นักแสดงสาวจิตอาสา “ต่าย สายธาร” ที่วันนี้ออกมาประกาศกำลังคบผู้สื่อข่าวช่องดัง “ตั้ม ผดุง” แถมตอนนี้ยังคลั่งรักแบบสุดๆ พร้อมย้อนเล่าจุดเริ่มต้นรักครั้งนี้ได้มาเพราะเพื่อนเป็นพ่อสื่อ รวมไปถึงความประทับใจพาไปเจอ “แม่สีดา” ผ่านทางรายการ “คุยแซ่บ Show” ทางช่อง One31 ที่มี หนิง ปณิตา, ซินแสเป็นหนึ่ง และ เอส กันตพงศ์ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
คุณตั้มเป็นแฟนคลับของคุณต่ายจริงหรือเปล่า?
ตั้ม : จริงครับ ตั้งแต่หนังเรื่องแรกๆ ที่ต่ายเล่น ปลื้มที่เขาสวยมาก
เคยเจอกันแล้วสมัยก่อน เคยเจอที่ไหนคะ?
ตั้ม : เคยเจอที่รายการ ตอนนั้นเป็นบรรณาธิการ เขาจำไม่ได้ แต่เราจำได้ทุกอย่างเลย
ทำไมตอนนั้นไม่จีบไปเลย?
ตั้ม : คือตอนนั้นเราขี้อาย จีบผู้หญิงไม่ค่อยเก่ง ตอนแรกที่เขามาออกรายการแล้วก็นั่งมองเขาอยู่ แต่เขาค่อนข้างจะวิชาการหน่อยนึงเพราะตอนนั้นเขาเพิ่งไปช่วยคดีแตงโมมา วันนั้นเราก็นั่งฟังนั่งยิ้ม ทีมงานมองมาเราก็นั่งยิ้ม
...
ตอนเจอเขาครั้งแรกมีความคิดไหมว่าจะจีบเขา?
ตั้ม : ไม่เคยเลย ไม่ได้อยู่ในหัวสมองด้วย เพราะว่าเรามันคนธรรมดา และเขาเป็นดาราด้วยระดับนางเอก ตอนนั้นรู้ว่าชอบแต่ไม่กล้าคิด
เจอดารามาก็เยอะ ทำไมต้องไป “ต่าย สายธาร” คนเดียว?
ตั้ม : คือเราชื่นชอบเขามาตั้งแต่วัยเด็ก แอบชอบเขามาตั้งแต่ตอนเป็นดาราแรกๆ
แล้วได้มาคุยกันเพราะอะไร เห็นว่ามีพ่อสื่อ?
ตั้ม : เพื่อนของผมเป็นพ่อสื่อให้วันนั้นไปดูคอนเสิร์ต “เสก โลโซ” พอดีเจอเพื่อนอยู่บนเวทีพอดีก็เลยโทรเรียกเพื่อนลงมาหน่อย จะให้ลงมาคุยกันเพื่อนก็บอกว่าตั้มโสดนิ ต่ายก็โสด
ตอนนั้นคิดไหมว่าเป็น “ต่าย สายธาร” คนที่เขาบอก?
ตั้ม : คิดครับเพราะเขาถ่ายรูปด้วยกันบ่อย เขาก็ไม่รู้ว่าผมแอบชอบต่ายอยู่ถามโดยไม่รู้เลย พอเขาพูดก็รู้สึกฮึกเหิมแบบมีพ่อสื่อ แล้วเขาก็โทรไปหาต่ายเลยให้รับเฟซผม ให้รับเพื่อนทันทีเลย
เมื่อสามเดือนที่แล้วยังให้สัมภาษณ์ว่าอยู่คนเดียวได้?
ต่าย : อดีตที่พี่พูดให้ลืมไปให้หมด
พอพี่กบบอกให้รับเฟซพี่ตั้ม ทำไมถึงรับเลย ไม่ลีลาหน่อย?
พี่ต่าย : ก็รับเลย คือกบอ่ะเขาบอกว่านี่คือโค้งสุดท้ายของชีวิตแล้วนะ แล้วก็บอกว่าอย่าพึ่งคุยไปรับแอดเขาก่อน คนนี้นะ แล้วก็ส่งโปรไฟล์มาให้ดู และใช้แชตเฟซคุยกันก่อน ตอนที่เห็นก็ได้นะ
ตอนที่เห็นมีไปให้เพื่อนหรือคนรู้จักช่วยดูโปรไฟล์มั้ย?
ต่าย : ตอนนั้นต่ายอยู่คนเดียวแล้วก็เขาอยู่กับเพื่อน เพื่อนก็บอกให้รับเลย ก็คุยกันเลยอะไรอย่างเงี้ย
แล้วใครทักใครก่อน?
ตั้ม : ผมทักก่อน ก็ทักไปว่าสวัสดีก่อน มาในแนวนอบน้อมก่อน และเพื่อนที่ชื่อกบเขาก็คุยให้ก่อนว่าต้องคุยกับตั้มนะ เขาก็คุยให้ก่อนประมาณนึง เราก็เริ่มคุยกัน
คุยกันกี่วันถึงจะเปิดแชตวิดีโอคอล?
ต่าย : วันเดียว (หัวเราะ)
ตั้ม : วันเดียวเลยครับ
ทำไมอยู่ๆ ถึงให้เขาเปิดกล้อง?
ต่าย : คือแบบ.. มันจะมีประโยคที่กบคอยย้ำ เออเนี่ยโค้งสุดท้ายแล้วลองสักตั้งละกัน ไม่รู้ตอนนั้นมันอาจจะคลิกด้วยแหละเพราะว่าเออก็มีความรู้สึกว่าอยากคุยนะ ทั้งๆ ที่ต่ายจำเขาไม่ได้จำไม่ได้ว่าเราเคยไปออกรายการอะไรด้วย เขาก็ทักมาแล้วก็คุย คุยไปคุยมา วันที่เขาไปดูคอนเสิร์ตเขาก็จะไปดู แต่เขาก็ไม่ได้ดูแล้วก็คุยกันอีกวันนึงก็วิดีโอคอลคุยกันจนตี 3-4 คือถ้ามี 24 ชั่วโมงเราก็คุยกันไป 22 ชั่วโมงแล้ว
แล้วกี่วันนัดเจอกัน?
ตั้ม: ไม่กี่วันครับ ตอนนั้นผมเสนอตัวไปถ่ายละคร ผมก็เลยบอกว่าเดี๋ยวไปรับ เพราะว่าเขาเลิกดึกสี่ทุ่ม
แล้วพี่ต่ายว่ายังไง?
ต่าย: เอาจริงๆ นะ ตอนนั้นก็ปรึกษาเพื่อนๆ ในกองถ่าย เพื่อนรักช่างแต่งหน้า เขาก็บอกว่าแม่ต้องให้เขามานะ ซึ่งต่ายก็ไม่มีฟีลนั้นมานาน ที่มีคนมารอรับที่กอง
พอเปิดประตูมาเจอกันครั้งแรกพูดว่าอะไร?
ต่าย: เรายกมือไหว้เขา (หัวเราะ) คนมีมารยาท เราเจอเขาเราก็สวัสดี ตอนนั้นก็เขินๆ บรรยากาศเป็นสีชมพู คือตอนไปกองถ่ายเขาก็วิดีโอคอลมา แต่วันนั้นเราถ่ายทั้งวันก็ไม่ค่อยได้คุยเท่าไหร่ บทก็ยาวมาก ก็ส่งมาให้เขาดูขอกำลังใจเพราะเราไม่มีอะไรคุย
แล้วพอเลิกกองก็ไปทานข้าวกันต่อ แล้วคุณทำอะไรหลังจากนั้น?
ต่าย: ก็ตอนนั้นคุณตั้มเขาไม่ทราบเลยว่าเราอ่ะนัดคุณแม่สีดากับเพื่อนๆ ทีมงาน นัดไว้ประมาณ 5 คน แต่พอไปถึงมีเป็น 10 เยอะค่ะ
...
จริงๆ ตอนนั้นคิดว่าเดตกันสองคนหรือเปล่าพี่ตั้ม?
ตั้ม: ตอนนั้นคิดว่าไปกันสองคน ไม่คิดว่าจะถูกซ้อนแผน ตอนเข้าไปก็ยิ้มก่อนเลย ไม่คิดว่าจะได้เจอแม่สีดา เขาก็พูดว่านี่หรือลูกเขยฉัน พูดคำนี้เลย เราก็ตอบไปว่า ‘ใช่ครับ’ ตอนนั้นต่ายก็ไปเข้าห้องน้ำทิ้งผมเลย
ต่าย: คือตอนนั้นพี่ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะเริ่มยังไง ก็เลยเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า ตอนนั้นทีมงานก็ถามว่าพี่เขย แม่ก็ถามว่านี่ลูกเขย แต่เขาอยู่เป็น
เห็นว่าพี่ต่ายเตรียมมากกว่าคำพูด นั่นคือการร้องเพลง?
ต่าย: ไม่ได้เตรียมนะคะ วันนั้นเนี่ยก็กึ่มๆ ด้วยแหละ ก็เป็นเพลงแพ้ใจ ก็ไม่คิดว่าจะมาร้องให้ใครฟัง
แม่สีดาคุยอะไรกับพี่ ตอนที่พี่ต่ายแวะเข้าไปห้องน้ำ?
ตั้ม: เขาก็ถามว่านี่เหรอลูกเขย เราก็ตอบไปว่าครับ แล้วก็นั่งคุยกัน แล้วก็ถามไปรับเขาจากไหนมา รอนานไหมล่ะ ไม่ดุ วันแรกที่ไปเขาก็ซีเรียสนะ
วันแรกที่เจอกันเห็นว่าตกลงเป็นแฟนกันเลย?
ต่าย: วันแรกที่เจอกันมันเบลอไปหมด มันวิ้งๆ ไปหมด คือด้วยความที่คุยกันตั้งแต่วันแรกที่ทักแชตมา แทบไม่ได้วางโทรศัพท์เลยอะค่ะ คุยวิดีโอคอลคุยตอนไปต่างจังหวัด เขานั่งรถตู้ไปก็คุยกันตลอด
...
วันที่พาพี่ตั้มไปเจอแม่สีดา แม่เขามีพูดอะไรไหมหรือเป็นห่วงอะไรไหม?
ต่าย: ส่วนมากแม่จะบอกว่าต่ายทำตัวใหม่นะลูก ผู้หญิงนะลูก ทุกวันนี้เราก็เป็นผู้หญิงนะแม่ เมื่อคืนนี้แม่เองก็มานอนด้วย ก็พูดว่าให้เป็นผู้หญิงนะลูก ตั้มก็เคยบอกว่าถ้าวันนึงนะ ไปบ้านเขา แม่ก็บอกว่าหัดทำอาหารนะลูก ทุกวันนี้เราไม่ใช่ลูกแล้ว ตั้มเขาคือลูก
พี่ตั้มอยู่เป็นยังไง แม่สีดาถึงเข้าข้างกลายเป็นลูกไปเรียบร้อยแล้ว?
ตั้ม: ปกติผมก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ก็รักทุกคน ใครที่เป็นครอบครัวเรา เป็นมิตรกับทุกคนง่าย
พี่ตั้มก็พาพี่ต่ายไปเจอคุณพ่อแล้ว?
ตั้ม: ก็แฮปปี้ดีครับ คุณพ่อก็ชอบเขาอยู่เหมือนกัน ก็เคยดูหนังเขาอยู่เหมือนกัน
ต่าย: ตอนนั้นก็เป็นวันเกิดของคุณพ่อ ไปเจอครั้งแรกเหมือนกัน เราอ่ะคือต้องอวยพรให้คุณพ่อใช่ไหม แต่คุณพ่อมาเจอเรา ก็มาจับแขนเรา ตอนนั้นเราหูดับไปแล้ว แต่พ่ออ่ะอวยพรเรา ทำนองว่าขอให้คบกันไปนานๆ นะลูก อึ้งๆ อยู่ ก็ขอบคุณคุณพ่อ ก็บอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดคุณพ่อนะคะ ไม่ใช่คุณพ่อมาอวยพรให้หนู คือผู้ใหญ่เขาเมตตา ก็ต้องขอบคุณคุณพ่อด้วยนะคะ
...
พี่ตั้มเองก็โสดมานานจนครอบครัวอยากให้มีใคร?
ตั้ม: เขาก็อยากให้มีคนดูแลเราบ้าง เพราะว่าผมค่อนข้างที่จะไปไหนมาไหนคนเดียวตลอด ขับรถไปไหนมาไหนต่างจังหวัดก็ไปคนเดียวตลอด เดินทางคนเดียว ช่วยเหลือสังคมก็ไปคนเดียวตลอด
กับคนอื่นๆ ในบ้านของพี่ตั้ม พี่ต่ายก็ได้วิดีโอคอลคุย รู้จัก?
ต่าย: ก็มีคุณแม่ ลูกสาว หมาแมวก็วิดีโอคอลคุยหมดแล้ว คือเขาน้องหมาน้องแมวเขาให้เราคุยหมด
ตั้ม: คือที่ให้คุยเพราะเขาให้เราคุยกับกระต่ายที่บ้านเขาก่อน ก็มุ้งมิ้งไปเรื่อยๆ มันก็มีไทม์มิ่งของมัน ชอบเขาอ่ะเนอะ อะไรก็ยอม
ตัดสินใจเปิดตัวด้วยการลงรูป?
ต่าย : ใช่ค่ะ คือมันเป็นการให้เกียรติ แล้วต่ายต้องบอกกับทุกคนนะคะว่าไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาสนใจมากมายขนาดนี้ ต้องขอบคุณมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเอฟซีหรือเพื่อนๆ ฟีดแบ็กที่ได้กลับมามีแต่ความสุขจอยๆ รอยยิ้ม มันก็ทำให้เรารู้สึกว่ามีรอยยิ้มไปด้วย เราก็เลยบอกไปว่ารอยยิ้มของเอฟซีแฟนคลับที่มีความสุขก็ทำให้เรามีความสุขไปด้วย
โตแล้วทั้งคู่ด้วยวัยเรา เราเลยอยากทำให้มันเป็นพลังบวกให้กันมากกว่า ความรักไม่ว่ามันจะเป็นรูปแบบไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแบบพ่อแม่ หรือรักในสังคม อยากให้เป็นเมตตา และเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นความรักของพวกเราสองคนมันก็จะแบ่งปันเพื่อที่จะไปช่วยเหลือสังคมได้ด้วย อะไรที่เป็นพลังบวกเราจะเซฟเก็บไว้ จะเป็นพลังบวกให้กันและกัน อะไรที่มันท็อกซิกเราจะตัดออก
ตั้ม : ทุกวันนี้เอาตรงๆ พยายามไปช่วยเหลือข้างนอก ทำข่าวข้างนอก เพื่อไม่ให้เจอใคร คนโทรมา 30-40 คนได้ ตอนนี้ก็ตอบครบทุกคนครับ ก็เล่นมุกไปว่าทำไมหน้าเหมือนเราจัง แกล้งไม่ยอมรับ ก็เรื่องจริงครับ ก็คือผมชอบเขา คบกับเขามันคือเรื่องจริงครับ
มีคนบอกว่าที่พี่ต่ายมีแฟนเพราะก่อนหน้านี้ไปรับช่อดอกไม้จากเจ้าสาว?
ต่าย : ใช่ๆ งานแต่งงานของเพื่อนสนิทเลย คือมันเป็นเรื่องที่ถามตู่วันนั้นว่าเตรียมกับใครหรือเปล่า แบบอยากให้เราได้รับช่อดอกไม้ เขาก็บอกว่าไม่มี คือเป็นครั้งแรกครั้งแรกในชีวิตเลยที่ได้ มันเหมือนเป็นอาถรรพ์ ต่ายเชื่อว่าบนโลกนี้ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับความรักดีๆ
เห็นว่ารักดีๆ แบบนี้แต่มีบางช่วงที่มีน้ำตา?
ต่าย : วันนั้นใช่ไหมที่มีข่าวลงว่าต่ายโพสต์ ต่ายต้องบอกเลยว่าต่ายเขียนแค่ 3-5 บรรทัดถ้าเข้าไปดูข้อความที่แก้ไข แก้ไขหลายทีคือเติม คือเป็นรูปที่ต่ายโพสต์คู่กับตั้ม ความในใจ ประมาณว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม มันมีพลังต่างๆ ที่ทำให้เรามีแรงก้าวเดินหรือทำงานใช้ชีวิตต่อไป อะไรที่เป็นพลังบวกเราจะเก็บไว้ อะไรที่เป็นพลังลบเราจะตัดออก ตามนั้นเลย ก็เขียนไปก็น้ำตาคลอเพราะเราเป็นคนเซนซิทีฟด้วย
พี่ตั้มได้เห็นได้อ่านแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?
ตั้ม : ก็ดีใจที่เขารักเราจริง ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าแสดงออกสักเท่าไหร่ ไม่ค่อยเข้าไปโพสต์หรือคอมเมนต์อะไรเท่าไหร่
ต่าย : จริงๆ แล้วประเด็นสำคัญคือ เราไม่รู้หรอกว่าวันพรุ่งนี้จะมีจริงหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเรามีโอกาสได้มาเจอกัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเหวี่ยงใครสักคนมาให้เรา เพราะฉะนั้นถ้าเราเจออะไรที่มันดีแล้วก็ควรที่จะรักษาไว้ เราไม่รู้หรอกว่าตื่นมาพรุ่งนี้เราจะเจอเขามั้ย
ใครมีความรู้สึกคลั่งรักมากกว่ากัน?
ต่าย : เราไม่รู้หรอกค่ะว่าใครคลั่งรักมากกว่ากัน แต่มันเป็นความรู้สึกที่แชร์ความรักให้กับเขาแล้วก็ครอบครัวเขาด้วย
ใครมีพฤติกรรมการแสดงออกถึงความรักมากกว่ากัน?
ต่าย : จริงๆ ก็พอๆ กัน แต่พี่ตั้มเขาจะไม่ค่อยแสดงออก คนคงไม่คิดว่าเรามาเจอกันแล้วจะมุ้งมิ้ง เพราะต่ายก็เป็นกู้ภัย เขาก็อยู่ในสายข่าว มุมมองของความรักเปลี่ยนไปเยอะ เมื่อก่อนมีแบบเอาชนะ แต่ความรักไม่ใช่การเอาชนะหรือมาแข่งกันเอาเหรียญทอง เราคุยกัน ต่ายจะไม่ชอบทะเลาะ มีง้องแง้งนิดหน่อยถ้าคีย์เปลี่ยนไม่ได้เลย แล้วก็ไม่ทะเลาะนะ ถ้ารู้สึกว่าผิดก็ขอโทษๆ อย่างเงี้ย แล้วก็รับโทษ ก็หอมแก้มกันไป ความรักมันอยู่ที่เราสองคนมากกว่า
อยากให้บอกความในใจกัน?
ตั้ม : ก็อยากจะบอกว่าเป็นห่วงเขาเพราะเขาใช้ชีวิตอยู่ในห้องคนเดียว เป็นห่วงเขาเรื่องสุขภาพ เขามีโรคประจำตัวแล้วก็ป่วย ก็อยากให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน แต่ว่าไม่รู้ว่าเขาจะมาหรือเปล่า
ต่าย : ก็ยอมค่ะ แต่ว่าสักพักหนึ่ง เพราะต้องปรับตัวก่อน แต่ก็อยู่ด้วยแหละ ส่วนความในใจเขาเป็นของขวัญคริสต์มาสทั้งของขวัญส่งท้ายปี ทั้งวันเกิด ทั้งตอนนี้เขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว 2 มกราคมก็วันเกิดต่าย ก็ตั้งใจจะไปทำบุญกัน
เห็นชวนว่ามาอยู่ด้วยกัน คิดจะแต่งงานมั้ย?
ตั้ม : เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของอนาคต รอไว้คุยกันสองคนก่อน
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม