หลังจากที่มีข่าวว่าอัยการฟ้อง 17 ผู้ต้องหาคดีดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งรวมไปถึงบอสดาราอย่างพิธีกรหนุ่ม กันต์ กันตถาวร แต่ไม่ฟ้อง 2 บอสดาราอย่างนางเอกสาว มิน พีชญา วัฒนามนตรี และนักแสดงหนุ่ม แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี และมีข่าวว่าทั้ง มิน-แซม จะได้รับการปล่อยตัว บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ขอย้อนบทสัมภาษณ์ของ มิน-แซม ถึงกรณีดังกล่าว

โดย แซม ยุรนันท์ แถลงข่าวเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวในวันที่ 9 ต.ค. 2567 ณ เบเนดิกต์ สตูดิโอ โดยบอกว่า ตนเพิ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่ถึงปี ที่เข้ามาอยู่เพราะตนกับพอล (วรัตน์พล วรัทย์วรกุล) เรียนหลักสูตรด้วยกัน ตนเป็นประธานรุ่น ทำกิจกรรมด้วยกันบ่อย มีโอกาสไปเยี่ยมธุรกิจดิไอคอน ก็เกิดความว้าว เพราะเป็นธุรกิจขายของออนไลน์ที่มีระบบชัดเจน เคยถูกเชิญไปงานมีการโปรโมตผู้ประสบความสำเร็จ เห็นคนที่เข้ามาในงานมีความหวังจะได้โอกาสดีๆ ในชีวิตต่อไป เป็นสิ่งที่น่าสนใจ

จากนั้นมีโอกาสคุยเรื่องดิไอคอน อยากผลิตสินค้าออกสู่ตลาดโลก เพราะว่ามีตัวแทนขายในประเทศไทยหลายหมื่นคน มีตัวแทนระดับนานาชาติอีกหลายประเทศ ตนมองว่าเป็นการดีที่จะนำความรู้ที่มีมาพัฒนาสินค้าให้มีบรรทัดฐานระดับสากล เขาจึงเสนอมาให้ตนมาช่วยดูเรื่องสินค้าให้เติบโตในระดับนานาชาติ

...

เรื่องการให้ตำแหน่งคือการให้เกียรติมากกว่า เหมือนเราเป็นผู้ใหญ่ในบริษัท ตนอยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ ให้ตำแหน่งหน้าที่มา แต่ไม่ได้ให้อำนาจในการตัดสินใจ เพราะว่าเป็นระบบบริษัท แรกๆ ไม่ชิน เพราะไม่เคยเป็นลูกจ้างใคร เราก็อยู่ในเซฟโซนของเราที่เป็นคลินิกหรือโรงพยาบาลของเรา ถึงแม้จะเป็นแค่หุ้นๆ หนึ่ง แต่ก็เป็นผู้บริหารที่มีอำนาจตัดสินใจได้ ส่วนอีกหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายทุกวันอาทิตย์คือคลาสสินค้า แต่ตนจะพูดเสมอว่า ตนให้ข้อมูล ส่วนการตัดสินใจจะดำเนินธุรกิจอะไรต่อไป เป็นเรื่องของส่วนบุคคล เรามีหน้าที่ให้ข้อมูลเท่านั้น

กับกระแสข่าวดิไอคอนเป็นธุรกิจหลอกลวง ตนอยากรู้ว่ามันหลอกลวงยังไง ไม่เคยพูดคุยกับผู้เสียหายโดยตรง และไม่เคยมีเสียงสะท้อนมาถึง ตอนที่มาอยู่ดิไอคอน เราก็ได้เอกซเรย์ดูว่าจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ มีใครเป็นผู้ถือหุ้นบ้าง ตนดูละเอียดมากพอสมควร ด้วยอายุเยอะแล้ว ไม่อยากพลาดตอนแก่ ทำธุรกิจประเภทไหน เป็นแชร์ลูกโซ่หรือเปล่า

เพิ่งมาเห็นข่าว ก็รู้สึกว่ามันมีอีกมุมหนึ่งด้วยเหรอ เราก็ช็อกเพราะข้อมูลมุมนี้เราไม่เคยเห็น พอเห็นข่าวบางคนถึงขนาดล้มละลาย เรายังรู้สึกว่ามันเรื่องจริงเหรอ เพราะมันคนละด้านกันเลยที่เรารับรู้ได้ ก็เลยตกใจ

เราเข้าใจอยู่แล้วว่า คนซื้อของไป 100 คน ทุกคนจะขายดีทั้งหมดมันเป็นไปไม่ได้ คนที่ขายไม่ได้เขามีปัญหาอะไร ก็ต้องมีการพูดคุย ขณะเดียวกัน ตนจะปัดความรับชอบว่าไม่เกี่ยวก็ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คนซื้อไปใช้เพราะเชื่อตน มั่นใจว่าเอาไปขายเพราะเชื่อตนมันก็มีส่วน ตนปัดรับความชอบไม่ได้ แต่ความรับผิดชอบของเรามันไปถึงไหน ตอนนี้เรื่องผิดถูกเอาไว้อีกเรื่อง แต่คนเดือดร้อนจนเขาไม่มีจะกิน มีปัญหามากมาย ตรงนี้ต้องเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาเรื่องผิดถูกอีกเรื่องหนึ่ง

ในขณะที่ มิน พีชญา เคยแถลงข่าวเปิดใจถึงเรื่องนี้เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2567 ณ โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา โดยบอกว่า ตนเป็นผู้รับจ้างในฐานะผู้บริหารฝ่ายสื่อสารองค์กร มีสัญญาจ้างชัดเจน ซึ่งคนในบริษัทเรียกว่าบอส เพราะเป็นคำที่ให้เกียรติ ในส่วนของมินคือบริหารจัดการ ในสัญญา ตำแหน่งดังที่ปรากฏในข่าว ต่างจากบริหารคือเป็นพีอาร์ในส่วนผลิตภัณฑ์และสินค้า ในส่วนของการทำงานด้านพีอาร์ จะได้ค่าตัวเท่ากับการเป็นพรีเซนเตอร์ทั่วไป มีสัญญาชัดเจน

...

หน้าที่ของมินคือพรีเซนต์สินค้า ซึ่งเป็นพรีเซนเตอร์ สองการพีอาร์คือต้องไปอยู่ในงานและพีอาร์ผลิตภัณฑ์ของบริษัทตามงานต่างๆ ที่บริษัทแจ้งมา เพิ่งร่วมงานบริษัทดิไอคอนได้ปีกว่า บริษัทเปิดมาแล้ว 6 ปี แต่ตนเพิ่งเข้ามาเมื่อต้นปีที่แล้ว ทำสัญญาปีต่อปี วันที่ก้าวเข้ามาที่ดิไอคอนก็ได้รับข้อมูลเหมือนทุกๆ คน ก็ตรวจสอบว่าบริษัทจัดตั้งถูกต้องไหม ผลิตภัณฑ์ก็เอามาลองใช้จริง และมินไม่ใช่พรีเซนเตอร์คนแรกที่มาร่วมงาน มีคนดังเกือบ 10 ท่านที่มาร่วมงานอยู่แล้ว พอเห็นข้อมูลก็ตรวจสอบตามที่คนคนนึงจะตรวจสอบได้แล้ว

ก่อนที่ มิน พูดเสียงสั่นเครือว่า แต่ก็ยังโทษตัวเองว่าตรวจสอบไม่ดีพอ ทำให้เกิดความเสียหายกับประชาชน ยอมรับว่าตกใจมาก พยายามตั้งสติและตั้งรับ ที่เสียใจเพราะมีผู้เสียหายเกิดขึ้นและสงสารเขามาก อยากยืนเคียงข้างประชาชน อยากรู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง เรื่องแผนการจ่ายเงิน การทำทีม แผนการขาย ไม่ใช่หน้าที่ของมิน ตัวมินเองไม่ได้ลงไปถึงการขาย ต่อให้มินตรวจสอบแล้วแต่ก็ยังไม่มากพอและครอบคลุม ก็เป็นสิ่งที่โทษตัวเองว่าเราพลาดจริงๆ ก็ต้องขอโทษ 

...

ถามว่าใครชักชวนเข้ามาที่ดิไอคอน เดิมทีพี่เอส ผู้จัดการ ได้รับการติดต่อให้มินมาเป็นพรีเซนเตอร์เซรั่ม มินก็เข้าไปเจอเมื่อต้นปีที่แล้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่มินได้เจอคุณพอล ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วคุณพอลบอกว่าอยากให้เป็นมากกว่าพรีเซนเตอร์ อยากให้มีส่วนในการเป็นพีอาร์ มินก็ไม่ได้รีบตัดสินใจเพราะมินไม่เข้าใจ มินคิดทบทวนหลายเดือน และลองทานโปรดักต์เรื่อยๆ หลังจากนั้น 3 เดือนผู้จัดการก็ถามว่าจะรับงานนี้ไหม พอมินไม่เข้าใจก็ไม่รีบ มินคิดว่าถ้าต้องมาเป็นพรีเซนเตอร์เยอะขนาดนี้มินไม่แน่ใจ พี่เอสว่ายังไง สุดท้ายก็คิดว่าลองดูกับเขาสักปีแล้วกัน

จากนั้นเราก็ตัดสินใจร่วมงานในฐานะผู้ถูกจ้างเป็นพนักงาน เป็นพรีเซนเตอร์และพีอาร์ ย้ำว่าไม่มีหุ้น ไม่เคยลงทุนกับบริษัทดิไอคอนแต่อย่างใด เป็นแค่ลูกจ้าง ในส่วนสินค้า มินเคยลองใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด จึงให้ใจกับบริษัท พอเกิดเรื่องมินเสียใจมาก จึงขอยุติสัญญา มินขอเลือกข้างประชาชน ต่อให้ยังไม่ตรวจสอบก็ต้องเลือกความถูกต้อง มินไม่หนีไปไหน และจะรวบรวมพยานหลักฐานในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

...

เรื่องตำแหน่ง CCO ถามว่าเขาแจ้งมาก่อนไหมว่าจะโปรโมต มิน บอกว่า ตำแหน่ง ผู้บริหารจัดการฝ่ายสื่อสารการตลาดออนไลน์ ตามตำแหน่งในสัญญาตรงกัน ซึ่งตนทราบว่าเขาจะโปรโมตเพราะว่าเขาบอกว่าจะขึ้นตำแหน่งนี้เพื่อเป็นการให้เกียรติ อย่างคำว่าบอสเป็นตำแหน่งที่เขาใช้เรียกเพื่อเป็นเกียรติให้เรา แต่ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้น ผู้ลงทุนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ยืนยันว่าไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับผู้เสียหายมาก่อน

คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม