“แสตมป์” ขอจบทุกปัญหา โพสต์เฟซบุ๊กขอโทษทุกคน ยอมรับนอกใจภรรยาจริงและเสียใจที่สุดกับการพูดบนเวทีเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ไม่ครบทุกประเด็น ทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง ยอมรับคิดน้อยมากเกินไปและผิดพลาดที่สุด เพราะไม่คิดจะมีคนขุดคุ้ยตัวละครที่เอ่ยไว้มาเปิดเผยในที่สาธารณะ ทำคนเดือดร้อนเป็นวงกว้าง ด้าน “ทนายเดชา” ยันสาวคู่กรณี “แสตมป์” พอใจคำแถลงขอโทษแล้ว ไม่ติดใจอะไรอีก จึงขอยุติเรื่องทั้งหมด ยกเว้นคดี ม.112 ให้เป็นหน้าที่ของกองทัพจะดำเนินการอย่างไร ย้ำไม่มีการขู่หรือยัดข้อหา เป็นสิทธิของประชาชนที่จะต้องปกป้องสถาบัน ส่วน “ภูมิธรรม” สั่งสอบข้อเท็จจริงก่อน ขออย่าด่วนสรุป

กลายเป็น “ดราม่า” 3 วันติดหลังจากแสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข นักร้องดังออกมาพูดประเด็นร้อน นิว-จีรสุดา ศรีวัฒน์ ภรรยา ถูกคุกคามจากซาแซง (คลั่งศิลปิน) จนไม่ได้ทำงานเป็นปี ในขณะที่ “แก๊ป” นายจิรพัฒน์ ซาวด์เอ็นจิเนียร์ วงทิลลี่ เบิร์ดส แฟนหนุ่มของ “แจม” คู่กรณีของแสตมป์ ออกมาโพสต์ พร้อมงัดหลักฐานเอกสารการฟ้องร้องมาเผยแพร่ในอินสตาแกรม จนเรื่องราวส่อเค้าบานปลาย จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 ม.ค. แสตมป์-อภิวัชร์ ได้ตัดสินใจออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความขอโทษทุกคน ยอมรับเป็นคนนอกใจภรรยาจริง

โดยแสตมป์ระบุว่า ผมขอโทษทุกคนด้วยความเสียใจอย่างที่สุด ที่ผมพูดบนเวทีในวันที่ 15 มกราคม ไม่ครบทุกประเด็น ทำให้เกิดความเสียหายออกไปในวงกว้าง ทั้งกับตัวบุคคลและวงดนตรีต่างๆมากมาย เป็นความผิดพลาดที่สุดของผม ที่ผมเลือกเว้นประเด็นที่เป็นสาเหตุตั้งต้นที่แท้จริงของปัญหาทั้งหมดที่หลายคนกำลังเดือดร้อนอยู่นี้ นั่นคือ การนอกใจภรรยาของผมเอง ผมมีเจตนาที่จะใช้เวทีนั้นเป็นสื่อกลางส่งสารไปยังคนจำนวนหนึ่ง เพื่อแจ้งให้เขาทราบว่า ภรรยาของผมเดือดร้อนและมีความกังวลจากเรื่องอะไรบ้าง และแจ้งให้คนจำนวนหนึ่งทราบเกี่ยวกับผลของศาลที่แท้จริงที่เราเข้าใจว่าถูกบิดเบือนในสังคมอยู่ในขณะนั้น จึงใช้วิธีการเล่าแบบไม่ได้ระบุชื่อตัวบุคคล หลีกเลี่ยงประเด็นที่เป็นสาเหตุแท้จริง แต่สิ่งที่ผมคิดน้อยมากเกินไป และผิดพลาดที่สุดก็คือ ผมไม่ได้คิดไปถึงเลยว่าจะมีคนขุดคุ้ยมา เปิดเผย ในที่สาธารณะว่าตัวละครที่ผมเล่าไปจะเป็นใครบ้างในชีวิตจริง จนมีคนเดือดร้อนกันเป็นวงกว้างได้ขนาดที่เป็นอยู่นี้

...

ผมขอโทษน้องๆ วง Tilly birds เติร์ด บิลลี่ ไมโล และทีมงาน ที่ทำให้พวกเขาเดือดร้อนมาอย่างยาวนาน จากปัญหาที่ผมสร้างขึ้นมาเองในครอบครัว และทำให้พวกเขาถูกเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง ผมขอโทษน้องๆจริงๆครับ สิ่งที่เราสู้รบกันจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าผมซื่อสัตย์ต่อภรรยาผมตั้งแต่ต้น ผมขอโทษ คุณโอม Cocktail ที่มีการพาดพิงถึงในเรื่องเล่าของผม จนพลาดวันสำคัญในชีวิตไป ผมขอโทษนักร้องนักดนตรีทุกคน หรือใครก็ตาม ทีมงาน โบกี้ไลอ้อน วิว โทนี่ วง moving and cut วงมีน พี่จี๊บ LOVEiS คุณจ๋าย ไททศมิตร และทุกๆคน ที่ติดร่างแหไปจากการเล่าเรื่องของผม ผมขอโทษคู่กรณีของผมและภรรยา และครอบครัวของพวกเขา ผมยอมรับว่าเคยมีความสัมพันธ์กับแจมในอดีตจริง และได้จบไปแล้ว และได้ละเว้นประเด็นนี้ไว้ในเรื่องเล่า จนคนเข้าใจผิด เอาใจช่วยผมไปในเรื่องที่ผมบิดเบือนว่าแจมเป็นเพียงแฟนคลับที่มาติดตาม เรื่องของการคุกคามและข่มขู่ด้วยคดีทางการเมือง ผมยังยืนยันว่าเคยเกิดขึ้นจริง หากแต่ปัจจุบันได้หยุดลงไปแล้ว และผมได้เล่าเรื่องเหล่านี้เพื่อให้หน่วยงานต่างๆมาคุ้มครองดูแล

เรื่องของคดีความ ผมฟ้องแก๊ปกับแจมในคดีร่วมกันหมิ่นประมาท แยกเป็นแพ่งและอาญา รวม 3 คดี ผมถอนฟ้องให้ทั้งหมดเนื่องจากถูกข่มขู่ด้วย ม.112 ซึ่งมีพยานวัตถุเป็นแชต ส่วนภรรยาผมฟ้องคดีมือที่สาม และจบลงด้วยการได้รับค่าชดใช้หนึ่งล้านบาทจากแจม ผมขอโทษแฟนเพลงและทุกคนในสังคม ที่ผมได้มีการทำตัวในสิ่งที่ไม่เหมาะสมลงไป ผมขอสัญญาว่าต่อจากนี้จะใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทและครองสติอย่างดีที่สุด ที่สำคัญที่สุด ผมขอโทษนิว ภรรยาของผมและครอบครัว และขอบคุณที่ยังให้โอกาสผมในการเริ่มต้นใหม่ ผมขอโทษทุกคนจริงๆครับ ผมขอน้อมรับทุกความผิดที่เกิดขึ้นครับ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อนครับ

ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน แก๊ปได้ออกรายการ “โหนกระแส” ยืนยันแจมแฟนสาวไม่เคยคบหาแสตมป์ เชิงชู้สาว ตนเคยทะเลาะกับแฟนเรื่องนี้เกิน 50 ครั้งและเชื่อที่แฟนสาวพูด ส่วนเรื่องการฟ้องร้องที่เกิดขึ้นเพราะฝั่งภรรยาแสตมป์ เข้าใจว่าแจมเป็นชู้ และแสตมป์เป็นคนทักแฟนตนมาก่อน จากนั้นแจมได้โทรศัพท์เข้ามา (โฟนอิน) ในรายการยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าตนไม่ได้คบหาดูใจแสตมป์ ขณะเดียวกัน ทางรายการได้ติดต่อแสตมป์ โดยเจ้าตัวได้โฟนยอมรับตนคบกับแจมจริงๆ และแจมไม่ได้เป็นสไตล์ลิสต์ เป็นแค่ฉากบังหน้า เพราะความจริงคือเรื่องชู้สาว เป็นตำแหน่งที่อุปโลกน์ขึ้นมาเท่านั้น

อีกด้านหนึ่งนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ได้ออกมาแถลงข่าวกรณีคู่กรณีของนักร้องหนุ่มแสตมป์จะแถลงถึงเรื่องดังกล่าวที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ แต่ได้ยกเลิกการแถลงแล้ว เนื่องจากพอใจในโพสต์คำแถลงขอโทษของแสตมป์

แต่ในส่วนของคดี นายเดชาระบุว่า จากการประชุมกับทีมที่ปรึกษาของครอบครัวฝ่ายคู่กรณี มีทั้งหมด 4 คดี ที่ทางแสตมป์และภรรยาฟ้องมา คดีแรก ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี คดีอาญาหมิ่นประมาท แสตมป์เป็นโจทก์ฟ้อง คดีที่ 2 ศาลแขวงดุสิต คดีหมิ่นประมาท คดีที่ 3 ศาลแพ่งเรียกค่าเสียหาย 2 ล้านบาท และคดีที่ 4 ศาลเยาวชนกลาง เป็นคดีของภรรยาแสตมป์เรียกร้องค่าเสียหายฟ้องชู้ ซึ่งมีการถอนฟ้องทั้งหมด 3 คดีในคดีหมิ่นประมาท ส่วนคดีที่ศาลเยาวชนกลางศาลไกล่เกลี่ย จำยอม ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้วทั้งหมด ทั้งนี้ หลังจากที่นักร้องหนุ่มแถลงขอโทษแล้ว เขาก็ไม่ได้ติดใจอะไรอีก จึงขอยุติเรื่องทั้งหมด ยกเว้นคดี ม.112 ซึ่งตอนนี้ไปไกลมากแล้ว ไปถึงกองทัพ ซึ่งเขาต้องไปให้การต่างๆอยู่แล้ว หลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของกองทัพว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งอาจจะต้องไปสอบถามทางกองทัพ

นายเดชาระบุอีกว่า จากการสอบถามทางครอบครัวของคู่กรณีแสตมป์ยืนยันว่า ไม่มีการขู่เรื่อง ม.112 หรือยัดข้อหา แต่อาจจะมีการแจ้งให้เห็นว่าการพูด การแสดงความคิดเห็นบางอย่างนั้น หมิ่นเหม่ในการละเมิดสถาบัน ซึ่งอันนี้ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการแจ้งถึงว่าการกระทำนี้หมิ่นเหม่ ในเรื่องมาตรา 112 ซึ่งเป็นสิทธิของประชาชนที่จะต้องปกป้องสถาบัน มันเป็นคดียอมความไม่ได้ ต้องว่าไปตามกฎหมาย พร้อมระบุด้วยว่าทางคุณพ่อคู่กรณียืนยันว่า ไม่ได้มีการไปเจอแสตมป์ หรือไปข่มขู่ คุกคามด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หากทางนักร้องหนุ่มพูดพาดพิงถึงอีก อาจจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ถ้าไม่ได้พาดพิงทำให้เสียหาย ก็จบกันไป

...

วันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายก รัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีนายอภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข หรือแสตมป์ นักร้องดัง ออกมาระบุว่าถูกนายพลข่มขู่จะยัดคดีมาตรา 112 ว่า เรื่องนี้โฆษกกองทัพบกได้ออกมาพูดแล้ว ให้เป็นไปตามกระบวนการ ถ้าตรวจสอบแล้วเป็นการข่มขู่จริง ให้กองทัพบกไปดำเนินการ ส่วนที่มีการนำเรื่องมาตรา 112 มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองนั้น เป็นมานานแล้ว มีทั้งเป็นเครื่องมือและมีทั้งการไปละเมิดจริง ต้องว่าไปตามกระบวนการ เรื่องนี้ต้องพูดบนฐานข้อเท็จจริง ยังไม่ชัดเจน เป็นเพียงข่าวขึ้นมา และทางกองทัพเปิดให้มีการสอบสวน และให้มีการร้องขอมาอยู่แล้ว เพียงแค่กรณีเดียวอย่ามาบอกว่ากองทัพมีปัญหา ขอให้ไปดูตามข้อเท็จจริง ต้องไปดูว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร ไม่อยากให้เอาประเด็นใดประเด็นหนึ่งแล้วมาบอกตำรวจทำอย่างนั้น กองทัพทำอย่างนี้ ต้องมาดูข้อเท็จจริง ไม่อยากให้สรุปเร็วเกินไป

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่