แจ้งเกิดดาวรุ่งดวงใหม่ น้องเจ้าคุณ พันธ์ชนกชนม์ วัย 11 ปี นักแสดงเด็กสุดมหัศจรรย์ที่กำลังเป็นที่พูดถึงกับบทบาท ปณต จากละครน้ำดีอย่าง "สงครามสมรส" กับซีนบีบหัวใจต่อว่าพ่อต่อหน้าศาล ทำเอาคนดูอวยยศตีบทแตกใจสลายไปตามๆ กัน จนโกยเรตติ้งพุ่งทะยานอันดับ 1 ของประเทศ พร้อมขอควง คุณแม่ครีม ปวริศา ออกสื่อครั้งแรก เผยวิธีการเลี้ยงลูกยังไงให้ประสบความสำเร็จและเก่งได้ขนาดนี้ และความคืบหน้าของน้องเจ้าคุณที่อยากซื้อบ้านให้คุณแม่ถึงขั้นไหนแล้ว ในรายการ "คุยแซ่บ Show" ทางช่อง One31 ที่มี หนิง ปณิตา และ บูม สุภาพร เป็นพิธีกร

บีบหัวใจคนทั้งประเทศ ซีนนั้นยากไหม?
เจ้าคุณ : ยากอยู่ครับ เพราะว่ามันต้องใช้อารมณ์เยอะ เป็นฉากที่มันต้องไปอยู่กลางศาล ต้องระเบิดออกมาให้สุด เพราะว่าเราโกรธพ่อแล้วก็ผิดหวังในตัวพ่อมากๆ ในฉากนั้นพ่อเขาสอนว่าคนโกหกเป็นคนไม่ดี แต่พ่อเรากลับทำซะเอง ผิดหวังมาก ก็เลยระเบิดออกมาอย่างในฉาก
...
ตอนนั้นเราคิดตามบทเลย หรือคุณแม่หรือผู้กำกับมาบรีฟอะไรเราก่อนไหม?
เจ้าคุณ : คิดตามบทครับ แล้วก็พี่สันต์จะมาทบทวนบทให้ฟังว่าฉากนี้จะอารมณ์ยังไง เราต้องมีอารมณ์ขึ้นลงมากขนาดไหน พอระเบิดออกมาก็เสียสติไปแล้ว
ซีนนี้ถ้าใครดูบทก็ยาว การจำบทยาวๆ แล้วต้องเล่นอารมณ์ขนาดนี้ ตอนอ่านบทกังวลไหม?
เจ้าคุณ : กังวลอยู่ครับ ตอนท้ายๆ ที่ไปโวยวายต่อหน้าพ่อ กังวลเรื่องอารมณ์ว่าเราจะทำได้ไหม จะทำได้ถึงขนาดนั้นไหม เราจะทำตามบทได้ไหม
ก่อนที่เราจะเล่นฉากดราม่าเยอะขนาดนั้น เราต้องทำการบ้านเยอะขนาดไหน?
เจ้าคุณ : ช่วงก่อนที่จะถ่ายสักประมาณ 2-3 วัน เขาจะส่งบทมาให้เรา ทำการบ้านทำความเข้าใจเยอะกับแม่ จะต่อบทกับแม่ครับ
เบื้องหลังก็คือคุณแม่ แม่อธิบายให้ลูกเข้าใจถึงตัวละครนี้ยังไง?
คุณแม่ : เราจะบอกเขาโดยรวมว่าปณตเจอเรื่องอะไรมา เขาเป็นยังไง แล้วเราก็จะมาคุยกับลูกว่าเขามีความคิดเห็นยังไง เพราะว่าเขาโตแล้วก็จะเริ่มดีไซน์ในการเล่นของเขาเองด้วย
เด็กแค่ 11 ขวบ ประสบการณ์ยังน้อยมากๆ ทำไมเขาถึงเข้าใจและแสดงออกมาได้ถึงขนาดนี้?
เจ้าคุณ : คิดว่าน่าจะซ้อมเยอะไปหน่อย
ตอนซ้อมกับคุณแม่ร้องไห้แบบนี้ไหม?
คุณแม่ : ใช่ค่ะ ร้องตั้งแต่ตอนซ้อมเลย ร้องทุกครั้งที่ซ้อม เหมือนเขาเข้าใจในความเป็นปณต ว่าปณตเสียใจแค่ไหน ยังไง
เจ้าคุณ : ตอนซ้อมกับแม่ตอนแรกจะซ้อมให้จำบทให้ได้ ให้บทมันเป๊ะก่อน ตอนที่สองค่อยเอาอารมณ์จริงๆ ออกมา
พอเห็นตัวเองในจอรู้สึกยังไงบ้าง?
