ลืมภาพสารคดีท่องเที่ยวของคนดังแบบเดิมๆ ที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ได้เลย เพราะรายการ "No Sleep No FOMO" สารคดีท่องเที่ยวตามติดชีวิตจริงใหม่ล่าสุดของคนดังบนโลกโซเชียล ผลงานสร้างภายใต้โปรเจกต์ Viu Original ดำเนินรายการโดย พอล ฟอสเตอร์ ผู้มากประสบการณ์ในวงการบันเทิงของประเทศสิงคโปร์ จะพาไปพบประสบการณ์ใหม่ของสารคดีท่องเที่ยวผจญภัยระดับภูมิภาคที่ไม่ธรรมดา
งานนี้พอลจับมือออกเที่ยวกับคนดังสุดฮอตจากหลายประเทศ อาทิ ฮาน่า แทม (ฮ่องกง), ลอรีน อุย (ฟิลิปปินส์), เบนจามิน เคง และแนท โฮ (สิงคโปร์), อเล็กซานเดอร์ ยูเซเบียว อีริค นัม และเควิน วู (เกาหลี) และแขกรับเชิญสุดพิเศษอย่างหนุ่มกล้ามแน่น คิม จอง กุก (เกาหลี) ส่วนประเทศไทยมีนักแสดงสาว เทย่า โรเจอร์ มาร่วมผจญภัยด้วย โดยคนดังทั้งหมดนี้มีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียรวมกันกว่า 12 ล้านคน ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความโด่งดังของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
...
ในส่วนรูปแบบของรายการแต่ละตอน พอลกับแขกรับเชิญจะเดินทางไปยังเมืองที่น่าอัศจรรย์ใจต่างๆ โดยมีภารกิจ FOMO จำนวน 60 ภารกิจซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ "ต้องทำที่สุด ต้องดูที่สุด และต้องกินที่สุด" สำหรับนักเดินทางยุคนี้เพื่อให้พวกเขาค้นพบการผจญภัยใหม่ๆ เปิดโลกไปกับสถานที่ที่ไม่เคยไป แถมยังได้เปิดประสบการณ์ไปกับอาหารพื้นเมืองสุดแปลกภายใน 60 ชั่วโมงอย่างไม่หลับไม่นอนและร่วมสนุกไปอย่างไม่มีคำว่าเหนื่อย
พวกเขาจะเดินทางไปยังเมืองที่คุ้นเคยแต่กลับต้องมาพบเจอกับเรื่องพลิกล็อกมากมาย พวกเขาทั้งหลายจะต้องใช้เส้นทางที่ไม่ค่อยจะมีคนไปกัน โดยจะได้รับการช่วยเหลือและเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากบรรดาแฟนๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศนั้นๆ ถ่างตาของคุณเอาไว้ให้ดี เพราะพวกเขาจะแข่งขันกันอย่างไม่หยุดหย่อนในแต่ละตอนเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และคว้าชัยชนะไว้ รายการ No Sleep No FOMO ถือเป็นรายการที่เปิดประสบการณ์ใหม่ ซึ่งจะทำให้แฟนๆ ได้รู้สึกราวกับว่าได้เข้าไปร่วมผจญภัยจริงๆ แถมยังจะได้เห็นอีกด้านหนึ่งของคนดังและดาราที่พวกเขาชื่นชอบ แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้เห็นที่ไหนมาก่อน!
บรรยากาศในวันเปิดตัวรายการที่ Zouk ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2562 ที่ผ่านมา เป็นไปอย่างคึกคัก งานนี้เหล่าพิธีกรและคนดังมาร่วมงานกันอย่างพร้อมหน้า ขาดเพียงแค่เทย่า โรเจอร์ และเควิน วู ที่ติดภารกิจไม่สามารถมาร่วมงานได้ แค่ซีนเปิดตัวก็ต้องแชะภาพกันรัวๆ เพราะบรรดาคนดังจากหลายประเทศซ้อนมอเตอร์ไซค์มาถึงหน้าเวทีเลยทีเดียว ก่อนที่พิธีกรประจำงานจะพูดคุยสัมภาษณ์คนดังถึงเบื้องหลังการถ่ายทำรายการ
...
จากนั้นถึงเวลาที่แฟนๆ ของคนดังมีโอกาสมาร่วมแข่งขันเล่นเกมกันสดๆ บนเวที โดยแบ่งเป็นทีม No Sleep และทีม No FOMO เพื่อทำภารกิจสุดพีค อาทิ โชว์สเตปเต้นกลางเวที, กินมะนาวสุดเปรี้ยว, ดื่มไมโลแก้วยักษ์ ปรากฏว่าทีม No Sleep คว้าชัยชนะไปครอง ปิดท้ายด้วยการจับรางวัลแพ็กเกจท่องเที่ยวให้กับผู้ที่มาร่วมงานแถลงข่าวที่สามารถทายผลการแข่งขันได้ถูกต้อง
...
ภายหลังจากเสร็จสิ้นการเปิดตัวรายการ 3 หนุ่ม พอล ฟอสเตอร์, อีริค นัม, คิม จอง กุก ได้เผยถึงเบื้องหลังการถ่ายทำกับบรรดาสื่อมวลชนจากหลายประเทศที่มาร่วมทำข่าวด้วย
เริ่มที่นักร้องนักแสดงชาวเกาหลี คิม จอง กุก เผยถึงการมาร่วมผจญภัยในโปรเจกต์นี้ที่ฮ่องกงว่า “เบื้องหลังตอนที่ผมทำงานกับพอลและเควิน เค้าทำงานนานแบบซีเรียสตลอด 60 ชม. ผมก็ให้กาแฟเพิ่มขึ้น ก็ช่วยเชียร์อัพ บอกเลยว่าสองคนนั้นทำงานแบบซีเรียสมาก สิ่งที่ผมจำได้แม่นยำตอนไปที่ฮ่องกงก็คือการกินซุปงู เคยกินซุปงูแบบแค่น้ำ แต่นี่เป็นการกินเนื้อครั้งแรก บอกเพื่อนว่าใครมาฮ่องกงต้องไปกิน ถามว่าเล่นรันนิ่งแมนมาก่อน น่าจะง่ายสำหรับการถ่ายทำมั้ย เราต้องทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้ในเวลานิดเดียว ที่เคยทำรันนิ่งแมนมันมีเวลาถ่ายเยอะ และทำหลายอย่าง อันนี้มีแค่ 10 ชม. แต่ต้องทำอะไรหลายอย่าง มันเลยยาก
...
ที่คนมองว่าผมเป็น เป็น King of Variety Show ผมว่าไม่ขนาดนั้น ผมทำตรงนี้มานานก็เลยได้รู้ว่าคนดูชอบอะไร คนเอเชียชอบวาไรตี้โชว์ เลยพยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติที่สุดให้คนได้รู้ว่าผมทำอะไรในชีวิตปกติ ถามว่าโชว์นี้แตกต่างยังไงกับที่เคยทำมาก่อน ก็เป็นเรื่อง 10 ชม. เหมือนกัน ผมไม่เคยต้องรีบขนาดนี้ในรายการวาไรตี้โชว์ปกติ ผมคิดว่าครั้งหน้าจะต้องกลับมาเพื่อทำอะไรมากขึ้นกว่านี้ รายการนี้มันยากนะ แต่มันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากเลย”
ด้านนักร้องนักแต่งเพลงและพิธีกรลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกัน อีริค นัม พูดถึงการผจญภัยสุดสนุกที่ประเทศมาเลเซียและประเทศสิงคโปร์ว่า “ถามว่าตื่นเต้นมั้ยตอนที่เขาเชิญผมไป แน่นอน ผมชอบเที่ยว ชอบทำอะไรเจ๋งๆ ผมตื่นเต้นมากจริงๆ อีกอย่างคือเราโชคดีที่มีโฮสต์ที่ดี เลยผ่านไปได้อย่างดีมาก ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าพอลทำมันได้ยังไงทั้ง 8 อีพี เพราะมันยากมาก จนผมแทบจะแย่ เอาจริงๆ ผมยังไม่รู้เลยว่าพวกเราผ่านมันมาได้ยังไง
กับคำถามที่ว่าคิดยังไงกับคอนเซปต์รายการ ระหว่างการถ่ายทำคุณจะสงสัยเลยแหละว่าทำมันได้ขนาดนั้นได้ยังไง 60 ชม. มันยากมาก จริงๆ แล้วกว่าจะเสร็จ เตรียมการอะไรแบบนี้ มันก็ไปถึง 70 ชม. ตอนนั้นเอเนอจี้ผมก็หลุดลอยไปแล้ว แต่มันเป็นสิ่งที่ดีมากที่ได้มาทำอะไรแบบนี้ถึงมันจะยาก
ส่วนวิธีจัดการความกลัวยังไง สิ่งที่ผมกลัวหรือไม่ชอบมีแต่อย่างเดียวคือในส่วนของเรื่องผี พอลดูตื่นเต้นในการเจอผีมาก เราเหนื่อยมากในตอนนั้น เหงื่อเยอะมาก ทำอะไรมาเยอะ ตอนประมาณ ตี 3-4 แล้วต้องไปตรงส่วนที่มีผี ผมก็แบบทำไมเราต้องไปเจอผี แต่พอลดูมีความอยากเจอ เรียกหาผีเลยด้วยซ้ำ
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากรายการนี้ และสิ่งที่คิดว่าคนดูจะได้เรียนรู้จากมัน ผมรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ดีในการทำโชว์นี้ ในการไปหลายๆ ที่ ทำหลายอย่างที่มันพลาดไม่ได้ เพราะในสมัยนี้คนทั่วไปมักจะอยู่แต่กับโซเชียลมีเดีย คือถ้าคุณมีเวลา มีแรงอยู่ ก็น่าจะไปสำรวจโลกใบนี้ คุณนึกออกมั้ยว่าการแค่นั่งอยู่เฉยๆ มันไม่ช่วยอะไร รายการมันช่วยให้คุณรู้สึกว่าการออกไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมต่างๆ มันเป็นเรื่องที่ว้าวมากเลยนะ เพราะงั้นมันคือสิ่งที่กลัวที่จะพลาดจริงๆ และต้องออกไปลอง”
ปิดท้ายที่พิธีกรหนุ่มมากความสามารถ ลูกครึ่งอังกฤษ-จีน พอล ฟอสเตอร์ ที่พูดถึงการทำงานของตัวเองตลอดทั้งรายการว่า “ผมโชคดีมากที่ได้ co-hosting ที่ดีมาถ่ายด้วยกัน การถ่ายทำมันยากมาก มันเป็นการชาเลนจ์ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ผมต้องเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ ไม่มีเวลาจะนอน แต่เอาจริงเพราะผมได้ผู้ร่วมงานที่ดีมากจริงๆ มันเป็นคีย์เลยนะ ตอนที่ถ่ายทำคือมันดูไม่มีวันจบสิ้นเลย มีแสงอาทิตย์ แล้วก็มืด แล้วก็สว่างอีกแล้ว สักพักก็มืด
เราไม่ได้นอนเลย แล้วมันตื่นเต้นมากตอนใกล้จบและมิชชั่นคุณยังไม่จบ ก็จะตื่นเต้นว่าเราเหลือเวลาแค่นี้ ทำยังไงดี จากตอนแรกที่พวกเราเริ่มนับเวลาเริ่มกลายเป็นการนับว่าเหลือเวลาอีกเท่าไรแทน มันเป็นการท้าทายที่สุดยอดมาก แต่มันก็ดีมากจริงๆ เราอยากทำอะไรหลายอย่างมากแต่มันไม่มีเวลา มันเป็นประสบการณ์ที่สนุกมากเลย ผมทำวาไรตี้โชว์มาเยอะ แต่อันนี้มันแค่ 60 ชม. กับอะไรให้ทำหลายอย่างมาก มันสนุกมากแต่ก็ยากสุดๆ ไปเลย
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากรายการนี้ และสิ่งที่คิดว่าคนดูจะได้เรียนรู้จากมัน คุณจะเซอร์ไพรส์ว่าร่างกายและสมองของคุณมันทำอะไรได้บ้าง ถ้าคุณได้ออกไปเสี่ยงหรือทำอะไรบ้าๆ บ้าง ผมเรียนรู้ได้เยอะแยะเลยจากแต่ละมิชชั่นและเอพพิโซด และเมื่อได้ทำอะไรกับคนที่มาร่วมงาน ทำให้รู้จักการทำงานเป็นทีมเวิร์กมากขึ้นอีกด้วย นั่นเป็นข้อสำคัญเลยเพราะคุณต้องทำมิชชั่นกว่า 60 ชม. ด้วยกันตลอดเวลา การทำงานเป็นทีมเวิร์กมันเลยสำคัญมาก”
No Sleep No FOMO สารคดีท่องเที่ยวตามติดชีวิตจริงคนดัง สามารถติดตามชมกันได้ที่ Viu ทุกวันศุกร์ เวลา 19.00 น. ในประเทศไทย และเวลา 20.00 น. ในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง อินโดนีเซียและเมียนมา หรือรับชมย้อนหลังได้ที่ Viu Originals บนเว็บไซต์ www.viu.com และทางรายการได้เปิดโอกาสให้ผู้ชมมีส่วนร่วมโดยตรงกับรายการผ่านการโต้ตอบกับแขกรับเชิญผ่านฟีเจอร์ Viu Engage แฟนๆ ทั้งหลายได้ติดตามและรับชมรายการ No Sleep No FOMO แบบสดๆ ผ่านแฮชแท็ก #ViuNoSleepNoFomo และ #ViuEngage และเป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยไปกับคนดังโดยสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของพวกเขาแบบเรียลไทม์ด้วย.