มาดูกับมาดาม: “Valerian and the City of a Thousand Planets” สนุกกว่าที่คิด งานไซไฟอลังการมาก

ทุกอย่างเหนือจินตนาการมาก อลังการงานสร้าง เหมือนดูหนังรักมากกว่าไซไฟ

สวัสดีคุณผู้อ่านที่รัก สัปดาห์นี้มีแต่หนังฟอร์มยักษ์ชนกันแบบไม่ได้นัดหมาย แต่ที่มาดามเลือกมานำเสนอวันนี้เป็นภาพยนตร์แนวแอ็กชั่นไซไฟ “Valerian and the City of a Thousand Planets” หรือชื่อไทย “วาเลเรียน พลิกจักรวาล” ผลงานสุดอลังการของ “ลุค เบสซง” เจ้าของผลงานสร้างชื่อในตำนานอย่าง “The Fifth Element” (1997) และ “Leon: The Professional” (1994)

สร้างมาจากหนังสือการ์ตูนชื่อดังของฝรั่งเศส “Valerian and Laureline”

ว่ากันว่าหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของผู้สร้าง “ลุค เบสซง” ทำให้เขาสร้างภาพยนตร์ไซไฟในตำนานอย่าง “The Fifth Element” และครั้งนี้...หลังรอคอยมานาน เขาก็ได้นำตัวละครในดวงใจ “วาเลเรียน” กับ “ลอเรลีน” มาสร้างให้มีตัวตนจริงๆ ในจอภาพยนตร์

ต้องบอกว่าตัวละครเอกสองตัว “วาเลเรียน” (เดน เดอฮาน) และ “ลอเรลีน” (คาร่า เดอลาวีญ) เป็นจุดแข็งของเรื่อง ส่วนตัวมาดามไม่ใช่บิ๊กแฟนหนังไซไฟ เนื้อเรื่องเหนือจินตนาการต่างๆ มักไม่ค่อยดึงดูด แต่สำหรับ “Valerian and the City of a Thousand Planets” การผจญภัยของสองตัวละครเอกกลับมีมนต์สะกดทำให้อยากติดตามจนจบ

และเพราะถูกสร้าง (อ้างอิง) มาจากหนังสือการ์ตูนชื่อดัง กลิ่นอายและบรรยากาศโดยรวมของเรื่องก็เหมือนการ์ตูนมากๆ บทพูดไม่ค่อยมีผลนัก (นอกจากบทจีบกันระหว่างตัวละครเอกสองตัว) แต่ภาษาภาพก็บอกเล่าเรื่องราวได้ดี และงานไซไฟของเรื่องนี้ก็โดดเด่นมาก ใครที่เป็นแฟนหนังประเภทนี้น่าจะชอบและประทับใจ

เนื้อเรื่องไม่เท่าไร แต่ตัวละครสองตัวทำให้เรื่องเดินต่อไปได้

“Valerian and the City of a Thousand Planets” เป็นเรื่องราวของสองเจ้าหน้าที่พิเศษ “วาเลเรียน” (เดอฮาน) และ “ลอเรลีน” (เดอลาวีญ) ที่ต้องทำภารกิจพิเศษเพื่อสวัสดิภาพของนครหมื่นดาวเคราะห์ที่มีชื่อว่า “อัลฟ่า”

ข้ามเรื่องที่มาที่ไปของนคร “อัลฟ่า” ใครอยากรู้ต้องตามไปดู เพราะมีแต่สิ่งมีชีวิตหลากสายพันธ์ุเหนือจินตนาการ แคทวอล์กมาให้ชมกัน จนแทบจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร ซึ่งต้องยอมรับว่าน่าตื่นตาตื่นใจ ถือเป็นหนึ่งในความบันเทิงของเรื่อง

แต่ที่โดดเด่นกว่าคือ เรื่องราวความรักของสองเจ้าหน้าที่พิเศษ ตัวเอกของเรื่อง “วาเลเรียน” (เดอฮาน) และ “ลอเรลีน” (เดอลาวีญ) แน่นอนว่าระหว่างทั้งสองมีเรื่องราวบางอย่าง มีความกิ๊กกั๊กจีบกันทั้งเรื่อง จะว่าไปก็คล้ายๆ ละครน้ำเน่าหลังข่าว แต่เคมีของทั้งสองต่างหากที่น่าสนใจ บวกกับหน้าตารูปร่างของทั้งสองที่ทำให้จิ้นตามได้ไม่ยาก

เอาจริงๆ...เหมือนดูหนังรักมากกว่าหนังไซไฟ

ต้องบอกว่าเป็นส่วนผสมที่แปลก มีความเป็นหนังรัก ในฉากหลังไซไฟ เพราะเอาจริงๆ เนื้อเรื่องในส่วนของไซไฟไม่ซับซ้อน ตัวร้ายไม่ได้เลวหรือตายยากเหมือนในหนังไซไฟเรื่องอื่นๆ แต่ความสนุกอยู่ที่ปฏิกิริยาของสองตัวละครเอกที่ต้องช่วยเหลือกันและกันให้ภารกิจนี้ลุล่วง

อย่างที่เกริ่น...ภารกิจไม่ใช่เรื่องยากหรือซับซ้อน เรื่องราวการจีบกันระหว่างภารกิจเลยโดดเด่นกว่า ความสนุกสนานนอกจากบทพูดจีบกัน (ที่ชวนขนลุกในบางฉาก) การพิสูจน์ตัวตนของกันและกัน ทั้งในฐานะคนรักและคู่หูร่วมเป็นร่วมตาย ก็ทำให้เรื่องนี้มีสีสัน ไม่น่าเบื่ออย่างที่กลัวว่าจะเป็นตอนก่อนเข้าโรง

เอาเป็นว่าคอหนังไซไฟต้องไม่พลาด ถือเป็นงานอลัง ไซไฟเลิศเลอที่สุดเรื่องหนึ่งของปี 2017 ทีเดียว เนื้อเรื่องดูไม่ยาก ไม่ซับซ้อน และไม่ต้องมีโพย (เพราะเป็นภาคแรก) รับรองว่าไม่งง ที่สำคัญพระนางหน้าตาดี รูปร่างเป๊ะเว่อร์ ถือเป็นอาหารตาชั้นดี ยิ่งได้ดูแบบ 3D, 4DX ก็จะยิ่งสาแก่ใจ

อ้อ...มีตัวขโมยซีนด้วย ทายซิว่าใคร?

จนกว่าจะพบกันใหม่
มาดามอองทัวร์
Twitter: @MadamAutuer