันเดอร์” กับดีกรีสมทบหญิงออสการ์จาก The Danish Girl และหนังสร้างชื่ออื่นๆ อย่าง Tulip Fever, Ex Machina และ Jason Bourne ที่พลิกบทบาทมารับบทแอ็กชั่นเต็มตัว ก็น่าห่วงว่าสายการแสดงจะปรับมาสายบู๊ได้ไหม
แต่ปรากฏว่าเธอรับบทแอ็กชั่นได้ยอดเยี่ยมเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่แม้จะดูบอบบางแต่ก็เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่ทำให้รู้สึกถึงความแข็งแกร่ง การต่อสู้ การวิ่งกระฉับกระเฉง ท่วงท่าในซีนแอ็กชั่นทั้งหมดของเธองดงาม ดุดัน ตรึงให้เราจดจ่อกับเธอได้ไม่มีเบื่อ เมื่อรวมเข้ากับจุดเด่นของเธอในด้านการแสดง เธอก็ทำออกมาได้พอเหมาะพอดี สีหน้าแววตาสื่อสารออกมาได้ดี ทำให้เรารู้จักตัวตนของ “ลาร่า ครอฟต์” ว่าเป็นคนแบบไหน ความคิดอ่านอย่างไร โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน
...
กล่าวโดยสรุป “อลิเซีย วิกันเดอร์” เป็น ลาร่า ครอฟต์ ในแบบฉบับของตัวเองได้อย่างน่าประทับใจ สำหรับแฟนหนังแอ็กชั่น นี่ก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะเราได้ “แอ็กชั่นสตาร์หญิง” คนใหม่แล้ว!
Tomb Raider ครบเครื่องกับการเป็นหนังผจญภัยล่าขุมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเผชิญอุปสรรคต่างๆ การสำรวจ ไขปริศนาหาจุดหมาย เครื่องมือกลไกพิเศษต่างๆ ร่องรอยอารยธรรมโบราณที่สาบสูญ ตำนานเรื่องเล่าขาน การต่อสู้ การหักหลัง ล้างแค้น และ “หักมุม” ทั้งหมดถูกออกแบบมาอย่างลงตัว ฉากเทคนิคพิเศษต่างๆ ก็ทำออกมาดูสมจริง ไม่ปลอม ฉากไฮไลต์ตอนเรือแตกหรือฉากในสุสาน คือ ที่สุดของเรื่อง เมื่อประกอบเข้ากับฉากแอ็กชั่นที่ออกแบบและตัดต่อออกมาได้ลงตัว จัดเต็ม มีความดุดัน ถึงลูกถึงคน ดูสนุกและลุ้นระทึกในทุกฉาก Tomb Raider จึงเป็นหนังที่แฟนหนังแนวผจญภัยล่าขุมทรัพย์น่าจะพอใจ
...
ทางด้านเนื้อเรื่องถือว่าทำได้เพียงแค่ “สอบผ่าน” เท่านั้น ถึงหนังจะปูจักรวาลของ Tomb Rider ใหม่นี้ ให้เข้าใจง่าย เล่าเรื่องง่ายๆ แต่มันกลับมีสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำและการตัดสินใจของตัวละคร ที่ทำให้ต้องตั้งคำถามในใจระหว่างดูถึงความสมเหตุสมผล และถ้าหากมันมีเล็กๆ น้อยๆ ก็พอที่จะมองข้ามได้ แต่กลับมีปริมาณที่มากพอสมควร มันเลยแสดง “รอยแผล” ออกมาอย่างเด่นชัดว่า การสร้างตัวละครสมทบ และการวางบทเพื่อหาทางออกในบางฉากของเรื่องยังทำออกมาไม่ดีเท่าที่ควร
...
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจุดเริ่มต้นของคุณกับ Tomb Raider จะมาจากเกม หรือหนังแองเจลิน่า โจลี่ หรือจะเป็นคนที่ไม่เคยได้สัมผัสกับ Tomb Raider เลย ไม่ว่าจะในรูปแบบใด หายห่วงว่าหนังจะดูไม่รู้เรื่อง หรือต้องไปทำการบ้าน หาข้อมูลอะไรก่อนดูให้มากมายเพื่อกันงง เพราะนี่คือการปูพื้นเริ่มต้นใหม่ของการผจญภัยของ “ลาร่า ครอฟต์” อย่างแท้จริง และแม้จะคาดเดาได้ยากว่าหนังที่สร้างจากเกมเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จในระดับที่มีการสร้างภาคต่อตามๆ กันมาหลังจากนี้หรือไม่ แต่หากพิจารณาว่านี่คือ หนังเรื่องแรก Tomb Raider ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าพึงพอใจ...
สำหรับแฟนคลับยังไงก็คงไปดูกันอยู่แล้ว แต่ใครที่ไม่ใช่แฟนมาก่อนแต่หวังที่จะดูหนังผจญภัยสนุกๆ ชอบแอ็กชั่นดุดิบถึงใจ ตีตั๋วไปดูได้เลย สนุก มันส์ ไม่ผิดหวัง!
อ่านบทความ ตีตั๋วชนโรง เรื่องอื่นๆ
--- ชาแมน ---