เป็นอีกหนึ่งคนที่สู้ชีวิตไม่น้อย สำหรับ อาร์ต พศุตม์ เจ้าของธุรกิจคุณชายหมูกรอบ ที่ตอนนี้หาเงินเข้ากระเป๋าได้เป็นกอบเป็นกำจากธุรกิจขายหมูกรอบ เรียกว่าแทบจะเป็นอาชีพหลัก ส่วนนักแสดงเป็นอาชีพเสริม แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ เจ้าตัวเคยมีหนี้สิน 7 หลัก โดยอาร์ตเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเป็นพ่อค้า และตำนาน 100 วันที่ตอบโต้


- รูปตอนนี้ที่ผมหัดทำหมูกรอบวันแรก สภาพคือแบบ อยากเป็นพ่อค้ามากๆ 

- วันนี้ผมอยากมาเล่าให้ทุกคนฟัง ว่ากว่าจะมาเป็นคุณชายหมูกรอบได้ เรื่องราวมันเป็นยังไง เผื่อจะเป็นแนวทางหรือกำลังใจให้กับคนที่กำลังทำธุรกิจ



- ตอนผมเป็นดาราผมมีหนี้สิน 7 หลัก (ก่อนขายหมูกรอบ) เพราะซื้อ บ้าน และ คอนโด แล้วด้วยความที่เป็นเสาหลัก ผมต้องรับผิดชอบดูแลคนที่บ้าน ทั้งพ่อ แม่ และหลานอีกสองคน พอมีช่วง 3 เดือนว่างงานไม่มีละคร แต่ค่าใช้จ่ายมันมาตลอดไม่มีหยุด ขนาดไม่ฟุ่มเฟือยนะ เดือนนึงต้องจ่ายเกือบสองแสนเพราะต้องดูแลหลายคน บ้านก็ต้องผ่อน ก็เลยคิดว่าอยากหารายได้เสริม แล้วเรารู้สึกว่าการขายอาหารเป็นทางของเราซึ่งเราเคยขายมาก่อน เราเคยทำสำเร็จมาแล้วทั้งหมูทอดและน้ำพริก เริ่มต้น ผมตั้งใจว่า ขอแค่มีรายได้เพิ่มวันละ 1,000 บาทก็พอตอนนั้น

...

- ก่อนจะเริ่มขายหมูกรอบ ผมก็อ่านหนังสือเกี่ยวกับการทำธุรกิจอย่างบ้าคลั่ง จะรวยต้องทำไง การทำธุรกิจต้องทำแบบไหน เขาบอกว่าต้องมึสตอรี่ในการทำกิจการนั้นๆ  ต้องมีแผนการ ซึ่งผมก็ไม่เคยทำ ไม่ค่อยเชื่อด้วย กลัวมันจะดูปลอม แต่จะลองก็ไม่เสียหาย ผมก็เลยเล่าทุกอย่างด้วยความจริง ไปเรียนก็มาเล่า ฝึกทำก็เล่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตก็อัพเดตลงโซเชียล แต่มันกลับทำให้ 

- วันแรกผมขายทำหมูกรอบทั้งสัปดาห์ตุนไว้ 150 กิโลกะขายวันละ 10 โลพอ ก็จะได้กำไร 800-1000 บาทเท่ากับที่ตั้งใจ โดยผมจะลงขายแค่เสาร์ อาทิตย์ แต่พอผมประกาศขายวันแรกหมดเลยครับ ผมเลยต้องหาทีมเพื่อช่วย วันที่ 2 ผมทำหมูกรอบตุนไปเลย 500 กิโล ก็หมดอีก ทีนี้ฉุดไม่อยู่แล้วต้องขอขอบคุณแฟนคลับและลูกค้าทุกคนเลยนะครับ พวกคุณเปลี่ยนชีวิตผมและทีมงานจนสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้

- คนที่มาช่วยผม แต่ละคนคือเพื่อน หรือคนรู้จัก ที่ครอบครัวไม่มีรายได้ เพราะส่วนตัว ผมชอบทำกับคนรู้จัก มันคุยกันง่าย รู้ใจกัน ทุกคนบอกคำเดียว พร้อมเริ่มงานเลย และการทำงานด้วยกันในทุกวัน พวกเขาเต็มที่ ไม่บ่น ไม่ท้อ ช่วงแรกๆ ที่ไม่มีโบนัส ผมก็พาเขาไปเลี้ยงด้วยอาหารดีๆ ที่เขาไม่เคยกิน เขาดีใจกันมาก ซึ่งช่วงนั้นยังขายแค่ หน้าร้าน กับ ออนไลน์ ยังไม่ได้ออกบูธ 



- พอผมคิดว่าธุรกิจนี้มันก็ไปได้นี่หว่า ก็ลองมาออกบูธเลยเพิ่มค่าแรงให้ทุกคนเป็นสองเท่า เพื่อให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ถ้าเขาคิดว่าเขาทำงานเหมือนเป็นเจ้าของ เขาจะเต็มที่ แล้วเขาก็ทำกันสุดพลัง

- มายด์เซ็ตคนทำงานด้วยกันต้องได้ผลตอบแทนมากขึ้นเวลาได้กำไร มันมาจากย้อนไปตอนผมอยู่ ป.5 ผมเคยโดนครูจ้างไปเสิร์ฟน้ำแข็ง ค่าแรง 10 บาท แต่คนในโต๊ะให้ทิปผม 100 บาท มือผมสั่นไปหมด แบงค์ 100 สีแดงสำหรับเด็กน้อยมันเยอะมากนะ ผมทั้งจับ ทั้งดม เงินมันหอมจัง 555 ความรู้สึกดีใจชนิดที่ผ่านมา 30 กว่าปียังไม่ลืมมันสอนผมว่า การทำงานที่ได้ผลตอบแทนเกินค่าแรง ด้วยโบนัส ด้วยทิป จะทำให้คนทำงานมีใจให้กับเรา

- ตัดกลับมาที่ร้าน ทุกคนสู้กันเหมือนไม่ได้เป็นแค่พนักงาน แต่เขาทำเหมือนเป็นเจ้าของร้าน เขาชาเลนจ์ตัวเองทุกวัน เพราะเราแบ่งกำไรให้เขาแบบเต็มที่ ทุกคนก็เลยสู้กันแบบ 1000000% ผมมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะทีมที่ดี ผมขอบคุณเขาตลอด



- ทีนี้ เราพยายามกันมา 2 ปีครึ่งด้วยการทำธุรกิจสุจริต อยู่ดีๆ ก็มีคนมาบอกว่าผมทำธุรกิจสีเทา ในช่วงที่คนมีชื่อเสียงในวงการทยอยเข้าคุกเพราะไปข้องเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมาย แล้วผมผิดอะไร ผมไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยในเรื่องการทำงาน ผมตั้งใจคว้าทุกโอกาส จึงเป็นเหตุผลที่ผมตอบโต้แบบรุนแรงในทุกคำครหา เพราะมันคือการใส่ร้ายไม่ใช่แค่ต่อตัวผม ถ้าธุรกิจเสียหายขึ้นมา คนในบ้านจะเป็นยังไง ทีมงานที่ทำงานจะเลี้ยงดูครอบครัวต่อไปได้เหรอ จึงเป็นตำนาน 100 วันที่ตอบโต้ครับ ขอบคุณที่อ่านจบนะครับ วันนี้มีเวลาเลยอยากมาเล่าให้ทุกคนอ่านกัน

...


คลิกเพื่ออ่าน “ข่าวบันเทิงวันนี้”