ทำเอาแฟนๆ ใจหายส่งท้ายปี 2566 เมื่อมีข่าวว่านางเอกสาว เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ เลิกรากับนักธุรกิจหนุ่ม บิ๊ก ธนพนธ์ เบญจรงคกุล มาแล้วสักพัก หลังคบมานาน 4-5 ปี ซึ่งเป็นคู่รักที่หลายคนต่างลุ้นอยากให้ไปถึงประตูวิวาห์ ล่าสุด เชียร์ มาร่วมงานเปิดร้าน “Black Horse in the Castle” ณ ร้าน Black Horse in The Castle ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ชั้น 7 นักข่าวเลยถามถึงเรื่องดังกล่าว
ตอนนี้เราไม่มีคู่?
“ตอนนี้ไม่มีคู่ค่ะ”
เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันยังไง?
“ก็ตัดสินใจด้วยการคุยกันค่ะ ตกลงร่วมกัน จริงๆ จะบอกว่าเป็นการคุยกันครั้งแรกเลยด้วยซ้ำถึงเรื่องความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ แต่ขออนุญาตแก้ข่าวนิดนึงว่าก่อนหน้านี้ที่มีข่าวระหองระแหง คู่รักมาดเท่ อันนั้นไม่มีอะไรนะคะ อันนั้นจริงๆ ความสัมพันธ์ดีมาโดยตลอด ไม่ใช่คู่เรา ถามว่าประเด็นอันฟอลโลว์ ส่วนตัวเชียร์ไม่ใช่คนที่ commit สเตตัสทางการฟอลโลว์กัน เราไม่ได้ฟอลโลว์เขาทางอินสตาแกรมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่จริงๆ เราคอนเน็กทางเฟซบุ๊ก แต่ไม่รู้มันเป็นประเด็นอันฟอลโลว์ได้ยังไง แต่จริงๆ ตอนนั้นไม่มีอะไรนะคะ ความสัมพันธ์ดีมากๆ”
...
มันมีจุดอะไรถึงยุติความสัมพันธ์?
“คือเชียร์ว่ามันถึงจุดนึงที่เหมือนคนเราต้องตรวจสุขภาพว่าเรายังแข็งแรงไหม ข้างในเราโอเคไหม เชียร์รู้สึกว่าความสัมพันธ์ที่ผ่านมา 4-5 ปี มันจะต้องไปอีกสเตปนึงแล้ว ทีนี้เราต้องตรวจสุขภาพของความสัมพันธ์นี้เช่นกัน ว่าเรายังโอเคอยู่หรือเปล่า โอเคจริงๆ ไหม มันเป็นเรื่องคนสองคนจริงๆ ถามว่ามีโรคแทรกซ้อนมั้ย ขอบคุณที่ทำให้ไม่เครียด (ยิ้ม) เชียร์ว่ามีทุกคู่แหละ คือความไม่พอดีแบบนี้ มันก็เจอว่าจริงๆ มีบางจุดที่เราเคยจะก้าวข้ามผ่านมาในความไม่พอดีบางอย่าง แต่ ณ วันนี้บางสิ่งที่เราปรับตัวมาแล้ว แต่พอเรารู้สึกว่าการปรับมาแล้วในบางอย่าง พอมันยังไม่พอดีกันจริงๆ มันเหมือนเป็นจุดเล็กๆ ที่มันค่อยๆ สะสม เชียร์กับบิ๊กเองไม่ใช่คู่ที่มีอะไรทะเลาะจุกจิก”
คนเริ่มพูดก่อนคือเราใช่ไหม?
“คนเริ่มพูดก่อนคือเชียร์ แต่มันเป็นการชวนคุยนะคะ ว่าเรามาดูกันหน่อยมั้ยว่าเราเป็นยังไงบ้าง ก็ตัดชึบตั้งแต่วันนั้นเลย เป็นการตกลงร่วมกันค่ะว่าเราจะยังไงต่อดี คำตอบที่เราค้นพบทั้งคู่คือการเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”
ระหว่างนั้นเราเยียวยาให้กันไหม?
“ที่ผ่านมาอย่างที่เชียร์บอกมันไม่ได้มีปัญหาอะไรกระทบกันชัดเจน มันเหมือนความสัมพันธ์ดำเนินมาเรื่อยๆ ตลอด แต่มีบางอย่างที่พอเรามีสิ่งที่ต้องโฟกัสทั้งคู่ บางอย่างเราก็ไม่อยากจะเอาเป็นความหนักใจให้อีกฝ่าย บางอย่างเขาก็ไม่อยากให้เราไม่สบายใจ บางข้อเราไม่ได้คุยกันแล้วเก็บไว้กับเราทั้งคู่ค่ะ มันเลยจากไม่เป็นไร จริงๆ มันเป็นอะไรนี่หว่า”
เป้าหมายไม่ตรงกัน?
“มันไม่เชิงนะคะ เป้าหมายที่เชียร์บอกเนี่ยเราเคยมองชีวิตคู่ด้วยกันอยู่แล้ว แต่วันนี้ความสัมพันธ์ที่เดินมา พอเรามองย้อนกลับไป บางจุดพอมันไม่ได้ผ่านการพูดออกไปแล้วมันเก็บไว้ รู้ตัวอีกที ความสัมพันธ์มันลดลงในความรู้สึก แต่มันไม่ใช่เรื่องอะไรรุนแรงเลยนะคะ มันเป็นความเข้าใจของเราทั้งคู่”
วันนั้นที่คุยกันได้เคลียร์ใจไหม?
“ก็ได้คุยค่ะ เรามาจากการเป็นเพื่อนกันมาก่อน การคุยกันครั้งนี้เชียร์บอกเขาว่าคุยด้วยความรักนะ เรายังรักกันอยู่ แต่แค่วันนี้ถ้าความรักนี้มันเดินไปในแบบชีวิตคู่อีกแบบนึงไม่ได้ มันก็อาจจะต้องกลับมารักกันแบบเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”
เสียใจไหม เพราะเราเป็นคนบอกเลิก?
“จริงๆ ไม่ใช่ใครบอกเลิกใครค่ะ พอคุยกัน หยิบทุกอย่างมาถกกัน แล้วมันเป็นสิ่งที่เราตกลงด้วยกันมากกว่า”
...
ยังคุยกันไหม?
“ยังคุยกันค่ะ เรายังมีความเป็นเพื่อนเต็มที่มากๆ เลย เชียร์ยังบอกเขาว่าวันนี้เชียร์รักเขาไปแล้ว ยังไงเขาก็เป็นคนที่เชียร์รักอยู่ดี แต่แค่ว่ามันไม่ได้เป็นในรูปแบบที่เราเดินกันมาแค่นั้น”
เป็นเรื่องของการแต่งงานไหม?
“อันนั้นไม่ใช่ประเด็นหลักค่ะ มันเป็นประเด็นที่เรากังวลมากกว่า เรากังวลว่าเรายังไม่ได้ตรวจสุขภาพ เช็กอัปกันว่าความสัมพันธ์เราโอเคกันไหมจริงๆ ถ้ามันขยับเป็นอีกสเตปนึงของชีวิตล่ะ แล้วถ้ามันมีปัญหาในตอนนั้น มันเลยเป็นที่มาของการชวนคุยในครั้งนี้”
ตอนที่ตรวจสุขภาพ มันมีวิธีเยียวยาที่จะพยายามประคับประคองกัน เพื่อมีเป้าหมายเดียวกันคือการแต่งงาน?
“จริงๆ แล้วถามว่าอาจจะมีบางคู่ที่เป็นแบบนั้นก็ได้ค่ะ แต่กลายเป็นว่าคู่เราเห็นด้วยที่เห็นคำตอบตรงกันเรื่องของการกลับมาเป็นเพื่อนกันมากกว่าค่ะ”
ถ้ายื้อต่อไปอาจเป็นเพื่อนกันไม่ได้?
“สำหรับเชียร์ เชียร์คิดว่ามันคงไม่มีอะไรทำลายสิ่งดีๆ สิ่งที่เราหวังดีค่ะ เรื่องรีบแต่งงานไม่ใช่เป้าหมายของเชียร์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หนึ่งเราเคยคุยกันด้วยซ้ำว่าเราคงไม่ได้อยากมีลูกนะ เรามีระยะเวลาของเรื่องอื่นจำกัด น่าจะเป็นข้อบีบบังคับของเรื่องไทม์ไลน์ แต่ที่จริงเราไม่ได้มีอะไรมาเป็นข้อนั้นค่ะ”
...
หลายคนจับตาตั้งแต่วันเกิดของบิ๊ก ทำให้มีกระแสข่าวลือ?
“คืออย่างที่บอกจริงๆ อาจจะมีกระแสเรามีปัญหากัน แต่ในความเป็นจริงคือ เชียร์กับบิ๊กไม่ได้มีปัญหาในเรื่องความรักอย่างนั้นน่ะค่ะ เราเป็นคู่ที่ใช้คำว่าเรียบง่าย อาจไม่ได้ลงรูปคู่บ่อย แต่ในความเป็นจริง เรามองชีวิตความเป็นจริงอยู่แล้ว”
มองย้อนกลับไปวันที่คุยมันยากมากไหม?
“ยากมากสำหรับเชียร์ ถามว่าตอนนั้นตั้งธงยังไงบ้าง จริงๆ ต้องการคุยเพื่อที่จะมองหาวิธีการปรับในการแก้ปัญหา ไม่ได้คุยเพื่อยุติ แต่สุดท้ายมันกลายเป็นเราเลือกคำตอบที่จะยุติกัน”
วันนี้เราดูแข็งแรงมาก มีโหมดความเสียใจไหม?
“เชียร์เสียดายอยู่แล้วแหละ ความสัมพันธ์ที่เราตั้งใจเดินมาเป็นความสัมพันธ์ที่เราก็มองว่าอยากให้มันไปนานๆ ค่ะ แต่ถามว่าเสียใจไหม ก็คงไม่ใช้คำว่าเสียใจ เพราะยังไงวันนี้เราก็ยังรักเขาอยู่ดี เขาก็ยังรักและหวังดีกับเรา แต่แค่ว่าเราเป็นเพื่อนกัน”
จะมีโอกาสกลับมามองเป้าหมายเดียวกันใหม่ไหม?
“ถ้าพูดตรงๆ อันนั้นตอบไม่ได้จริงๆ ค่ะ เพราะถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่เชียร์เคยมีโอกาสพูดถึง เรามองชีวิตคู่ไหม เรามองนะ แต่เชียร์จะห้อยท้ายว่ามองก็จริง แต่อะไรไม่แน่นอน อะไรจะเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องของอนาคต ณ วันนี้ก็เช่นกัน มันอาจจะชัดเจนว่าเราเลือกที่จะเป็นเพื่อนกันจริงๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นคือวันนี้เราชัดเจนว่าเรายุติความสัมพันธ์ในการเป็นแฟนกัน”
...
ทุกคนก็เตรียมจะไปงานแต่งเราแล้ว?
“จริงๆ ไม่ค่อยชินกับการพูดเรื่องความสัมพันธ์ผ่านสื่อเท่าไร แต่วันนี้เชียร์จำเป็นต้องพูดเพราะว่าไม่อย่างนั้นคนที่รักและหวังดีกับเราทั้งคู่จะถามว่าจะแต่งเมื่อไหร่ ก็เพื่อให้มันชัดเจนด้วย ไม่ให้มีคำถามไปถึงเขาและเรา”
ทั้ง 2 ครอบครัวว่าไงบ้าง?
“ทุกคนก็แล้วแต่การตัดสินใจของเราอยู่แล้วแหละ ทั้งฝั่งครอบครัวเชียร์กับบิ๊ก ซึ่งจริงๆ อย่างที่บอกว่าเชียร์ไม่ได้พูดอะไรเพราะจริงๆ มันตั้งแต่ตุลาคมแล้วด้วยซ้ำ มันเป็นด้วยความเข้าใจจริงๆ เชียร์ถึงบอกว่าเหมือนสถานการณ์ที่ดีในการครั้งนี้ด้วยซ้ำ เชียร์เชื่อว่าเราทั้งคู่ต่างแข็งแรงกันอยู่แล้ว เก็บเป็นเส้นทางดีๆ ที่เราเดินทางกันมา แต่มันไม่ได้หายไป”
ต่อไปวางเป้าหมายชีวิตยังไงบ้าง?
“ตอนนี้ก็คงอยู่กับตัวเองก่อนแล้วกัน ทำงานในสิ่งที่มี เชียร์เชื่อว่าเขาก็คงจะมีเป้าหมายชีวิตของเขาที่ดีเหมือนกัน เราอยู่ในวัยที่ยุ่งทั้งคู่นั่นแหละค่ะ ช่วงนี้ดูแลเรื่องงาน ดูแลตัวเองค่ะ”
ยังให้ความสำคัญกับคู่ชีวิตอยู่ในเรื่องความรัก?
“ก็ถ้ามีหรือไม่มีมันไม่ใช่สิ่งที่เราคาดหวังเลยค่ะ มีก็เป็นเรื่องที่ดี ไม่มีก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เช่นกัน”
หลายคนอยากรู้สาเหตุที่แท้จริง?
“เชียร์ว่ามันคงเป็นเรื่องราวของคนสองคนที่อาจจะไม่ได้มีความพอดีกัน เป็นจิ๊กซอว์ที่ไม่พอดีกันแค่นั้นเองค่ะ แต่ว่าขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ มันไม่มีอะไรที่ไม่ดีเลยในการเลิกรา แต่ว่าเราคงไว้ซึ่งความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”
มีโอกาสรีเทิร์นไหม?
“เอาเป็นว่าในวันนี้อยากให้เคารพในการตัดสินใจของเราทั้งคู่นะคะ ส่วนอนาคตเป็นเรื่องของอนาคต ยังเจอหน้ากันได้ จริงๆ ก็มีทริปที่ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ก็มีความเป็นเพื่อนกันจริงๆ”
ในยูทูบเป็นการบ่งบอกทุกอย่างแล้วใช่ไหม?
“จริงๆ มันมีความหมายซ้อนความหมาย คือที่ยักเอ้ยมันเป็นรายการที่เราไม่ได้ตั้งใจจะทำ แต่เป็นบันทึกความทรงจำในการเดินทางของเราค่ะ วันนี้มันไม่ได้จบแค่ซีซั่น การเดินทางของคำว่าที่ยักเอ้ยในชีวิตจริงมันก็หยุดการเดินทางจริงๆ ไม่มีแล้วค่ะ วันนี้มันก็แค่จบตรงนั้นไป แต่ว่ายูทูบยังไม่ได้ปิดช่องนะคะ (หัวเราะ)”.
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม