หลังจากที่ อาร์ต พศุตม์ เปิดใจว่าเคยถูกเพื่อนนักแสดงอักษรย่อ ก. แทงข้างหลัง และปาดงาน และหลายๆ คนคิดว่าเป็น เกรท วรินทร แต่พระเอกหนุ่มได้ปฏิเสธว่าไม่ใช่ตน
และนักแสดงคนต่อมาที่ถูกสงสัยนั่นก็คือ หมอก้อง สรวิชญ์ นั่นเอง และล่าสุด ได้เจอหมอก้องที่งานแถลงข่าว ก้าวเดินธรรม ก้าวด้วยใจ สร้างอาคารโรงพยาบาล ครั้งที่ 7 จึงได้สอบถามถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวตอบว่า
ขอถามถึงประเด็นคนโยงว่าเป็นเรา?
"คือได้ยินถ้านับย้อนจากวันนี้ก็เดือนนึงแล้ว ตอนแรกที่ฟังผมก็มีความรู้สึกว่าหมายถึงเราหรือเปล่า ผมก็คิดอยู่เพราะว่าเหมือนรายละเอียดที่อาร์ตให้มามันก็เดาได้ไม่กี่คน คราวนี้ผมก็คิดว่าสิ่งที่อาร์ตพูด ถ้าผมจะรู้เรื่องผมรู้อยู่เรื่องเดียวคือ ที่อาร์ตบอกว่าเราพูดเรื่องของเขา ณ ตอนนั้นผมยอมรับว่าพูดเรื่องของเขา ตอนที่เขามีประเด็นออกจากช่อง 3 ก็คุยเรื่องที่อาร์ตออกจากช่อง ทุกคนก็รู้
แล้วเราก็ไม่ได้คุยคนเดียวคือมีคนมาเล่า วันนั้นก็มีนักแสดงอยู่เต็มไปหมดเลย ก็มีคนมาเล่าว่าอาร์ตออกไปแล้ว เราก็อ้าว! อาร์ตออกไปแล้วเหรอ ด้วยความที่ผู้จัดการคนเดียวกัน อาร์ตออกไปแล้ว เราก็คุยตรงนั้น แต่คราวนี้อาร์ตจะรู้จากใครว่าเราพูดว่าอะไร ผมไม่รู้ ส่วนในเรื่องอื่นๆ ของอาร์ตผมไม่รู้เรื่องเลย ผมก็เลยรู้สึกว่า ตกลงใช่หรือไม่ใช่ ถ้าเกิดว่าดูจากรายละเอียดคือผมไม่รู้เรื่อง"
...
เราสนิทกันไหม?
"คือเรามาด้วยกัน มาจากการประกวดด้วยกัน ช่อง 3 หานักแสดงปี 2008 ถึงวันนี้ก็ 15 ปีแล้ว ปีนั้นประกวดไม่เสร็จ ช่องก็เอานักแสดงมาเข้าคลาส มาเรียนการแสดง มาอยู่ด้วยกัน แล้วสุดท้ายก็คัดเลือกมาเหลือพวกเราอยู่ไม่กี่คน ซึ่งปัจจุบันรุ่นเดียวกันเหลืออยู่แค่ 3 คน มันก็มีกันอยู่เท่านี้ครับ"
ยังไม่ได้มีโอกาสคุยหรือยกหูโทรหาเคลียร์กัน?
"เอาจริงๆ แล้วมันง่ายมากเลย การที่จะผิดใจอะไรนะ คือจริงๆ แล้วหมายถึงผมหรือยังไม่รู้นะ เพราะอาร์ตยังไม่บอก ถ้ามีปัญหาอะไรอาร์ตสามารถโทรหาได้เลย ถ้าสงสัย คือเราเพื่อนกันก็โทรหาได้ ถามได้ แล้วก็ไม่ต้องรอมาจนถึงวันนี้ เอาตั้งแต่วันนั้นเลย"
วันนั้นหลังจากคุยเรื่องนั้นเสร็จ ได้คุยกับอาร์ตอีกไหม?
"ไม่ได้คุยครับ อันนี้ผมยอมรับเลยว่าไม่ได้คุย เนื่องจากว่าผมว่าเป็น 10 ปี ที่หมดสัญญาไปไม่ได้คุยเลย ณ ตอนนั้นจำได้ คือมันนานมาก แต่ผมจำได้ว่าเหมือนว่าอาร์ตจะไม่พอใจว่าเราไปพูดเรื่องของเขา เรื่องสัญญานี่แหละว่าหมดสัญญากับช่องหรือยัง ที่ไปเล่น คือตรงนั้นคนเยอะมาก แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเจาะมาที่ผมด้วย"
เขาอาจจะเข้าใจผิด?
"คืออย่างนี้ ผมว่ามันมีบุคคลที่สาม อย่างตัวเขาเองเขาก็พูดถึงว่ามีบุคคลที่สาม ก็นั่นแหละบางทีมันจะต้องเผื่อใจคิดไว้บ้างว่า ถ้าเกิดมันเป็นเรื่องของเรา 2 คน เราก็ควรจะคุยกัน 2 คน อย่าผ่านบุคคลที่สาม หรือถ้าเกิดว่าฟังบุคคลที่สามมาพูดถึงผม หรือผมฟังคนนี้แล้วพูดถึงอาร์ต เรื่องมันเปลี่ยนได้หมดเลย อันนี้คือสิ่งที่มันไม่มีใครผิดทั้งเขาและเรา ถ้าเกิดมันเกิดความเข้าใจผิดเพราะบุคคลที่สาม ยกหูโทรหาเลย"
ณ ตอนนั้นเราพูดถึงอาร์ตในเจตนาไหน?
"ณ ตอนนั้นก็มีการถามกันนี่แหละ ว่าหมดสัญญาแล้วเหรอที่ไปเล่นละคร (ไม่ได้พูดใส่ร้าย?) ผมจะใส่ร้ายอะไร จะใส่ร้ายว่าอะไร มันคือข้อเท็จจริงว่าสัญญา คือตอนนั้นผมก็จะหมดสัญญา ก็มีการถามว่ายังไงอะ แล้วไปเล่นได้เหรอ ต้องรอหมดสัญญาก่อนไหม คือเราเองก็จะหมดสัญญา ด้วยความที่มาพร้อมกันสัญญาก็จะหมดพร้อมๆ กัน แต่ผมต่อสัญญากับช่องไม่ได้ออกมา"
แสดงว่าเราไม่คิดว่าเขาจะเคือง?
"ณ ตอนนั้นมีคนมาบอกว่ามีน้องมีอีกคนนึงอยากให้พูด เพราะมันมีการไปพูดแบบนั้นแบบนี้ ผมก็อ้าว ผมไม่ได้พูดแบบนั้นหนิ"
...
บุคคลที่ 3 เป็นดารา?
"ช่างเขาครับ ไม่อยากจะให้พาดพิงกันเยอะ คือเรื่องนี้มันผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว ปล่อยมันไปเถอะ"
คิดไหมทำไมเรื่องมันถูกจุดขึ้นมาอีก?
"งงไหมล่ะ"
โกรธ?
"เอาจริงๆ เลยนะ อาร์ตกับผม เราอาจจะเป็นเหยื่อด้วยกันทั้งคู่ก็ได้นะอาร์ต คือถ้าอาร์ตรู้ว่าคนๆ นี้ หรือว่าผมโดนอะไรมาบ้างจากคนนี้ อาร์ตอาจจะเห็นใจเราบ้างก็ได้นะ คือเราไม่ค่อยคุยกันเท่านั้นแหละ ถามว่าโกรธไหม คือไม่ได้โกรธที่ออกมาพูดเลย ในเมื่อผมไม่รู้เรื่องจริงๆ ผมจะโกรธทำไม ถ้าถามว่าเดือดร้อนไหม ก็เดือดร้อนไหมแบบนี้ มันก็มี แต่เราก็เข้าใจได้ว่าถ้าเขาเข้าใจว่าเราทำอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้"
ถ้ามีโอกาสได้เจอกันจะเคลียร์ไหม?
"ถามว่าเขาจะเคลียร์กับผมไหม ผมไม่มีอะไร อาร์ตบอกว่าผมอาจแทงข้างหลังหรือปาดงาน ผมเนี่ยนะจะปาดใครได้ (หัวเราะ) ผมก็ไม่เข้าใจ"
เรื่องการต่อสัญญา?
"กับทางช่อง 3 ไม่เกี่ยวเลย ช่อง 3 ไม่มีไม่ต่อสัญญาใครอยู่แล้วพอถึงเวลา ด้วยความที่เราคือลูกหม้อที่มากับช่อง ช่องดูแลนักแสดงทุกคนดีมากนะ จริงๆ"
...
ก้องไม่ได้ติดใจอาร์ต แต่ติดใจบุคคลที่ 3 ที่เอาไปพูดต่อ?
คือตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว ที่ผมไม่ออกมาพูดผมมีความรู้สึกว่า ในเมื่อเขาไม่ได้อยู่แล้ว เราก็ไม่ต้องไปพูดถึงเขาไหม คิดว่าก็ปล่อยให้มันเงียบไปเถอะ แล้วถ้าวันนึง…วงการจะบอกว่ากว้างก็กว้าง จะบอกว่าแคบก็แคบ ถ้าวันนึงถ้าได้มาเจอกัน มันก็อาจจะคุยกันได้ เราเป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาเป็นเดือน ที่อยู่กันถึงทุกวันนี้ในรุ่นนั้นก็เหลือกัน 3 คน ก็มีกันอยู่แค่นี้ ก็จบเถอะ จบคืออย่าคิดมาก จริงๆ"
พอได้พูดแล้วสบายใจขึ้น?
"มันคือความเข้าใจผิด คือผมไม่รู้เรื่องจริงๆ ในสิ่งที่เขาบอกมาในหลายๆ อย่าง ถ้าเป็นคนทั่วไปเขาอาจจะบอกว่าเขาไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องเลยไหม อย่างเรื่องติดต่องาน ใครติดต่อมา เราต้องรู้เรื่องไหมว่าเขาติดต่อใครมาก่อน เราต้องรู้ไหม มันก็ไม่ใช่เนอะ แต่ฝั่งนั้นเขาได้ยินอะไรมาบ้างผมก็ไม่รู้ จะไปโกรธเขาก็ไม่ถูก ก็ถือเสียว่าเป็นกรรมที่เราสองคนต้องมาเจอ (หัวเราะ)"
เจอกันก็ยังคุยกันได้?
"ก็เพื่อนกัน ผมว่าถ้ามันจะเคืองใจกันมันก็อาจจะมีงอนๆ นิดนึง แต่สุดท้ายมันก็คือเพื่อนกัน"
จะมียกหูเคลียร์?
"โห…มันผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว จะยกทำไมไม่ยกตั้งแต่ตอนนั้น".
ติดตามไทยรัฐบันเทิงได้ที่ thairath.co.th/entertain
...