เพราะว่าด้านลูกสาวคนเก่งเจอแต่ดราม่าชาวเน็ตไม่จบไม่สิ้น ล่าสุดออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรกหลังเปย์เงินให้พ่อหม่ำหลักแสนจนชาวเน็ตออกมาแซะว่าอวดรวย!! แถมยังโดนเม้าท์มาตลอดว่าเกาะพ่อดัง เกาะพ่อกิน งานนี้พ่อหม่ำจะว่ายังไง? พร้อมย้อนเล่าเหตุการณ์เข้าใจผิดจนทำให้สองพ่อลูกต้องเสียน้ำตากันมาแล้ว ในรายการ "คุยแซ่บ Show" ทางช่อง One31 ที่มี ชมพู่ ธัณย์สิตา และ บูม สุภาพร เป็นพิธีกร
เพิ่งได้ซองแดงจากลูกสาว?
เอ็ม : ตรุษจีนก็ให้ เทศกาลเอ็มก็ให้ บางทีนึกครึ้มก็ให้
หม่ำ : ที่ให้มาไม่ได้เอาไปไหนก็เก็บเอาไว้ในเซฟ เวลาไปเที่ยวก็จะเอาเงินอันนี้ออกมาเที่ยว
เห็นว่าปึกหนามาก ปริมาณไม่ได้เท่าตรุษจีน แต่ก็มากกว่าทุกครั้ง?
หม่ำ : เขาก็ให้ทุกเทศกาล แต่ก็ไม่ได้ใช้หรอก เอาไปเก็บไว้
เท่าไรบอกจำนวนได้ไหม?
เอ็ม : ประมาณแสนนึง
หม่ำ : เก็บไว้เวลาไปเที่ยว บางทีเอาไว้ซื้อของให้หลานบ้าง
ทุกครั้งที่เวลาลูกให้เงินพ่อรู้สึกยังไงบ้าง?
หม่ำ : มันก็รู้สึกปลื้มนั่นแหละ เราไม่ได้อยากได้อะไรจากลูกหรอก บางทีไปถ่ายยูทูบเอามาให้พ่อเท่านี้ ไม่เคยพูดหรอก เรารู้สึกว่าเราได้ช่วยลูกมันก็โอเคแล้ว ไม่อยากได้อะไรหรอก ได้ก็เก็บเอาไว้ เวลาไปเที่ยวซื้อนู่นนี่ กินข้าวก็เอาเงินของเขานั่นแหละไปใช้
...
ไม่วายมีดราม่าว่าอวดรวยเหมือนโชว์ว่าให้เงินพ่อเยอะ รู้สึกยังไง?
เอ็ม : รู้สึกชอบ รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่เราให้พ่อให้แม่ เราไม่ได้ให้คนอื่นหรือไปทำอะไรที่เดือดร้อนคนอื่น เราเอามาให้พ่อให้แม่เรามันก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่เหรอ มันก็เหมือนเป็นแบบอย่างที่ดีด้วยนะ แล้วเอ็มก็รู้สึกว่าการที่เอ็มถ่ายวิดีโอแล้วลงก็แค่อยากเก็บมาเป็นความทรงจำ ทุกครั้งที่เรามาดูวันนี้เมื่อปีที่แล้วเราทำอันนี้อยู่
หม่ำ : อย่างที่บอกเราไม่ได้อยากได้อะไรของลูกหรอก ได้มาเราก็เอามาเก็บไว้ เวลาไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ก็เอาเงินนี่แหละออกมาใช้ ใช้กับหลานนั่นแหละ
จริงๆ คนที่ดูน่าจะลองเปลี่ยนทัศนคติตัวเองดู ลองให้บ้าง เลี้ยงดูพ่อแม่?
หม่ำ : ไอ้คนที่พูดมันไม่เคยให้ใคร พ่อแม่มันไม่เคยให้มันก็เลยรู้สึกอิจฉา คิดแค่นั้นนะ
โลกโซเชียลก็จะเป็นแบบนี้ พอมีกระแสสังคมเยอะ จะมีทั้งข้อดีข้อเสีย มีทั้งคอมเมนต์ดี คอมเมนต์ลบ?
หม่ำ : แต่ภาพรวมมันนั่นแหละเป็น FC ถึงได้ติดตาม มึงก็ด่ากูจัง มึงก็ว่าครอบครัวกูจัง แต่มึงก็รู้หมดว่ากูไปไหนมาไหน มึงเนี่ยแหละ FC กู
น้องเอ็มตั้งแต่เข้าวงการก็โดนกระแสมาโดยตลอด โดยเฉพาะคำว่า “เกาะพ่อดัง”?
เอ็ม : บ่อยมาก
หม่ำ : แล้วที่ทำธุรกิจของพ่อมึงอยู่ มึงไม่เกาะพ่อมึงกินเหรอ ต่างกันตรงไหน พ่อแม่ขายน้ำพริกก็ต้องขายน้ำพริกกับพ่อแม่ มันจะไปแปลกอะไร มันก็ไม่ได้แปลกอะไรเลย
เอ็ม : เอ็มมองว่าเป็นธุรกิจของครอบครัวมากกว่า ที่เรามาสานต่อ ถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะมาทำต่อ มันเป็นจุดดีด้วยซ้ำที่เอ็มมีต้นทุนที่ดีคือมีพ่อที่มีชื่อเสียง เวลาเอ็มอยากจะทำอะไร ธุรกิจอะไรก็ง่ายขึ้น ขับเคลื่อนได้ไวขึ้นกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้นเอ็มมองว่า คนอื่นอาจจะคิดว่าจุดอ่อนของเอ็มคือเกาะพ่อกิน แต่เอ็มกลับมองว่าคนเหล่านั้นที่มาด่าเอ็มกำลังเอาจุดแข็งของเอ็มไปเป็นปมด้อยตัวเองมากกว่า เพราะเขาไม่มีในสิ่งที่เรามี เขาไม่มีพ่อแม่ซัพพอร์ตเหมือนที่พ่อแม่เราซัพพอร์ต
หม่ำ : มันโดนทุกคนแหละ ลูกเท่ง ลูกโหน่ง ลูกพี่โน้ต เหมือนกันทุกคน
โกรธไหมเวลาเห็นคอมเมนต์อะไรแบบนี้?
หม่ำ : รู้สึกเฉยๆ ให้เป็นความสุขของมันไปเถอะ ถ้ามันมีรอยยิ้มเราก็มีรอยยิ้มไปกับมัน
เอ็มเคยไปโต้ตอบไหม?
เอ็ม : แรกๆ แต่พ่อห้ามตลอด เหมือนคนบ้าแล้วเราไปบ้าตามเขา มันก็ไม่มีประโยชน์ก็เถียงกันอยู่อย่างนั้น
พี่หม่ำอยากอะไรกับคนที่มาว่าคุณเอ็มไหมคะ?
หม่ำ : พวกคนชั่วมันมองคนดีเป็นคนโง่สำหรับมัน แต่ที่จริงมันโง่กว่าเรา มันไม่รู้หรอกความดีคืออะไร เนี่ยชอบคบคนชั่ว ไม่อยากคบคนดี คบคนดีอย่างไรมันก็ดี คบคนชั่วให้มันลดลงมาดีสักนิดนึงก็ยังดี
ก่อนหน้านี้ถ้าเป็นเรื่องความรักเอ็มไม่กล้าปรึกษาพ่อ?
เอ็ม : ตอนเป็นวัยรุ่นไม่เคยคิดจะคุยเรื่องนี้กับพ่อเลย การคบเพื่อนต่างเพศกลัวพ่อจะหวง ด้วยความที่พ่อเขาเป็นผู้ชาย พ่อเขาไม่เข้าใจเราหรอก แล้วช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเราก็มีความหัวแข็ง ปากแข็ง พ่อก็เหมือนกันแล้วเราก็จะงัดกันตลอดเวลา เลยไม่ค่อยคุยกันเท่าไร
...
หม่ำ : ช่วง 16-17 ต้องจะติดเพื่อน เราต้องปล่อยเขาไปก่อน อย่าให้นอกลู่นอกทางแค่นั้นเอง
พี่หม่ำหวงลูกสาวมากๆ อยู่แล้ว?
หม่ำ : จริงๆ แล้วมันก็ทุกคนแหละที่หวงลูกสาว พวกตลกเนี่ย พวกนี้ปากแข็ง ทุกคนแหละ เพราะส่วนใหญ่ตลกจะเป็นคนเจ้าชู้แทบทุกคน ด้วยเราผ่านตรงนี้มา เราอยากให้ลูกสาวเราเจอผู้ชายเหมือนเรา รักลูกรักครอบครัวเหมือนเรา
แล้วพอลูกสาวเจอคนที่ใช่ กว่าจะผ่านด่านคุณพ่อได้?
หม่ำ : เกือบจะเตะปากลูกเขยด้วยนะ เจอกันวันแรกมาบอกว่าผมซื้อไส้อั่วมาจากทางเหนือครับ มาจากเชียงราย เราก็นึกว่ามาอำก็โมโห แต่เขาไปมาจริงๆ
เอ็ม : ไม่ เขาไม่ได้อำ แล้วตอนนั้นกำลังอำหนักเลย เขาหนี หนีไปในจุดที่ไม่มีทางไป แล้วจุดที่พอเดินหนีมันไม่มีที่ไปนอกจากห้องน้ำแล้วพ่อหายไปเป็นสิบนาที พ่อไปแอบไหน
หม่ำ : ก็เจอครั้งแรกมึงอำกูแล้วอะ มึงเป็นเพื่อนกูเหรอ แล้วมาเรียกกูพ่อด้วย กูเป็นพ่อมึงตอนไหน
เอ็ม : พอออกไปข้างนอกไปกินข้าวกัน ผ่านไป 20 นาที พ่อโทรมา เหมือนเพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้ปฏิสัมพันธ์อะไรกับเขาเลย เขาก็โทรมา “ลูกเขยพ่อเป็นยังไงบ้างล่ะ เขาไม่ตกใจแล้วเหรอ พ่อไม่คุยกับเขา” พ่อเดินหนีเขาขนาดนั้นเขานึกว่าพ่อไม่ชอบเขาแล้ว พอดีพ่อทำอย่างอื่นอยู่ พ่อยุ่ง
แล้วเขาต้องใช้เวลาผ่านด่านคุณพ่อยังไงบ้าง?
หม่ำ : ก็ 2-3 ปี แต่ก็คุยกันมาตลอด
เอ็ม : ไม่ถึง เจอกันครั้งที่ 2 พ่อเริ่มเปิดใจแล้ว ครั้งแรกบังเอิญให้มานั่งกินข้าวด้วยกัน ส่วนครั้งที่สองพ่อนั่งสัมภาษณ์เลย
มีคำถามอะไรบ้างที่เด็ดๆ?
หม่ำ : ที่บ้านทำอะไร ทำงานอะไร เรารู้เลยว่าที่ลูกเขยเราอึดอัด แต่เขาก็ตอบ หลังจากที่พ่อกลับเขาก็พูดกับเอ็ม
...
เอ็ม : เขาบอกว่า เขานึกว่ามาออกรายการหม่ำโชว์ แล้วก็เจอกัน 4-5 ครั้ง แล้วก็พาเขามาไหว้พ่อตอนสงกรานต์เพื่อรดน้ำดำหัว เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ก้มลงกราบเท้าพ่อ ทั้งๆ ที่แค่เป็นแฟนกัน ล้างเท้าให้พ่อแม่เอ็ม ไม่รังเกียจเลย
เห็นว่ากว่าจะคบกันเป็นเรื่องเป็นราว กว่าจะแต่งงาน ปรึกษาพ่อจริงจังเรื่องความรัก เริ่มเปิดใจ เซอร์ไพรส์กับคำตอบของพ่อ?
เอ็ม : ใช่ ด้วยความที่เอ็มไม่เคยประสบความสำเร็จด้านความรักเลย แล้วพ่อชอบพูดเสมอว่า เมื่อไรเอ็มจะเข้าสู่หนังสักที ที่ผ่านมาชีวิตความรักของเอ็มเหมือนหนังตัวอย่างเล่นซ้ำอยู่นั่นแหละ ไม่เข้าเรื่องสักที เขาบอกว่าให้เอ็มทำตัวเป็นนางเอก ถ้าอยากเจอพระเอกก็ทำตัวเป็นนางเอก ถ้ายังทำตัวเป็นนางร้าย ชีวิตเราก็จะเจอแต่ตัวโกง เราก็จะไม่เจอพระเอกในชีวิตจริงซักที
หม่ำ : ชีวิตเอ็มเหมือนหนังเทรลเลอร์ หนังตัวอย่าง เอ็มไม่ทำตัวเป็นนางเอกแล้วเอ็มจะเจอพระเอกได้ยังไง ตอนนี้มันยังไม่ได้เข้าเรื่องอะไร มันแค่ตัวอย่าง ตอนนี้เอ็มเป็นแค่เอ็กซ์ตร้าเมน ชาวบ้าน 1 ชาวบ้าน 2 ไม่ได้เข้าเรื่องก็ไม่ได้เจอพระเอกหรอก
...
แล้วต้องทำตัวยังไง?
หม่ำ : ผมไม่รู้จะบอกยังไง ลูกโตแล้วไง
เอ็ม : อีกอย่างที่เขาพร่ำสอนมาตลอดเลยนะ ก็คือเขาไม่ได้ซีเรียสที่จะอยู่ก่อนแต่งเลยสักนิด เพราะว่าพ่อเองก็ไม่ได้แต่งงานมาก่อน มาอยู่ด้วยกันเลย พ่อมองว่าการอยู่ด้วยกันก่อนแต่งมันถือว่าเป็นบททำสอบที่ดีแล้วค่อยแต่งงาน
หม่ำ : ยุคเวลามันเปลี่ยน แต่งแล้วมีลูกมีเต้าเลิกกันมันก็เยอะ มันสะเทือนใจทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ก็อยู่กันให้ฉ่ำก่อน ให้มันอยู่ด้วยกันจะเห็นธาตุแท้ของผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนนั้นก็จะเห็นธาตุแท้ของผู้หญิงคนนี้
การอยู่ก่อนแต่งยังไงต้องมีในเรื่องของความสัมพันธ์?
หม่ำ : มันชัดเจนอยู่แล้ว เป็นปกติของชีวิตคน มันหนีไม่พ้นหรอก ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ เราไม่ได้ติดตามลูกไปตลอดหรอก แต่ขออย่างเดียว ถ้าคิดว่าผู้ชายคนนี้เขารักเราจริงให้เขามาคุยกับพ่อ
แล้วสอนเรื่องป้องกัน การทำตัว?
หม่ำ : เด็กรุ่นใหม่รู้หมดแล้ว มันรู้เรื่องถุงยาง เรื่องยาคุมแบบเม็ด แบบฉีด มันรู้มากกว่าเราอีก ยังไงมันก็ต้องเกิด ไม่เกิดช้าก็ต้องเกิดเร็ว
แล้วเอ็มแปลกใจไหมทำไมพ่อมีแนวคิดที่ทันสมัยมากเลย?
เอ็ม : ก็เซอร์ไพรส์นะ ในความที่สมัยก่อนของพ่ออยู่ๆ ก็มีความคิดที่สมัยใหม่ บางทีก็ตกใจเหมือนกัน
หม่ำ : แค่เห็นลูกมีสามี มีผัวดีๆ เราก็ดีใจแล้ว
สนิทกันขนาดนี้แต่ล่าสุดทะเลาะกันถึงขั้นเสียน้ำตา?
เอ็ม : เรื่องมันเกิดจากที่เราพาเด็กๆ ไปเที่ยวที่บ้าน ก็แยกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มเด็กที่นั่งกินข้าวเหนียวส้มตำ อีกกรุ๊ปนึงก็จะเป็นกรุ๊ปดื่มดริงก์ ก็จะเป็นเอ็ม พ่อ สามี แล้วก็แม่ ก็นั่งคุยเล่นเรื่อยเปื่อยไป เราก็เริ่มกรึ่ม เราก็คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะระบายความในใจให้พ่อรู้สักนิดนึง เราก็เลยบอกว่า พ่ออย่าอำเอ็มบ่อยได้ไหม
หม่ำ : เรารู้สึกได้เลยว่าลูกโกรธ แต่นิสัยเป็นคนชอบอำ ไม่เหลือใครก็ไม่เหลือ เมียก็ไม่เหลือ นี่ก็ไม่เหลือ แต่อำพวกนี้มันอาจจะไปแทงใจดำลูก เราก็รู้สึกได้แหละ อำเรื่องเงินเรื่องทอง เรื่องความกตัญญู มันไปแทงใจดำเขา เขาก็คิดว่าหนูไม่ดีกับพ่อเลยใช่ไหม เรารู้สึกได้ว่าเขาต้องคิดแบบนั้น แต่เราก็รู้สึกผิดแหละ เทปหลังๆ มาก็จะไม่ค่อยอำเรื่องพวกนี้ละ ไปอำเรื่องอื่นดีกว่า
เอ็ม : ถ่ายยูทูบแล้วเขาชอบอำฟีลกตัญญู อกตัญญู พอมันหลายๆ ครั้งเข้า เราเลยรู้สึกว่าเรายังไม่ดีพอเหรอ สิ่งที่เราทำให้เขา เขายังไม่เห็นอีกเหรอ ทำไมไม่นึกถึงสิ่งดีๆ ที่ทำให้บ้าง ทำไมไม่ยกเรื่องน่ารักๆ ที่เราเคยทำให้มาพูดบ้าง เอ็มก็มองแววตาเขาแล้วแหละว่าเขาน้ำตาคลอเบ้า
หม่ำ : พอเขาร้องไห้ เราก็รู้สึกผิดอีกแล้ว แต่ก็นั่งเงียบไว้ก่อน
เอ็ม : เขาก็พูดว่า ไม่รู้จักนิสัยพ่อได้ยังไง ว่าพ่อเป็นคนขี้อำ ก็บอกว่ารู้ ก็เพราะว่ารู้ไงว่าพ่อเป็นคนนิสัยอย่างนี้
วันนั้นหนักขนาดไหน มีขึ้นเสียงดังไหม?
เอ็ม : ก็มีขึ้นเสียงดังบางช่วง เหมือนเรารู้เขารู้เราแล้ว อีกคนคิดแบบนี้อีกคนคิดอีกอย่าง ก็กลายเป็นเสียน้ำตาด้วยกันทั้งคู่
หม่ำ : เราก็คิดว่าเราหยอกลูก ใครมาแล้วไม่โดนบ้าง ใครทันก็ตีกลับมาก็สนุกกันไป
เห็นว่าคุณแม่มาช่วยประสานรอยร้าว?
เอ็ม : ใช่ค่ะ ตอนแรกเหมือนคุณแม่เข้ามาผสมโรง ด่าพ่อด้วยนะ เรื่องยังไม่รู้เลย (หัวเราะ) ท้ายที่สุดแม่โทรมา ท้ายที่สุดตอนเช้าแม่โทรมาว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หม่ำ : พ่อเป็นคนพูดเอง พ่อเป็นคนบอกให้แม่โทร ว่าถามเอ็มซิว่าโกรธพ่อเรื่องอะไร พ่ออำเล่นแค่หยอกเล่นแค่นี้เอง วันหน้าพ่อจะไม่อำอีกแล้ว เราก็ไม่กล้าโทร มีฟอร์มอยู่
แต่ก็เคลียร์ใจกันเรียบร้อย?
หม่ำ : พ่อกับลูกจะทะเลาะกันได้สักกี่วัน ถ้าต่างคนต่างยอมรับในสิ่งที่ทำลงไปก็แค่นั้นเอง
เอ็ม : แต่พ่อเป็นคนที่เซนซิทีฟมากเลยนะ ร้องไห้ มีน้ำตาคลอด้วยนะ ตอนที่โทรมาคุยกันที่ประสานกันแล้วเรียบร้อย เขาบอกว่าไม่ต้องพูดแล้วเรื่องนี้ พ่อจะร้องไห้ อย่ามาพูดๆ
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม