เป็นหนังอัตชีวประวัติที่สวยงามมาก แทบละสายตาไม่ได้เลย!
“It is both a blessing and a curse
to feel everything so very deeply.”
“มันคือทั้งพรและคำสาป
ที่จะรู้สึกไปกับทุกสิ่งทุกอย่างอย่างลึกซึ้ง”
เราว่าชีวิตของ “วินเซนต์ แวน โก๊ะ” (Vincent Van Gogh) ทำให้เราคิดถึงคำพูดนี้เป็นพิเศษ หนังบอกเล่าเรื่องราวช่วงสุดท้ายของชีวิตจิตรกรเอกระดับโลก ผ่านภาพวาด (ทั้งของเขาเองและของจิตรกรรับเชิญนับร้อย) ซึ่งน่าทึ่งมากที่ช่วงเวลาสั้นๆ (หนังยาวราวชั่วโมงครึ่ง) แต่กลับทำให้เรารู้จักเขาในมุมมองที่แตกต่างและลึกซึ้งอย่างบอกไม่ถูก
...
ต้องออกตัวก่อนว่าไม่ใช่แฟนคลับ “แวน โก๊ะ” เลยไม่ค่อยรู้ประวัติของจิตรกรเอกท่านนี้ แต่วิธีเล่าของเรื่องนี้ผ่านภาพวาดสีน้ำมันทั้งจากของเขาและจิตรกรรับเชิญก็ทำให้เราอยากลองดำดิ่งสู่เรื่องราวของเขาสักครั้ง
ช่วงแรกมีจังหวะเนือยๆ บ้าง แต่ถือว่ารับได้ค่ะ เพราะเพียงไม่นานเนื้อเรื่องก็พาเราสู่ความฉงนอันน่าค้นหา ผ่านคำให้การของตัวละครหรือพยานมากหน้าหลายตา หลายสาขาอาชีพที่อ้างว่ารู้เห็นเรื่องราวของ “แวน โก๊ะ” ในช่วงสุดสัปดาห์สุดท้ายของเขา
...
ส่วนตัวคิดว่าวิธีเล่าและตามหาร่องรอยเกี่ยวกับ “แวน โก๊ะ” (และการตายของเขา) ผ่านคำให้การบุคคลรอบข้าง เป็นวิธีอันชาญฉลาด นอกจากจะเชิญชวนให้คิดตามและหาคำตอบ ยังบอกเล่าเรื่องราวของเขาออกมาได้ดี ในแบบหลายมุมมองและหลายองศา ทำให้รู้จักเขามากขึ้นโดยไม่ต้องสืบค้นประวัติเขาให้มากเวอร์ชัน แต่ทำให้เรา “รัก” เขามากขึ้น
...
ไม่รู้ว่าหนังมีเป้าหมาย...บอกเล่าเรื่องราวของ “แวน โก๊ะ” เพื่อให้คน “รัก” เขามากขึ้นแบบชื่อเรื่องหรือเปล่า...ถ้าใช่ก็ต้องบอกว่าหนังทำสำเร็จ (อย่างน้อยก็สำหรับมาดาม) เพราะจากคนไม่ค่อยรู้จัก (หรือรู้จักเขาแบบผิวเผิน) ก็ได้รู้จักเขาอย่างลึกซึ้ง ได้สัมผัสตัวตนในแบบที่คนรักงานศิลปะ (หรือไม่รักก็อาจจะได้) จะจูนกันได้
...
“แวน โก๊ะ” มีชีวิตเพื่อทำงานที่เขารักคือการวาดรูป โดยมีผู้สนับสนุนหลักคือน้องชายคนเดียว เราไม่อาจรู้แน่ว่าเกิดอะไรกับเขาในบั้นปลายชีวิต แต่ที่แน่ๆ คือความรักในงานของเขาทำให้เราชื่นชมจากใจจริง รวมทั้งความตั้งใจจริงจะพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง โดยไม่หวั่นไหวกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบด้านที่งานของเขาขายไม่ออก...ต้องเป็นจิตรกรไส้แห้งที่ขายภาพได้เพียงหนึ่งภาพตลอดชีวิตของเขา
นอกจากรู้จักตัวตนของเขา หนังยังพาเราไปสัมผัสกับงานของเขาที่เหลือไว้ให้โลกชื่นชม (และแย่งชิงกันเป็นเจ้าของ) เรียกได้ว่าได้เห็นภาพของเขาทั้งเรื่องมากกว่าที่เคยเห็นรวมกันทั้งชีวิต ซึ่งน่าทึ่งมากที่เขาเลือกถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตคนในยุคนั้นผ่านภาพวาดสีน้ำมัน และมันก็บอกเล่าอารมณ์และความรู้สึกของสิ่งของหรือผู้คนในนั้นได้อย่างยอดเยี่ยม
โดยรวมจะว่าเป็นหนังสารคดีเกี่ยวกับชีวประวัติของ “แวน โก๊ะ” ก็ได้ เพราะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเขา ส่วนตัวคิดว่าเป็นหนังดูสนุก สวยงาม ไม่ Mass แต่ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง...ไม่ดูแล้วจะเสียใจนะจ๊ะ
แล้วจะหาว่ามาดามไม่เตือน
มาดามอองทัวร์
Twitter: @MadamAutuer