เจ้าคุณ : รู้สึกอินตามปณตครับ
หนูคือเจ้าคุณ แล้วพอดูตัวเองในจอ หนูรู้สึกไหมว่านั่นปณต ไม่ใช่เจ้าคุณ?
เจ้าคุณ : ใช่ครับ
แล้วเราทำยังไงจากเจ้าคุณให้กลายเป็นปณต?
เจ้าคุณ : ก็ทำความเข้าใจกับปณตว่าปกติแล้วจิตใจเขาและคาแรกเตอร์เขาเป็นยังไง ในความเป็นปณตมันมีอะไรอยู่บ้าง ที่จะทำให้คุณผู้ชมเขารู้ว่าเราคือปณต เราไม่ใช่เจ้าคุณแล้วนะ
ไปโรงเรียนเพื่อนๆ ทักกันไหม?
เจ้าคุณ : เพื่อนๆ เรียกแต่ปณตหมดเลยครับ พวกผู้หญิงห้องตรงข้าม พอผมเดินผ่านเขาจะชอบพูดว่า ณตเกลียดพ่อ

นอกจากพี่แอฟ ยังมีพี่คริตด้วย แล้วก็มีพี่ตรีอีก เป็นยังไงบ้างต้องประกบกับรุ่นใหญ่ขนาดนี้?
เจ้าคุณ : รู้สึกตื่นเต้นครับ มีทั้งพี่แอฟ พี่ตรี พี่คริต
แม่แอฟช่วยอะไรบ้าง?
เจ้าคุณ : แม่แอฟช่วยส่งอารมณ์ให้เล่นด้วยกัน ส่งกันไปกันมา
ตอนนี้เห็นว่าเหมือนมีลูกกันจริงๆ แล้ว ไปเที่ยวต่างประเทศก็จะซื้อของมาฝาก รู้สึกยังไงที่แม่แอฟเอ็นดูเรา?
...
เจ้าคุณ : ใช่ครับ รู้สึกดีใจที่พี่แอฟใจดีกับผม ซื้อของมาฝากผมเยอะมากครับ ตอนไปต่างประเทศเขาก็ซื้อคุกกี้มาให้ แล้วก็เขียนการ์ดมาด้วยว่า ถึงปณตนะ
แล้วพี่ตรีล่ะ?
เจ้าคุณ : พี่ตรีเล่นกับผมเยอะ จะสนิทกับผม เจอกับพี่ตรีตั้งแต่พนมนาคาแล้วครับ
พี่ตรีช่วยสอนการแสดงให้ด้วย สอนอะไรบ้าง?
เจ้าคุณ : พี่ตรีสอนเรื่องอารมณ์ เรื่องการพูดยังไงให้ชัดแล้วก็ให้ออกมาได้ดี
พี่ชาคริตเห็นว่าเคยร่วมงานด้วยกันมาแล้ว?
เจ้าคุณ : ใช่ครับ เรื่องวันทองครับ
เห็นว่าพอร่วมงานกับพี่คริตแล้วตั้งฉายาให้เขา ฉายาอะไร?
เจ้าคุณ : ปิศาจแห่งวงการครับ เขาแสดงเก่งมากครับ เขาเล่นได้ธรรมชาติมากๆ ไม่เหลือความเป็นเขาอีกแล้ว ตอนเขาไปเขาก็ไปเลย พอกลับมาก็เป็นเขา 100% ครับ
ถ้าเล่นไม่เป็นธรรมชาติในความเข้าใจของลูกเล่นยังไง ที่เล่นแล้วไม่ธรรมชาติ?
เจ้าคุณ : ไม่ธรรมชาติของผมคือเล่นแล้วมันไม่ค่อยรู้สึกว่าเราอยู่กับเขาอยู่ เราอยู่กับตัวละครนั้นอยู่ อีกอย่างนึงก็คือเวลาเขาแสดงพวกร้องไห้ ถ้าธรรมชาติเราจะรู้สึกได้แล้วก็อินตาม
ถ้าพี่คริตดูอยู่ อยากบอกอะไรพี่คริต?
เจ้าคุณ : ผมคิดถึงพี่คริต ผมชอบเล่นกับพี่คริตครับ หวังว่าจะได้ร่วมงานกันอีกครับ
อะไรที่ชอบมากที่สุดเกี่ยวกับพี่คริต?
เจ้าคุณ : ชอบการแสดงของเขาครับ อย่างเช่นตอนฉากศาล ผมพูดเสร็จแล้วผมไปดูเทปกับพี่สันต์ หันมาพี่คริตร้องไห้เลยเหรอ
ลูกชายพี่คริตบอกว่าเป็นปิศาจแห่งวงการ พี่คริตรู้สึกยังไงบ้าง?
...
ชาคริต : ดีใจครับ จริงๆ ได้เจอกับน้องเจ้าคุณตั้งแต่เล่นวันทองแล้ว ก็เห็นอะไรในตัวน้อง ตอนนั้นยังไปกระซิบกับพี่สันต์เลยว่า มีฉากที่เข้ากับขุนช้าง ที่กุมารเข้ากับขุนช้าง เหมือนมันเข้าด้วยกันบ่อย จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน แต่กลายเป็นเด็กกับผู้ใหญ่ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากัน แล้วมันมีหลายฉากที่เราก็ไม่รู้ตัว เราเล่นไปแล้วมันเหมือนไปทำให้น้องระเบิดในจุดๆ นึง พอหลังจากนั้นเจ้าคุณก็เป็นแบบที่เราเห็นทุกวันนี้
ในเรื่องของการแสดงเขาเข้าใจอะไรได้มากขึ้น ง่ายขึ้น อาจจะเป็นเพราะบทแรกที่รับตอนนั้นกับเรื่องของวันทองเป็นนิยายที่มันค่อนข้างที่จะมีความละเอียด สำหรับตัวน้องเองในวัยเท่านั้นค่อนข้างยาก แต่พอน้องผ่านตรงนั้นไปได้ปุ๊บ ผมว่าอย่างอื่นก็ไม่น่ามีอะไรยากแล้ว พอเป็นสงครามสมรสเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัว แม้แต่ผมเอง ตัวน้องเอง ตัวแม่แอฟเอง ทุกคนสามารถเข้าถึงในเรื่องของแก่นความเป็นครอบครัวได้ง่ายอยู่แล้ว
ด้วยความเราเป็นทั้งพ่อเป็นทั้งแม่ หรือน้องเจ้าคุณที่เป็นลูก พอเอาความเข้าใจตรงนั้นมาสวมกับคาแรกเตอร์เรื่องราว ทุกครั้งที่เล่นกับน้อง อยู่ด้วยกันในกอง ก่อนจะแอ็กชันยังคุยเล่นกันอยู่เลย ยังไม่ได้เข้าบทเลย แต่พอกล้องรันแอ็กชันแล้วคือการที่จะเข้าไปสู่ความเป็นครอบครัว เป็นพ่อลูกกันมันไม่ยากเลย มันง่ายมากครับ

...
พี่คริตเล่าเรื่องฉากในศาลวันนั้นให้ฟังหน่อย เป็นฉากนึงที่เป็นไวรัลมาก?
ชาคริต : คนกำลังถามว่าทำไมปรเมศวร์ทั้งที่ตอนแรกคิดถึงลูก เข้าคุกไปแล้ว ทำไมถึงยังมาโกหกอีก พยายามเอาตัวรอดอีก ถ้าเรามองถึงสันดานดิบของมนุษย์ ก็ต้องมองโอกาสของตัวเองว่ามันเหลือโอกาสอีกหนึ่งครั้ง ซึ่งจริงๆ ก็คือคนที่ทำให้เกิดขึ้น นอกจากตัวปรเมศวร์เองก็คือบ้านฝั่งอัคระ มันก็เลยเหมือนกับเขาสมรู้ร่วมคิด แต่ก็เหมือนแพะไปด้วย เขาก็พยายามขอโอกาสนี้อีกครั้งนึงในมุมมองของปรเมศวร์ แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เขาทำคิดถึงตัวเองอีกแล้ว โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าลูกนั่งดูอยู่ข้างหลัง ทุกคนคงได้ดูแล้วว่าสิ่งที่ปรเมศวร์ทำมันสะเทือนใจปณตขนาดไหน มันเป็นอะไรที่ตกใจสำหรับตัวปรเมศวร์มาก ซึ่งอันนี้ต้องให้เครดิตติดตามต่อ ตอนสุดท้ายวันจันทร์นี้
พอเห็นน้องแสดง น้องระเบิดอารมณ์ออกมาขนาดนั้น พี่คริตรู้สึกยังไงบ้าง?
ชาคริต : ตัวผมยังพูดมากไม่ได้ มันยังไม่จบกับซีนนั้น อารมณ์ทั้งหมดที่น้องเจ้าคุณ หรือว่าตัวปณตส่งมา หรือว่ารู้สึกในความเป็นตัวละครตรงนั้น ทำให้มีบทสรุปในศาลสุดท้ายวันนั้นว่าจะออกมาเป็นยังไง ซึ่งพูดมากไม่ได้
โมเมนต์ที่พี่คริตกำลังนั่งต่อบทแล้วหันมาเห็นน้องใส่อารมณ์เต็มที่?
ชาคริต : ใช่ ภาพที่พี่สันต์เล่าเองคือคนดูจะไม่เห็นน้องปณตเลย เห็นแค่ตัวบัวบงกชกับภาวินท์มานั่ง มันก็เลยเซอร์ไพรส์ทุกคนไปหมด พอเปิดมาปุ๊บตัวปณตนั่งฟังพ่อเขาแถอยู่ พยายามจะแถเป็นครั้งสุดท้าย แล้วมันก็เป็นสิ่งสะเทือนใจเด็กคนนึงมาก แล้วพอผมหันไปเราก็รู้สึกจริงๆ ว่าลูกเราอยู่ตรงนั้น สิ่งที่เราทำไปมันเลวร้ายมาก สิ่งที่น้องระเบิดออกมามันเรียลมาก เราเองสัมผัสได้ง่ายมาก การเข้าฉากทุกครั้งไม่ว่าจะกับแอฟหรือน้องเจ้าคุณ เวลาเข้าไปมันจะเหมือนครอบครัวทุกครั้ง ผมเองไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องสร้างความเชื่อขึ้นมา ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน มันรู้สึกง่ายมาก แล้วมันก็ช่วยเรื่องการตีความและแสดงออกมาตามตัวละครของเรา แค่มองกันก็รู้แล้ว
ฟังพี่คริตพูดอย่างนี้แล้วรู้สึกยังไงบ้าง?
เจ้าคุณ : ก็รู้สึกดีใจมากครับที่พี่คริตพูดแบบนั้น เพราะว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่คริตก็ชมผมด้วยครับ

พี่คริตอยากบอกอะไรน้องไหม?
ชาคริต : ทุกอย่างที่เจ้าคุณรักแล้วก็เชื่อในความสวยงามของศิลปะและสนุกกับการทำงาน สนุกกับการที่เราได้ขวนขวายในเรื่องของศิลปะการแสดง และเราได้รู้จักตัวเราเองอีกหลายๆ มิติแบบนี้ดีอยู่แล้ว อย่าลืม อยากให้จำทุกๆ โมเมนต์ในการเดินทางของการเป็นนักแสดงของเราเอาไว้ เพื่อที่ทุกครั้งที่เราเดินเข้าฉากกับรับเรื่องใหม่ เราเริ่มใหม่จากศูนย์ตลอดเวลา จำไว้ว่าเราคือนักแสดง จะเล่นบทอะไรเราก็ต้องเล่นได้ ไม่ต้องไปยึดติด
พี่คริตรู้สึกยังไงที่น้องตั้งฉายาในวงการบันเทิง ปิศาจแห่งวงการ?
ชาคริต : ไม่รู้จะรู้สึกยังไง ทุกวันนี้ทำงานมาตั้งหลายปีแล้วยังเหมือนเดิมนะ ซ้อมเบาๆ เพราะยังเขินอยู่ รอเอาจริง พอผลงานเราออนแอร์ หรือเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นหนัง หรือซีรีส์ ละคร กว่าจะกล้าดูตัวเองได้อีกสักพักนึงเหมือนกัน มันคนละโหมดกัน พอเราอยู่ในโหมดการแสดงเราก็จะรักศิลปะการแสดงจริงๆ แต่พอเล่นเสร็จไปแล้วเขิน
เจ้าคุณอยากบอกอะไรพี่คริต?
เจ้าคุณ : อยากบอกว่าหวังว่าจะได้ร่วมงานกับพี่คริตอีกในเส้นทางอาชีพของผมครับ
อวยพรน้องหน่อย?
ชาคริต : อวยพรล่วงหน้าสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง เรื่องของรางวัลเองถ้าเราได้เสนอชื่อเข้าชิงวันนั้นก็เป็นเกียรติแล้วกับการที่เราได้ร่วมเข้าชิงกับหลายๆ คน ถึงไม่ได้เข้าชิงถือว่าเราทำงานของเราเต็มที่แล้ว เราอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับวันนี้ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่ต้องทำเพื่อไปหวังอะไรในข้างหน้า สิ่งที่เจ้าคุณทำอยู่แล้วมันดีมากๆ และขอให้ตั้งใจทำให้มันดีทุกๆ วัน วันนี้ดีแล้ว พรุ่งนี้ทำให้ดีอีก แล้วสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า มันก็จะเป็นผลที่วันนึงเราก็จะเดินไปหามัน มันก็จะเดินมาหาเราเอง
อยากรู้ความรู้สึกคุณแม่ที่ได้เห็นฉากที่เราซ้อมกันอยู่บ้านแล้วออกอากาศให้คนได้เห็นจริงๆ คุณแม่รู้สึกยังไงบ้าง?
คุณแม่ : ขอบพระคุณทุกคนที่เอ็นดูน้องและให้กำลังใจน้องในการทำงานของน้องตรงนี้ เราสองแม่ลูกขอบคุณมากเลยค่ะ
เคยคิดมั้ยว่าลูกเราจะว้าวขนาดนี้เลย?
คุณแม่ : ไม่เคยคิดเลยค่ะ แต่ก็เชื่อว่าความตั้งใจของเขามันน่าจะทำได้ดีอย่างที่เขาตั้งใจ
เบื้องหลังการซ้อมเขาเป็นคนขวนขวายด้วยตัวเองเลยไหม?
คุณแม่ : ใช่ค่ะ หลังๆ พอเขาโตเขาเอาบทไปจัดการของเขาเอง มาเล่นให้ดู ซ้อมคู่กัน แม่ก็จะเป็นบัวบงกช บางทีก็มีบ้างที่เขาดีไซน์ว่าเขาอยากเล่นแบบนี้ เราก็คุยกัน เดี๋ยวพอไปเล่นหน้างานผู้กำกับเขาอยากให้เล่นยังไงก็อีกทีนึง

เส้นทางการทำงานของน้อง เริ่มจากจุดไหนถึงมีโอกาสได้มาร่วมงานกับทางช่อง One?
คุณแม่ : เริ่มมาจากตอนที่น้องไว้ผมยาว ตั้งใจจะไว้ผมยาวเพื่อบริจาคผู้ป่วยมะเร็ง มาจากคุณย่าของน้องเป็นโรคร้ายแล้วให้คีโม คุณย่าไม่มีผม ด้วยความเป็นเด็กของเขา เขาก็จะพูดว่าเอาผมของน้องไปไหม น้องมีผม เราก็เลยมาคุยว่าเราสามารถให้ผมบริจาคกับคนที่ทำคีโมได้นะ น้องสนใจใช่ไหม เขาสนใจ ถ้างั้นไว้ผมยาวให้ผู้ป่วยมะเร็ง เขาก็ตั้งใจมากๆ แม่ก็ลงโพสต์ไปคนก็กดไลค์
วันนึงคุณกัปตัน ภูธเนศ เขากำกับละครอยู่เรื่องนึง ให้คนโทรมาว่ามาลองแคสต์ละครดูไหม เพราะเขาชอบแนวคิดของน้องที่มีน้ำใจอยากจะบริจาคผม เราก็แคสต์แบบไม่รู้เรื่อง เลยให้น้องไปเรียนการแสดงเพิ่มเติม เผื่อว่ามีโอกาสคนให้ไปแคสต์อีก อีกอย่างมันได้เรียนรู้นอกห้องเรียน เรียนเพิ่มเติมได้สักหน่อย แม่ก็ส่งน้องไปแคสต์เอ็มวีแล้วน้องได้ พอไปทำตรงนั้นแล้วเขาชอบ
เล่นละครเป็นนักแสดงรุ่นจิ๋วจริงๆ มาได้ยังไง?
คุณแม่ : พอเล่น MV ก็มีแคสต์กุมารทองของวันทอง แม่ก็ลองส่งดู ผู้กำกับฯ ก็ส่งบทมาให้เราทำคลิปส่งแคสต์ แล้วก็เรียกมาแคสต์ น้องก็ได้อีก ก็เลยเริ่มจากตรงนั้นเลย
ทำไมน้องเจ้าคุณอยากซื้อบ้านให้คุณแม่?
เจ้าคุณ : เพราะว่าปกติผมอยู่บ้านเช่าครับ ผมเพิ่งรู้ว่าปกติบ้านเช่าเรามีโอกาสที่จะหมดสัญญาเช่า หรือมีโอกาสที่จะย้ายบ้านไปเมื่อไรก็ได้ ผมเห็นว่ามันย้ายบ้านแล้วมันวุ่นวาย ขี้เกียจย้ายบ้านครับ
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม