Insidious: The Last Key หรือในชื่อไทย วิญญาณตามติด: กุญแจผีบอก เป็นการกลับไปย้อนดูต้นกำเนิดของ “เอลิส” หญิงวัยชราผู้มีพลังในการเข้าสู่โลกหลังความตาย เป็นภาคที่เน้นดำดิ่งลงลึกไปสู่จุดกำเนิดของตัวละคร แน่นอนว่าฉากหลอกหลอน ยังคงถาโถมใส่คนดูอย่างหนักหน่วงเช่นเดิม ชนิดที่นักดูหนังสยองขวัญนั้น ต้องกรีดร้องออกมาลั่นโรง
หากพิจารณาจาก Insidious ทุกภาค ในแบบเรียงลำดับเวลา อาจกล่าวได้ว่า Insidious: The Last Key คือ ภาคต้น แรกสุดของแฟรนไชส์เรื่องดังนี้ โดยเนื้อเรื่องจะพาเราไปรู้จุดกำเนิดของ “เอลิส” เมื่อครั้งสมัยเด็ก อันเป็นจุดกำเนิดของพรสวรรค์ (หรือคำสาป) ที่ทำให้เธอสามารถมองเห็นวิญญาณ และเดินทางไปสู่โลกวิญญาณได้ ที่ใช้พลังของเธอในการช่วยเหลือผู้คนพร้อมกับทีมงานคู่หูทัคเกอร์และสเป็คส์

...
เวลาผ่านไป เธอต้องถูกร้องขอความช่วยเหลือ ซึ่งทำให้เธอต้องกลับมาที่ “บ้าน” ที่เธอโตมา และเต็มไปด้วยความทรงจำอันเลวร้าย ครั้งนี้เอลิสตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับอดีตของเธอ เพื่อต่อสู้กับปีศาจที่เธอปลดปล่อยออกมาเมื่อครั้งยังเด็ก แต่หากเธอทำพลาด เธอจะถูกปีศาจร้ายครอบครองวิญญาณของเธอชั่วนิรันดร์

จุดแข็งของหนัง Insidious ที่สร้างแฟนคลับทั่วโลก ก็คือเรื่องของ “บทภาพยนตร์” มากกว่าเรื่องของฉากหลอกหลอน โดยเฉพาะการสร้าง มิติโลกหลังความตาย (The Further) แต่หลังจากจบ Insidious: Chapter 2 พล็อตเรื่องก็ไม่มีการเดินไปข้างหน้าอีกเลย ทั้งๆ ที่มีเงื่อนปมรอการสะสางมากมาย Insidious: Chapter 3 ก็เป็นการย้อนอดีต ภาคนี้ The Last Key ก็ยังจะเป็นการย้อนอดีตอีก ซึ่งจะไม่มีปัญหาอะไรเลย หากการย้อนไปเล่าเรื่องในอดีตจะมี “พลัง” มากพอที่ทำให้คนดูอินไปกับเรื่องได้มากยิ่งขึ้น

ซึ่ง The Last Key ก็นับว่าปูเรื่องมาได้ดี ที่เติมเต็มจักรวาลของ Insidious ให้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น แต่มันก็ยังมีจุดที่ดูแล้วตะขิดตะขวงใจ ไม่กลมกล่อมลงตัว เหมือนหนังหลายภาคก่อน รวมถึงการผูกประเด็นใหม่ๆ ที่ภาคนี้นำเสนอ ก็ยังไม่ถูกคลี่คลาย ...ว่ากันอย่างตรงไปตรงมา บทหนังภาคนี้ ถือว่าอ่อนที่สุดในบรรดาหนัง Insidious ทั้งหมดก็ว่าได้

...
ในส่วนของฉากหลอน อันเป็นจุดขายของหนังประเภทนี้ ภาคนี้เรียกได้ว่าจัดเต็มมาก กับการสร้างบรรยากาศหลอน ความไม่น่าไว้วางใจ การล่อหลอกคนดูที่ทำเอาอึ้งเมื่อเฉลย ยังทำออกมาได้ดีน่าพอใจ แต่กับฉาก Jump Scare ภาคนี้ดูจะใส่มาพร่ำเพรื่อ และทื่อด้านมากๆ โอเคมันทำให้รู้สึกตกใจ แต่มันไม่สามารถทำให้รู้สึกประทับใจกับสิ่งที่นำเสนอได้ ยิ่งไปกว่านั้น ภาคนี้ใส่มุกตลกเบรกอารมณ์ลงไปในปริมาณสูงมากกว่าหลายๆ ภาค ซึ่งดูจะส่งผลเสียต่อหนังโดยรวมมากกว่า

Insidious: The Last Key สื่อให้เห็นว่าผลกระทบในปัจจุบัน บางทีมันก็มีจุดเริ่มต้นมาจากกระทำของตัวเราเองอดีต และบางทีสิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ภายในจิตใจ การยอมรับและกลับไปแก้ไข แม้ไม่อาจช่วยเยียวยาให้ทุกอย่างมันดีดังเดิม แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ได้เคลียร์ปมที่อยู่ในจิตใจ และก้าวเดินไปสู่เส้นทางอนาคตที่ถูกต้องในที่สุด
...
แม้ส่วนตัวจะมองว่า Insidious: The Last Key เป็นหนัง Insidious ที่ต่ำกว่ามาตรฐานที่เคยทำไว้พอสมควร แต่มันก็ไม่ใช่หนังที่ย่ำแย่จนมองข้ามไปได้ ยิ่งสำหรับแฟนหนังเรื่องนี้ที่ตามมาทุกภาคแล้วละก็ ยังไงก็ห้ามพลาดที่จะตีตั๋วไปดูในโรง

--- ชาแมน ---
...