- ทำความรู้จักสาวน้อยมากความสามารถ "เดนิส เจลีลชา คัปปุน" นางเอกสาวคลื่นลูกใหม่วัย 18 ปี
- อยากเข้าวงการบันเทิง เป็นความฝันที่มีมาตั้งแต่เด็ก
- รีวิวชีวิตในวัย 18 กับการขึ้นเป็นนักแสดงแถวหน้าของช่อง 3 ขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส
ถ้าพูดถึงชื่อของ เดนิส เจลีลชา คัปปุน หลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาจากหนังเรื่อง "ธี่หยด" แน่นอน ซึ่งเรื่องนี้เธอรับบท "หยาด" กับคาแรกเตอร์ที่ทั้งลึกลับและมีเสน่ห์จนหลายคนอดไม่ได้ที่จะอยากรู้จักตัวตนของเธอให้มากกว่านั้น เบื้องหลังแววตานิ่งลึกและรอยยิ้มอบอุ่น คือเด็กสาวลูกครึ่งผู้เปี่ยมด้วยความตั้งใจและศักยภาพ เธอไม่ได้มีแค่เบื้องหน้าในหนังหรือละครแต่ยังมีมุมมอง ความคิด และแรงบันดาลใจที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
...
และเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักเธอมากขึ้น ทั้งในฐานะนักแสดงและในฐานะตัวตนที่เปี่ยมด้วยแพสชันและความตั้งใจ เราจึงขอพาคุณไปร่วมพูดคุยกับเดนิส-เจลีลชา คัปปุน ผ่านบทสนทนาที่ทั้งจริงใจและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในครั้งนี้ ในรายการ The Blackground Around Fandom
แต่ก่อนจะไปคุยเรื่องราวความเป็น "เดนิส" ตามธรรมเนียมของรายการ The Blackground Around Fandom เราจะขอดูภาพหน้าจอมือถือของศิลปิน-ดาราคนดัง ว่าพวกเขานั้นใช้รูปหน้าจอมือถือเป็นรูปอะไร และทำไมถึงต้องใช้รูปนี้ ซึ่ง เดนิส ก็พร้อมเปิดหน้าจอให้เราดูทันที
ภาพหน้าจอช่วยเตือนใจ
ใช้ชีวิตในแบบที่ตั้งใจ
"หนูตั้งรูปนี้มาสักพักแล้ว มันคือรูปมาจากหนังเรื่อง “แม็กซีน” ('MaXXXine) เป็นไตรภาคของหนังจักรวาลชื่อ X ก็คือเป็นคำพูดในหนังของตัวละครหลักที่เราชอบมาก เขาเขียนว่า “I will not accept the life I do not deserve.” ก็คือเราจะไม่ยอมรับชีวิตที่เราไม่สมควรได้รับมัน ใช่ เหมือนประมาณว่าแบบถ้าเราใช้ชีวิตแบบดีมากๆ ตั้งใจกับชีวิตมากๆ เราก็รู้สึกว่าเราควรจะได้ใช้ชีวิตในแบบที่เราตั้งใจไว้อะไรอย่างงี้อะค่ะ ก็เลยแบบเหมือนเป็นโค้ชที่ตั้งไว้ว่าเออเปิดมาเราก็จะรู้สึกมีไฟ"
อยากเข้าวงการบันเทิง
เป็นความฝันที่มีมาตั้งแต่เด็ก
"สวัสดีค่ะชื่อ เดนิส เจลีลชา คัปปุน ค่ะ ปัจจุบันอายุ 18 ปี ตอนนี้ก็ยังเรียนมหาวิทยาลัยรังสิต คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ดิจิตอล ปี 2 แล้วค่ะ เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกันค่ะ"
เมื่อถามถึงความฝันของ เดนิส เธอบอกว่า อยากเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่เด็ก "ก็น่าจะเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วๆ ไปอะค่ะ ที่เราได้ดูหนัง ดูละคร เราจะรู้สึกว่า เออเขาสวยจังเลย เก่งจังเลย เราก็เลยมีความแบบอยากจะเป็นเหมือนพี่ๆ เขา ที่เราเห็น แล้วตอนแรกอะยังไม่ได้รู้ว่าตัวเองอะชอบการแสดง เราก็ค้นหาตัวเองอยู่สักพักนึงแบบว่าลองไปเรียนเต้นเรียนร้องเพลง ถ่ายโฆษณา ประกวด คือเราลองมาหลายอย่างมาก จนเราได้ลองเล่นละคร เราก็เลยรู้สึกว่าเออนี่แหละคือสิ่งที่เราอยากทำ
...
ละครเรื่องแรกเลยคือเรื่อง ผู้บ่าวอินดี้ ยาหยีอินเตอร์ เล่นเป็นนางเอกตอนเด็ก ไปเล่นแบบซีนเดียว เป็นซีนนั้นซีนเดียวเนี่ยแหละที่ทำให้รู้ว่าอยากทำอะไร แต่ถ้าเข้าช่อง 3 คือตอนอายุ 14 ค่ะ และละครเรื่องแรกของช่อง 3 คือเรื่องลออจันทร์ เป็นละครชุด ดวงใจเทวพรหม
คือเรื่องแรกเปิดมาก็ยากเลย เพราะว่าเล่นในบทคือชื่อว่า วีนา วีนาเนี่ยเขาเป็นทหารเป็นองครักษ์ของเจ้าชาย ก็เป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ดี เพราะว่าชีวิตนี้ก็คงไม่เคยจะเป็นทหารมาก่อน แล้วก็ด้วยความเป็นละครเรื่องแรกด้วยก็ปรับตัวเยอะมากๆ ไม่ใช่แค่เรื่องงานแต่ว่าสังคมสิ่งใหม่ๆ ที่เราเจอแล้วเราแบบไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน
จริงๆ ก่อนเข้าช่อง ก็เรียนมาเยอะพอสมควร แล้วก็ตอนที่อยู่เข้าช่องแล้วตอนที่มีละครเขาก็แบบมีให้เราไปเวิร์คช็อปอยู่เรื่อยๆ ค่ะ
พอถ่าย ลออจันทร์ ยังไม่จบ ก็มีเรื่อง กลเกมรัก เข้ามา อันนี้ก็เป็นบทบาทที่ท้าทายมากๆ เพราะว่าแบบแตกต่างจากตัวเองโดยสิ้นเชิงเลย คือ ลลิษา เขาจะเป็นตัวละครที่ค่อนข้างที่จะมีความสับสนทางอารมณ์ค่อนข้างเยอะ ก็เป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆ และรู้สึกว่าดีใจที่ตัวเองได้เล่นไรแบบนี้ เป็นเรื่องแรกๆ มันทำให้เราได้พัฒนาตัวเองได้ไวมากๆ
พอเสร็จจากเรื่อง กลเกมรัก ก็เป็นไทม์ไลน์ที่โหดมากเพราะว่าเริ่มเรื่อง "ธี่หยด" แต่ถ่าย "ธี่หยด" ยังไม่เสร็จดีก็มีเรื่อง "ผู้บ่าวสุดซ่าส์กะอีหล่าขาซิ่ง" ถ่ายเรื่องนี้ยังไม่เสร็จก็ถ่าย "อีบัวกับไอ้ขวัญ" ต่อเลย คือเป็นไทม์ไลน์ที่แบบยุ่งเหยิงมากตอนนั้นค่ะ แล้วความยากคือ "ธี่หยด" เป็นหนังเรื่องแรกในชีวิตหนู
ที่อยากเล่นมากๆ คือขอไปแคสเลย แล้วก็เป็นประสบการณ์ที่ละครกับหนัง มันต่างกันพอสมควรค่ะ ก็รู้สึกได้ประสบการณ์ใหม่ๆ แล้วก็เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตด้วย"
...
ชีวิตการทำงานในวงการบันเทิง
ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คิด
เมื่อถามว่า ชีวิตในการทำงานในวงการบันเทิงตลอด 7 ปีที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง เดนิส บอกว่า "ก็ล้มลุกคลุกคลาน รู้สึกว่าได้ทำหลายอย่างมาก เจอคนเยอะมากๆ ประสบการณ์เยอะมากๆ ที่แบบเจอมาแล้วก็โตขึ้นมากเลยค่ะ เป็น 7 ปีที่ทุกคนอาจจะมองว่า เหมือนตอนนี้เราอายุแค่ 18 ใช่ไหมคะ แต่ว่าด้วยความที่เราเริ่มทำงานไว เราก็เลยได้เจอผู้คนแบบเยอะมากๆ มันก็เลยแบบเหมือนทำให้เรารู้สึกว่า เราเรียนรู้จากสิ่งนั้นได้ไว แล้วก็ดูเป็นผู้ใหญ่ไว ก็รู้สึกได้อะไรเยอะมากๆ จากการทำงาน"
"หลายคนมักจะพูดกับหนูเยอะว่า ไม่เสียดายชีวิตในช่วงวัยเด็กวัยรุ่นเหรอ เพราะว่าหนูเลือกที่จะไปสอบเทียบแล้วไม่เรียน ม.ปลาย เพื่อที่จะมาทำงานค่ะ หนูก็จะมีเพื่อนน้อยมากๆ แต่เราก็รู้สึกว่า ทุกครั้งเรามองว่าเราไม่ได้เสียดายเวลาชีวิต เพราะเรายังใช้ชีวิตอยู่ แต่เราแค่ใช้ชีวิตไม่เหมือนคนอื่นเฉยๆ แล้วมันเป็นชีวิตที่เราไม่เดือดร้อน แบบเราโอเค เราชอบที่จะทำงาน เราก็มีเพื่อนอยู่ไม่ใช่ไม่มีเลย และที่ผ่านมาคือโอเคแล้ว ก็เป็นสิ่งที่เราเลือกเองด้วย"
เด็กต่างจังหวัดที่นั่งรถเข้ากรุงเทพฯ ทุกอาทิตย์
เพื่อมาแคสงานโฆษณา
...
"จริงๆ เริ่มมีความรู้สึกชอบมานานแล้ว เพราะว่าเราเป็นเด็กกิจกรรม คือเป็นหลีด เป็นดรัมเมเยอร์ แบบประกวดในโรงเรียน คือแบบเดนิสทำทุกอย่างก็เลย รู้ว่าตัวเองชอบอะไรที่มันบันเทิง แล้วน่าจะชอบมากมากตั้งแต่ตอนประถมแล้วค่ะ
งานชิ้นแรกในวงการบันเทิง น่าจะเป็นโฆษณาตัวแรกเป็นเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ตอนนั้นดีใจมากเพราะว่า หนูอะ สู้ชีวิตมาก คือหนูอยู่อุดรฯ แต่แม่ต้องขับรถเข้ากรุงเทพฯ ทุกอาทิตย์เลยค่ะ ขับรถเองทุกอาทิตย์แค่เพื่อไปแคสต์ หนูแบบไปเป็นสิบๆ ครั้ง แต่ไม่ได้สักงานเลย ก็มีแต่ก็ยังทำอยู่จนกว่าจะได้ แล้วพองานแรกที่ได้เป็นโฆษณาตัวนี้ แล้วเงินมันได้หลักหมื่นอะค่ะ สำหรับเด็กอายุ 10 ขวบ ดีใจมาก มันเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่า เราได้ก้าวขาข้างนึงมาตรงนี้แล้ว ก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้มาอยู่ตรงนี้"
"คุณแม่เป็นเหมือนเพื่อน เป็นคนที่ตัวติดกับเราเกือบ 24 ชม. คืออยู่บ้านก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ไปทำงานแม่ก็ไปด้วยตลอด เราก็เลยรู้สึกว่าช่วงวัยรุ่นเราก็คิดว่าทุกคนน่าจะมีปัญหากับการปรับตัวกับพ่อแม่ จริงๆ หนูก็เจอปัญหานั้น แต่ว่าด้วยความที่เราคุยกันเยอะมาก เราก็เลยเข้าใจกัน เลยทำให้ทุกวันนี้ก็สบายใจมากๆ ซึ่งทุกวันนี้มีผู้จัดการต่างหาก แต่ว่าคนที่ไปดูแลตลอดอะคือแม่ แม่ก็จะอยู่ทุกงานทุกอย่างค่ะ"
รีวิวชีวิตในวัย 18
เป็นช่วงเวลาที่ดีขึ้นมากๆ
"รีวิวชีวิตตอนนี้เหรอคะ รู้สึกว่าเป็นชีวิตที่ดีนะคะ ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน ปรับตัวได้เก่งขึ้นมากๆ แล้วก็รู้สึกว่าเป็นช่วงที่ค่อนข้างลงตัวในแบบหนึ่ง เพราะว่าหนูสามารถจัดการระหว่างเรียนกับงานและชีวิตส่วนตัวไปพร้อมๆ กันได้ โดยที่แบบไม่รู้สึกว่าลำบาก แล้วก็รู้สึกว่าจะยังคงทำตรงนี้ให้ดีต่อไป แล้วก็หาโอกาสใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ ค่ะ"
"ถามว่า เคยมองตัวเองในอนาคตไหม ก็มีคิดไว้นะคะ เหมือนแต่ก่อนเราจะไม่คิดเลยว่า เราจะวางแผนอนาคตยังไง เพราะว่าด้วยความที่เราเด็กมากอะ เราคิดแค่ว่าวันนี้ทำอะไร ทำแค่นี้พอแล้ว แต่พอเราอยู่ปี 2 แล้ว เราต้องเริ่มคิดแล้วว่า จบไปทำอะไร แล้วเป็นนักแสดงต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้เหรอ ก็คิดๆ ไว้บ้างเพราะว่าหนูตัดสินใจเรียนภาพยนตร์หนูอะอินกับสิ่งนี้มากๆ รู้สึกว่าอยากเป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาแบบอุตสาหกรรมวงการบันเทิงของไทยค่ะ อยากทำหนังสักเรื่องที่แบบเป็นหนังแบบน้ำดีสะท้อนสังคม"
"ถ้าเดนิสในวัย 25 ตัวเองจะเป็นยังไง หนูอะคิดว่าหนูน่าจะเรียนจบตั้งแต่อายุ 20-21 แล้ว ก็เลยคิดว่า อายุ 25 แต่หนูไม่รู้นะว่าหนูจะทำได้ไหม แต่คิดว่าตอนนั้นเดนิสต้องมีความสุข อยู่ในการทำสิ่งที่ตัวเองรักแล้วก็คิดว่า น่าจะเติบโตกว่านี้มากๆ กับทุกสิ่งที่ตัวเองตั้งใจทำเอาไว้ คิดว่าในฐานะนักแสดงคิดว่าน่าจะได้รับบทบาทที่ดีเป็นที่จดจำ แล้วก็ในเรื่องการทำภาพยนตร์ของตัวเองก็คิดว่าน่าจะได้ทำแล้วนะ"
"รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากค่ะ รู้สึกว่าได้รับโอกาสดีๆ เยอะมากเลยค่ะ หนูรู้สึกว่าโอกาสอะเป็นเรื่องสำคัญของทุกอาชีพเลย ถ้าเกิดว่ามันพยายามอย่างเดียวแต่ไม่มีโอกาส หนูคงไม่ได้เป็นหนูทุกวันนี้ค่ะ ก็เลยดีใจที่มีโอกาสดีๆ เข้ามา แล้วเราก็ตัดสินใจคว้ามันเอาไว้"
ขอบคุณโอกาสที่ได้รับ
เล่นหนังเรื่อง ธี่หยด เป็นเรื่องแรก
หนังเรื่อง ธี่หยด เดนิสบอกว่าเป็นหนังเรื่องแรกของเราและรู้สึกว่ายากมาก ยากยังไง?
"ยากมากตรงที่หนูเล่นละครมาก่อน เล่นละครมาแค่ 2-3 เรื่อง แล้วถึงมาเล่นหนัง ความยากมันคือการปรับตัวค่ะ ปรับตัวว่าเล่นหนังกับเล่นละครมันแอคติ้งต่างกันประมาณหนึ่ง หนูก็แบบตีกับตัวเอง ตีกับผู้กำกับ “พี่คุ้ย”(ทวีวัฒน์ วันทา) แบบหนักมากช่วงแรกๆ
แล้วก็มันเป็นหนังผีด้วย มันก็ใช้แอคติ้งในแบบที่ต่างกันออกไป ใช้จินตนาการค่อนข้างเยอะ ก็ปรับตัวได้นะเรื่องแรกก็รู้สึกว่าทำออกมาได้เต็มที่แล้ว ดีแล้วในแบบที่ตัวเองเท่าที่ตัวเองทำได้ค่ะ พอมาภาค 2 ก็เลยรู้สึกว่าเล่นดีแล้ว เพราะว่าภาคแรกมันยังเหมือนแบบคลำๆ อยู่ มันยังไม่เข้าใจมากขนาดนั้นค่ะ แต่ก็ดีที่มีพี่แบร์ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) ช่วย พี่คุ้ยช่วยค่อนข้างเยอะ"
"พอมาภาค 3 ก็รู้สึกสบายนะ แต่บทมันยากขึ้นทุกภาคไง ภาคแรกมันยังมีความเล่นเป็นเด็กอยู่ อายุแค่ 14-15 แต่ภาค 2 มันก็โตขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง แล้วภาค 3 อะมันยิ่งโตขึ้นไปอีก ก็มีความท้าทายอีกแบบหนึ่งค่ะ"
"คือหนังเรื่อง ธี่หยด อ่ะ หนูไปแคสต์เองเลย เพราะว่ามันเป็นความฝันของหนูว่าอยากเล่นภาพยนตร์ แบบหนังเลย หนังที่แบบอยากเห็นตัวเองอยู่ในจอโรงภาพยนตร์ที่เราชอบไปดู เราแบบว่าถ้าเห็นตัวเองอยู่ในนั้นเราคงจะแบบฟินนะ ก็เลยพอรู้ว่าช่องจะทำหนังหนูแบบดีใจมาก แล้วตอนแรกช่องเขาบอกว่าหนูจะไปแคสเหรอ หนูไม่มีคิวเลยค่ะคือจันทร์ถึงศุกร์ถ่ายละครแน่นหมดเลย เขาเลยถามว่าจะไหวไหม จะแบ่งเวลาได้ไหม แต่เราอะมีความรู้สึกว่าเป็นคนที่ขอลองก่อน
ถ้าหนูไปแคสแล้วหนูไม่ได้อะ หนูจะไม่เสียใจเลยแต่ถ้าหนูไม่ได้ไปแคสอะ หนูจะเสียดายว่าหนูยังไม่ได้พยายามเลยอะ ใช่ก็เลยขอไปแคสก่อนได้ไม่ได้ไม่รู้อะไรอย่างนี้ แล้วสุดท้ายก็ได้ก็เลยแบบโอเคเดี๋ยวจัดการคิวเอาละกัน"
วินาทีแรกที่เราเห็นตัวเองอยู่บนจอวันแรกที่หนังฉายรู้สึกยังไง?
"เป็นความรู้สึกที่หนูไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต แบบเป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกหนูดูเสร็จ หนูดูจบแล้วพอมันขึ้นเอ็นเครดิตแล้วเห็นชื่อตัวเอง เห็นชื่อทุกคนที่แบบเราร่วมทำงานมาด้วยกัน มันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับหนูในอายุเท่านั้น แล้วก็ดูจบแล้วร้องไห้เลยอะ ดีใจมากๆ รู้สึกว่าเป็นก้าวสำคัญในชีวิตหนูเลย ตอนงานกาล่าที่ขึ้นไปยืนบนเวทีมันเป็นภาพที่เราแบบเคยคิดไว้เลยอะค่ะ"
ถ้าถามว่าเคยเจอสิ่งลี้ลับในกองถ่ายไหม เดนิสบอกว่า "ส่วนตัวไม่เคยเจอเลย แต่แบบคนถามเยอะมากว่าเจอบ้างไหม แต่ด้วยความน่าจะเป็นเพราะด้วยความที่หนูอะเป็นคนไม่กลัวผีเลย เวลาไปกองถ่ายที่ต่างจังหวัดสามารถนอนคนเดียวได้ เราก็เลยรู้สึกว่าเราไม่ได้มีความกลัวอยู่แล้วตรงนั้น ก็เลยอาจจะทำให้ไม่เจอหรือเปล่า แต่ว่าก็ได้ยินว่าทีมงานเขาก็มีเจอบ้างนะ แบบหลอนๆ มีอยู่"
ธี่หยด 3 ภาคที่ผ่านมาคือความง่ายหรือความยากง่ายต่างกันไหม?
"ต่างทุกภาคเลยค่ะ ภาคแรกก็อย่างที่บอกไปว่าเรนจ์อายุมันต่างกันหมดเลย ทั้ง 3 ภาค แล้วการเล่นก็ต่างกัน แล้วก็ซีนที่เล่นก็ต่างกันอีก เหมือนภาคสองมันมีซีนแบบลงน้ำเลือดอะไรไม่รู้เต็มไปหมด เป็นอะไรที่ถ้าไม่ได้เล่นเรื่องนี้คงไม่มีวันได้ทำสิ่งนี้อะค่ะ แล้วพอภาคสามอะมันยิ่งใหม่ไปอีก เพราะมันเป็นสิ่งที่เรายังไม่เคยเจอในชีวิตจริงเหมือนกันค่ะ ก็อยากให้ไปดูว่ามันใหม่มาก หลอนมาก เพราะว่าบรรยากาศมันน่ากลัว แล้วสถานที่ไปถ่ายเราก็รู้สึกว่าน่ากลัวก็เลยคิดว่าทุกคนน่าจะชอบค่ะ ได้ชมพร้อมกันวันที่ 1 ตุลาคมนี้ในโรงภาพยนตร์แน่นอนค่ะ"
"ก็อยากฝากทุกคนติดตามผลงานทุกอันของเดนิสด้วยนะคะ เพราะว่าเราก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ตั้งใจมากๆ กับตรงนี้ แล้วทุกผลงานเราใส่แบบเต็มที่ทุกงานเลยจริงๆ ก็อยากฝากทุกคนมาดูค่ะ ทั้งเรื่อง ธี่หยด 3 และหนังเรื่อง Shadowless ในเงา ซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับฆาตกรรมสะท้อนสังคม เป็นหนังที่ร่วมมือระหว่างไทยกับพม่า จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับคนงานพม่าที่ทำงานอยู่ที่ไทย ซึ่งเรื่องนี้ เดนิสเล่นกับ พี่ไป่ ทาคน ด้วยค่ะ แล้วก็มีนักแสดงพม่าอีกหลายคน รวมถึงพี่เฟรช อริศรา วงษ์ชาลี ด้วยค่ะ แล้วก็ละครกับทางช่องสามด้วยนะคะ"
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม