• มาริโอ้ เมาเร่อ ศิษย์มีครู กับคำสอนของหม่อมน้อยที่ได้รับมา 
  • ชีวิตวัยเด็ก โตมาในปั๊มน้ำมัน ต้องทำงานถึงจะได้เงิน 
  • พระเอกนักสะสมของเก่า ตั้งแต่ของเล่นยังรถโบราณ 


เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิง ที่ทำงานอยู่ในวงการนี้มาอย่างยาวนาน สำหรับพระเอกมากความสามารถอย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ ที่มีผลงานการแสดงการันตีว่าเขาคนนี้ว่าไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่ยังมีความสามารถรอบตัว 

แต่ถึงแม้ มาริโอ้ จะโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมาหลายสิบปี แต่ชื่อเสียงและความนิยมในตัวก็ยังไม่เคยแผ่ว มาริโอ้ค่อยๆ พัฒนาฝีมือทางการแสดงจากนักแสดงหน้าใหม่ จนปัจจุบันขึ้นแท่นเป็นพระเอกเบอร์ต้นๆ ของวงการบันเทิง และดูท่าว่าตำแหน่งนี้จะไม่ถูกโค่นลงง่ายๆ 

และวันนี้เราได้มีโอกาสที่ได้พูดคุยกับ มาริโอ้ ถึงเรื่องราวการทำงานในวงการ อัปเดตชีวิต ละพูดถึงของสะสมสุดรักสุดหวงของตัวเองผ่านทางรายการ THE STORY OF… ทางช่องยูทูบ Thairath Variety - ไทยรัฐวาไรตี้


ครอบครัวที่มาริโอ้รัก 

ผมโตมาในปั๊มน้ำมัน ช่วยแม่เติมน้ำมัน เก็บค่าจอดรถ ดูดฝุ่น โตมาในครอบครัวที่ต้องทำงานถึงจะได้เงิน ไม่ได้เป็นครอบครัวที่รวยอยู่แล้ว เป็นครอบครัวค้าขาย พ่อกับแม่ทำงานตั้งแต่ผมเด็กๆ ไม่หยุดเลย ก็รู้สึกว่า กว่าแม่กับพ่อจะหาเงินได้มันไม่ได้ง่าย เงินทองมันเป็นของมีค่า แล้วเราก็ต้องทำงานเหนื่อยแลกกับมันมา 

พอได้มีโอกาสได้เข้าวงการ ก็เริ่มจากงานแคส แล้วได้เล่นภาพยนตร์ พอเริ่มหาเงินได้สักพัก ก็เริ่มเก็บเงินไปช่วยคุณพ่อเรื่องโรงงาน ความรู้สึกตอนนั้นที่ช่วยครอบครัวได้ ก็จะหยิ่งๆ นิดนึงครับ ชูคอนิดนึง เรา 20 เอง เราซื้อโรงงานแล้วนะ แต่เราภูมิใจของเรา เพราะว่าเราเห็นคุณพ่อคุณแม่ทำมาตั้งแต่ยังไม่มีอะไรเลย ตั้งแต่ติดลบ แล้วเราก็ค่อยๆ ทำกันมา เราก็อยู่ตรงนั้นด้วย เราก็รู้สึกเป็นอะไรที่รู้สึกภูมิใจ ดีใจ ที่ได้ช่วยคุณพ่อคุณแม่ 

...


มาริโอ้ ศิษย์มีครู 

อาชีพนักแสดง เป็นอาชีพที่โอ้ยึดมาเกือบ 20 ปีแล้วครับ เป็นอาชีพที่ผมรักมาก และรู้สึกว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติและเป็นอาชีพที่ผมแฮปปี้มากที่ได้เป็นนักแสดง แล้วก็รู้สึกภูมิใจด้วยที่ได้ทำหน้าที่นี้ ตอนแรกที่ผมเข้ามา ต้องยอมรับว่าไม่ได้รู้เรื่องการแสดงเท่าไหร่ ก็มีการไปเรียนกับครูบางคน แต่ที่ทำให้ผมรู้จักวงการจริงๆ ก็คงจะเป็นหม่อมน้อยครับ อาจารย์ผม 

สิ่งที่หนึ่งที่อาจารย์ผมบอกไว้ก็คือ การแสดงมันไม่มีวันเรียนจบครับ เดี๋ยวผมไปเป็นตัวละครตัวใหม่ ผมก็ต้องไปเรียนรู้เขาใหม่ ต้องรู้จักตัวละครตัวใหม่อีก เพราะฉะนั้น มันไม่มีคำว่าเรียนจบ มันไม่มีคำว่าเต็มแก้ว มันมีแต่เต็มแล้วก็ต้องเททิ้ง แล้วก็ต้องเริ่มใหม่ 

คือตอนที่ผมเข้าไปเรียน ผมยังไม่รู้ว่า อาชีพการเป็นนักแสดงมันพิเศษยังไง แต่พอได้เจออาจารย์ หม่อมก็สอนให้รู้ว่า อาชีพนี้ศักดิ์สิทธิ์นะ แต่จะศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ที่ตัวเราเอง ถ้าเรามองว่าศักดิ์สิทธิ์ มันก็จะศักดิ์สิทธิ์มาก แต่ถ้าเรามองว่าเราแค่มาเล่นผ่านๆ ไปแค่เอาเงินมันก็จะได้แค่นั้น อันนี้ผมก็เริ่มคิดแล้วว่ามันจะพิเศษยังไง 

แต่พอเราได้รู้จักการแสดง การที่เราได้เข้าไปเป็นตัวละคร สิ่งที่คนดูหรือว่าผู้ชมได้รับจากการที่เราเป็นตัวละครตัวนั้น นั่นคือสิ่งที่ผมว่ามันพิเศษมาก เพราะว่าผมทำอาชีพผมอยู่ ผมเป็นตัวละครตัวนั้น แต่คนที่ดูที่บ้านอาจจะได้ข้อคิด อาจจะเปลี่ยนชีวิตเขาได้ เขาอาจจะคิดได้ว่าเขาทำแบบนี้ก็ได้ เอาง่ายๆ แค่เขาดูภาพยนตร์ผมแล้วหัวเราะ จากคนเครียดๆ มีเรื่องเครียด ได้ดูหนังเราแล้วหัวเราะ ผมว่านั่นคือกำไรของผมแล้ว และก็รู้สึกว่านั่นคือความพิเศษของอาชีพนักแสดงมากๆ 

คำหนึ่งที่หม่อมน้อยพูดบ่อยเลยว่า ถ้าเราเชื่อ คนดูก็จะเชื่อ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราไม่เชื่อ ไม่มีใครเชื่อเราเลย ขนาดตัวเรายังไม่เชื่อเลย มันดูเป็นคำง่ายๆ แต่มันลึกซึ้งนะครับ เพราะว่าการเป็นนักแสดงถ้าเราไม่เชื่อในตัวละคร เราเล่นผ่านๆ ยากมากที่คนดูจะรับรู้ถึงเคมี หรือแอคติ้งนั้น มันก็จะไม่รู้เลยว่าคุณคือตัวละครนั้นจริงหรือเปล่า เพราะตัวคุณเองยังไม่เชื่อเลย มันก็เลยเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับนักแสดงครับ คือความเชื่อ 


นักสะสมของเก่า

...

พ่อจะชอบพูดให้ฟังเกี่ยวกับรถเก่า รถโบราณ เพราะว่ามันเป็นยุคของเขา มันเป็นรถใหม่ตอนเขาเด็กๆ เขาจะชอบเล่าให้ฟัง อย่างแรกเลยก่อนที่จะหาเงินให้พ่อแม่ อยากได้รถโบราณ อันนี้คือความฝันของเราตั้งแต่เด็ก เข้ามาในวงการก็เก็บเงินทุกวัน ในหัวก็คือ อีกนิดนึงได้ล้อ อีกนิดนึงได้เครื่อง ได้ฝาแล้ว ได้เบาะแล้ว แต่นั่นคือความคิดตอนเด็กๆ ที่ออกไปทำงานครับ 

แต่ก่อนเคยคิดว่ามีแค่ 4-5 คันก็พอแล้ว แต่เดี๋ยวนี้มันเหมือนแบบเราชอบไปเรื่อบ พอเรารู้เยอะเราก็ชอบเก็บไปเรื่อย แต่ก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ใช่ของเราหรอก เราก็แค่ได้ดูแลมันตอนนี้ ก็ไม่เคยคิดว่าถ้าเราตายเดี๋ยวให้ช่วยฝังเข้าไปในโลงด้วยนะ ก็คงไม่ขนาดนั้น ก็คงแค่คิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เราได้มีโอกาสได้ดูแล เราก็จะดูแลให้ดีที่สุด และก็คงส่งต่อไป 

ถามว่ารถที่แพงที่สุดกี่หลักเหรอครับ 7 หลักก็มี และไม่มีใครดุผมเลย มีแต่ชมตัวเอง เก่งมาก เอาอีกๆ แต่แม่จะบอก พอแล้วมั้ง จะซื้ออะไรเยอะแยะ จะขับสักกี่คัน และส่วนใหญ่ผมจะขับเกือบทุกคันเลยครับ เพราะว่าซื้อมาแล้วไม่อยากจอดทิ้งไว้ 

พอเราได้มีโอกาสขับรถเก่าๆ เราก็อยากแต่งตัววินเทจ เราอยากจะใส่หมวกที่มันวินเทจ เราอยากจะไปยุคพ่อ เราอยากจะเป็นพ่อให้ได้เลย ใส่เสื้อเก่ากางเกงขาบาน ใส่กางเกงยีนส์ เป็นคล้ายๆ กับรถเก่า แต่รถเก่ามันซ่อมได้ แต่เสื้อผ้าเก่าบางทีเขาก็ไม่ค่อยซ่อมกัน เขาก็จะใส่ขาดๆ บางคนก็ เฮ้ย แพงจัง ทำไมมันขาดรุ่ยอย่างนี้ แต่มันเป็นสไตล์ครับพี่ บางทีมันต้องขาด ต้องรุ่ยหน่อย มันถึงจะเท่ ถ้าใส่มาเนี้ยบๆ นี่เพิ่งซื้อนี่ของเมื่อวานเลย

ผมชอบเสื้อผ้าวินเทจมาก เพราะมันมีรายละเอียดครับ ถ้าคนบ้ายีนส์เขาจะคุยกันเขาบอกว่า ยีนส์มันเป็น เขาเรียกว่ามันมีออร่าต่างกันครับ คือยีนส์ยุค 50s กับยีนส์ปีนี้ ต่อให้เป็นการเย็ยเครื่องเหมือนกัน แต่ออร่ามันไม่เหมือนกัน ผมก็งงเหมือกัน (หัวเราะ) ผมก็มีตัวเก่าๆ บ้าง แต่บางทีผมก็ยอมใส่อันที่เป็นรีโปรดักส์เหมือนโบราณเลย แต่ราคาถูกกว่า เพราะถ้าตัวโบราณแท้เลยบางทีมันหลายแสน แต่ของรีโปรบางทีมันแค่หลักหมื่น 

...



ผมชอบแจ็คเก็ตมากครับ สิ่งที่หมดเงินเยอะเลยคือแจ็คเก็ตครับ ชอบแจ็คเก็ตหนังมาก ไม่รู้เป็นโรคอะไร ประเทศไทยก็ร้อน ไอ้โอ้ก็ซื้อแจ็คเก็ตหนัง ตอนใส่ก็ต้องเปิดแอร์ในบ้านเดิน แม่ก็บอกว่า บ้าป่ะเนี่ย ผมก็บอกว่า ผมบิลด์เสื้ออยู่ครับแม่ (หัวเราะ) 

ผมมีเป็นราวเลย เป็นสิบกว่าตัว ซึ่งตัวหนึ่งมันหลายตังค์มากครับ แต่ชอบครับ แจ็คเก็ตไบค์เกอร์ก็ชอบ แจ็คเก็ตนักบินก็ชอบ อย่างแจ็คเก็ตหนังที่ผมสะสม มันก็จะมีอะไรที่แบบเราใส่มาหลายปี เราก็เพิ่งรู้ว่ามันมีไว้ทำไม อย่างแจ็คเก็ตมอเตอร์ไซค์ที่ผมใส่ มันจะมีรูตรงนี้ (ข้างหลัง) มีกระเป๋าแล้วมีรู สอดเข้าไปมือเจอกันได้ แต่พี่คิดออกไหมว่าเราจะมีมันไว้ทำไม เราจะเดินเอามือไขว้หลังสอดมือเหรอ อ๋อ ไม่ใช่ เขาเอาไว้ สมมติว่ามีสาวซ้อนหลังเมืองนอกมันหนาวใช่ไหมครับ แทนที่เขาจะกอดอย่างนี้มันก็หนาวไง (ทำท่าให้ดู) เขาก็สอดไว้ข้างหลังเสื้อผู้ชาย แล้วก็เกาะไว้ สมัยก่อน ตั้งแต่ยุค 50s เขาคิดมาหมดแล้ว และผมก็ใส่วนอยู่ในบ้านนั่นแหละครับ ไม่ค่อยมีใครเห็น (หัวเราะ) เพราะอากาศมันร้อน ใส่มาจั๊กแร้เปียก อันนี้ก็ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวเสื้อหนังมันจะเหม็น ไม่แขวนก็ต้องเป็นไม้ของเขา เป็นไม้อีกชิ้นห้อยอยู่ตรงราว เดือนสองเดือนผมก็ต้องไปหยดน้ำยาไล่แมลงไล่ปลวก เรื่องเยอะไหมพี่ (ยิ้ม) แต่มันไม่มีอะไรนะ มันก็แค่หยอดยาให้มอดหรือพวกที่มันชอบเข้ามาในผ้ามันออกไป มีการดูแลนิดนึง 

...

ซื้อของเก่ากลัวบ้างไหม แต่ก็มีหลอนนิดนึง บางทีซื้อตุ๊กตา ซื้อมาเยอะๆ แล้วแบบ มันมีชีวิตเปล่านะ มันจะมีตุ๊กตาของกางเกง LEE สมัยก่อนมันจะมีมาสคอตเป็นเหมือนเปเปอร์มาเช่ มันจะเป็นรูปเด็ก เป็นมาสคอต ตอนนั้นซื้อมาเยอะเพราะว่าอิน ซื้อมาเป็นสิบตัวเลย ปี 1920 และทุกอันมันต้องมีเจ้าของ ทุกอันตุ๊กตาพวกนี้มันจะมีรูปคุณยายตอนเด็กๆ นั่งด้วย ก็จะมีรูปเจ้าของ แต่ของผมไม่มี แต่ตอนที่ผมซื้อมาเยอะๆ ผมก็กลัว ผมนั่งอยู่คนเดียว ผมก็เมื่อกี้มันมองแบบนี้เปล่าว่ะ ผมนึกว่าตามันเปลี่ยน 


พี่สาว-น้องชาย

ผมกับพี่โชเราจะเหมือนครอบครัวกันมากกว่า จะไม่เหมือนเพื่อนร่วมงาน ก็จะมีความเป็นพี่น้องกันมากกว่า พี่โชเขาเป็นคนใจดี แต่ถ้าไม่ถูกใจก็จะเปลี่ยนเลย เปลี่ยนปั๊บเลย เขาก็จะคอยดูทุกอย่างให้เราครับ เป็นทั้งผู้จัดการและเป็นพี่สาวผมด้วย ก็จะคุยกันได้ทุกเรื่องนะครับ มีอะไรก็ปรึกษาเขา เขาก็จะเป็นพี่ที่น่ารัก คอยให้คำปรึกษาเรา เรื่องคิวแม้เขาจะลงคิวงานให้เราเยอะ แต่เขาก็มีวันหยุดให้เรา ผมจะไปลำบากที่ไหนก็จะพาเขาไปลำบากด้วย จะไม่ทิ้งกัน ถ้าเขาปล่อยผมไปคนเดียว ผมจะไม่ได้ พี่ต้องมาด้วย 

หรือบางทีมีข่าวไม่ดี หรือข่าวมากระทบเรา เขาก็จะคอยให้กำลังใจหรือว่าผมเครียด เขาก็จะคอยให้กำลังใจ แบบค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปนะ ไม่เป็นไรหรอก เราทำได้ เป็นกำลังใจของผมมากๆ เลย ถามว่าห่วงอะไรพี่โชไหม ไม่ห่วงครับ เพราะรู้สึกว่าพี่โชเขาดูแลตัวเองดี ไม่มีอะไรห่วงเขาเลย แต่อยากใ่ห้สุขภาพเขาดี เขาจะได้อยู่กับเราไปนานๆ ดีใจครับ และภูมิใจที่มีเขาเป็นพี่และแฮปปี้ที่ได้ทำงานกับเขามาตลอด 


ฟู้ดทรัค ลัก(รัก)หมูเด้ง

ในเรื่องผมชื่อมะเหมี่ยวครับ เป็นทีมเสียง เป็นบูมแมน ก็ต้องเรียนรู้ว่าการเป็นบูมแมนด้วย สำหรับเรื่องนี้มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในกองถ่ายด้วย ในเรื่องมะเหมี่ยวก็จะชอบทำ ASMR ส่วนหมูเด้งมันจะเป็นกิมมิกของเรื่องอยู่แล้วว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนรัก คนทั้งโลกรัก ในเรื่องมีคนเขาชอบหมูเด้งมากๆ มันก็เลยต้องไปหาหมูเด้งกัน และด้วยความที่แจ็คเขาทำฟู้ดทรัค เอารถฟู้ดทรัคไปทำอาหาร มันก็เลยมีการเดินทางครับ เพื่อออไปข้างนอกไปหาอะไรบางอย่างกับรถฟู้ดทรัค

ซึ่งเรื่องนี้ต้องเอาคิวหมูเด้งเป็นหลัก คิวโอ้มาทีหลัง เอาคิวหมูเด้งวางก่อนเลย หมูเด้งว่างเมื่อไหร่ หมูเด้งให้ช่วงเวลาไหน คือหมูเด้งเขาจะมีช่วงเวลาที่เขาออกมา ตอนที่เราไปถ่ายเราก็ต้องดูคิวหมูเด้งเป็นหลัก ฟ้าฝนก็ไม่ค่อยเป็นใจหลายวันเลย วันที่หมูเด้งถ่าย ฝนตกด้วย ผู้กำกับผมงุ่นง่าน ยังไง จะทันไหม ยังเหลืออีกตั้งหลายฉาก สำหรับเรื่องนี้มันค่อนข้างอบอุ่นครับ มีเรื่องของเด็กๆ มันค่อนข้างน่ารัก และการทำงานก็ราบรื่นไม่ค่อยติดขัดเท่าไหร่ 

สำหรับ ฟู้ดทรัค ลัก(รัก)หมูเด้ง ก็จะเข้าโรงภาพยนตร์วันที่ 28 สิงหาคมนี้เป็นหนังอีกเรื่องที่ผมภูมิใจมากๆ ที่ได้มาเล่นหนังของผู้กำกับแจ็คนะครับ ผมเชื่อว่ามันจะเป็นภาพยนตร์ที่อบอุ่นและน่าจะถูกใจคนไทยทุกคน