อดีตนางงามร้อยเวที น้ำฝน เพชรปวีณ์ หิรัญกุลชัชวาล Mrs. Thailand 2022 เข้าร้องทุกข์กับเพจสายไหมต้องรอด หลังมีลูกกับอดีตแฟนไฮโซตระกูลเจ้าสัวระดับประเทศ แต่ฝ่ายชายไม่ยอมรับจดทะเบียนลูกให้ถูกต้องตามกฎหมาย แถมยังถูกฝ่ายชายทำร้ายร่างกาย ล่าสุด น้ำฝน เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวทั้งน้ำตา ณ สายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38
วันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
น้ำฝน : เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นผลในรูปคดีค่ะ คือน้ำฝนได้ฟ้องเขาตั้งแต่คดีแรกแล้ว อันนี้คือคดีที่ 2 ที่ลูกเขียนคำร้อง เพราะไม่อย่างนั้นเป็นการฟ้องซ้ำค่ะ คดีแรกคือเป็นคดีฟ้องเพื่อให้เขารับผิดชอบลูกให้เป็นลูกตามกฎหมายเหมือนกัน แต่คดีนั้นที่จบไปอาจจะเป็นเพราะผิดพลาดทั้งเรื่องของกระบวนการ หรือเป็นตัวฝนเองที่ตัดสินใจผิดพลาดไป จนทำให้เรื่องนั้นจบไปด้วยการเหมือนเขาแค่รับผิดชอบด้วยคำว่าเยียวยาค่ะ คำพิพากษาออกไปแล้วค่ะ อันนี้คือหนึ่งคดีที่ฝนฟ้องเขา
แต่คดีล่าสุดหลังฝนยุติความสัมพันธ์กับเขา เลิกติดต่อเขา เหมือนเราตัดขาดกันไปเลยค่ะ ลูกก็เข้าใจว่าพ่อไม่มีแล้ว ช่วงนั้นเป็นช่วงโควิดด้วย เราไม่สามารถเจอใครได้เลย ก็เลยบอกลูกไปว่าพ่อทำงานที่ต่างประเทศ ไม่สามารถมาเจอได้ เขาก็ถามว่าหลังโควิดจะได้เจอไหม เราก็ไม่ได้จะใฝ่หาว่าจะได้เจอเขา เพราะเราตัดขาดกันไปแล้ว หลังโควิดพ่อของเขาเป็นคนติดต่อเข้ามาเองเพื่อขอมาเจอลูก เราก็โอเค สิ่งที่เขาทำกับเรานั้น เราคิดว่าน่าจะจบกันไปแล้ว แต่ว่าเขาขออยากเจอลูก เราก็สงสารเขา เห็นเป็นพ่อลูกกัน ก็เลยถามลูกว่าอยากเจอพ่อหรือเปล่า ถ้าไม่ต้องการเจอแล้ว เราก็จะไม่ให้เจอและจบกันไปแล้ว
...
แต่เมื่อลูกบอกว่าเจอก็ได้ อยากจะเจอว่าหน้าตาเขาเป็นแบบไหน เขาก็นัดเจอค่ะ ก็เจอครั้งแรกที่เดอะคริสตัลตอนลูกกำลังไปโรงเรียน บอกให้ลูกลาครึ่งวันเพื่อมาเจอเขาเมื่อปี 2565 เขาก็น้ำตาคลอ อยากกลับมาดูแล ก่อนหน้านั้นเขาก็โทรมาถามและต่อสายคุยกับลูกค่ะว่าอยากได้อะไร ลูกก็ไม่ได้อยากได้อะไร ตอนเจอครั้งแรกเขาเอาของขวัญมาให้ลูก หลังจากนั้นเขาก็ขอนัดเจอลูกเจอเราอีก ไปทานข้าว ทำเหมือนเป็นครอบครัวกันจริงๆ ทำให้เรารู้สึกดี ลูกรู้สึกโอเคว่ามีพ่อแล้ว
แล้วเขาพูดถึงเรื่องการใช้ชีวิตกับเราไหม?
น้ำฝน : ก็พูดถึงค่ะ เขาถึงชวนเราไปอยู่ที่เชียงใหม่ ก็ไปอยู่มา 1 เทอม ก็เกือบปีค่ะ ไปใช้ชีวิตแบบครอบครัว เขาก็ไปๆ มาๆ
ตอนไปอยู่เชียงใหม่ เกิดปัญหาอะไรขึ้น?
น้ำฝน : บางครั้งก็มีทะเลาะกันบ้าง เพราะเราไม่เคยใช้ชีวิตด้วยกัน แต่ไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันทุกวันนะคะ คือเราเคยอยู่ด้วยกัน แต่ช่วงหลังเขาไปๆ มาๆ มากกว่าเพราะมีธุรกิจที่ต่างจังหวัด ส่วนที่เขาอยากให้ลูกไปอยู่เชียงใหม่เพราะว่าให้ไปอยู่ใกล้เขา ตอนแรกจะขอลูกไปเอง แต่เราไม่ให้ เราก็ย้ายไปทั้งแม่และลูกค่ะ ถามว่าส่วนมากทะเลาะกันเรื่องอะไร ทะเลาะกันเรื่องความไม่เข้าใจ เขาเป็นคนชอบหึงหวง ชอบดูโทรศัพท์ และล่าสุดที่ทะเลาะกันคือขอให้เขาตรวจดีเอ็นเอ อันนี้คือสาเหตุหลักเลยค่ะ (ถึงขั้นลงไม้ลงมือ?) ใช่ค่ะ
แสดงว่าเรื่องเขาทำร้ายร่างกายเกิดจากเรื่องขอตรวจดีเอ็นเอ?
น้ำฝน : ใช่ค่ะ (แล้ววันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น?) เราคุยเรื่องการขอตรวจดีเอ็นเอ แล้วเขาพยายามทำตามที่เราขอ เราหาสถานที่ทั้งเอกชนและรัฐบาลที่สามารถตรวจดีเอ็นเอได้ เขาก็โอเคลิสต์มานะ เราก็ส่งให้เขา เขาก็โยกโย้ บอกว่าไปตรวจที่กรุงเทพฯ แล้วกัน ก็บ่ายเบี่ยง ก็ถามว่าหรือไปตรวจที่เชียงใหม่ เขาก็ไม่โอเค ไม่น่าจะมีผลแน่นอน ไม่น่าเชื่อถือ เราก็บอกว่าที่ มช. ก็มีนะ เขาก็เออๆ เราก็บอกว่าพรุ่งนี้เลยไหม เขาก็บอกว่ายังไม่ได้ เราก็ถามว่าเมื่อไหร่จะได้
ก็ทะเลาะกันหนักขึ้น เราก็ขอเป็นลายลักษณ์อักษรเลยได้ไหม ก็เอากระดาษกับปากกาให้เขาเซ็น เขาก็ถามว่าทำไมต้องเซ็น จะไปก็คือไป อย่ามาทำแบบนี้ เราก็อ้าว ถ้าไม่มีหลักฐาน แล้วเมื่อไหร่คุณจะไปสักที เมื่อไหร่คุณจะทำให้สักที สิ่งที่เขาโมโหก็คือว่าเราบอกโอเค งั้นขออัดเสียงแล้วกัน ก็อัดเสียงลงไป เขาไม่รู้ว่าเราอัดหรือไม่จริง พอเขามาเห็นว่าเรากำลังอัดก็เลยโมโหขึ้นมา ก็เลยทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน ที่ห้องไม่มีกล้องวงจรปิดค่ะ ก็เลยต้องวิ่งลงมาข้างล่าง ตอนนั้นลูกอยู่ในห้องด้วย ก็กลัวลูกจะเห็น เหตุการณ์นี้เกิดช่วงปี 2566 ปลายปีค่ะ เกิดขึ้นที่คอนโดฯ เชียงใหม่ที่เขาเช่าให้
เราต้องการให้ฝ่ายชายเซ็นรับรองบุตร?
น้ำฝน : ใช่ค่ะ แค่นั้นเอง แล้วเขาก็บอกว่ายอมที่จะทำให้ แต่เขาก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด เขาไม่ได้ให้เหตุผลค่ะ เขาบอกว่าเดี๋ยวจะไปให้ ก็ยื้อมาถึงตอนนี้ค่ะ ตอนนี้คืออยู่เฉยๆ เขาก็เลิกยุ่งกับลูกไปเลย ไม่ติดต่อ ไม่มาหาลูก ก็ไม่อยากจะทำให้แล้ว ก็เป็นเหมือนเดิมเหมือนครั้งก่อน เราก็บอกว่าที่จริงหมดเวรหมดกรรมไปแล้ว แล้วมายุ่งกับลูกทำไมถ้าเกิดจะเป็นแบบนี้ ไม่สงสารลูกเลยเหรอ ไม่ใจร้ายเกินไปเหรอ คือตัวฝนเองไม่ต้องการจะมาประกอบครอบครัวกับเขาอีก เราแค่สงสารลูก
...
ในส่วนการยื่นข้อเสนอตรวจดีเอ็นเอ ฝ่ายชายเป็นคนยื่นมาใช่ไหม?
น้ำฝน : ฝ่ายชายไม่ยื่นค่ะ เราเป็นคนเรียกให้เขาตรวจค่ะ
เรื่องทำร้ายร่างกายเป็นครั้งแรก หรือก่อนหน้านี้มีมาตลอด?
น้ำฝน : ก่อนหน้านั้นมีค่ะ คือฝนเป็นผู้หญิงเพศแม่ ฝนต่อต้านความรุนแรงในครอบครัวมาตลอด ฝนตั้งโครงการแม่เลี้ยงเดี่ยว ฝนสนับสนุนองค์กรสตรีและเด็กที่ต่อต้านความรุนแรงในครอบครัว แต่ฝนกลับมาเจอเอง ฝนบอกเขาว่าทำอะไรก็ได้ ทะเลาะกันอย่าให้ลูกเห็น แต่เขาทำครั้งแรกลูกก็เห็น ครั้งที่สองลูกก็เห็น เราก็โอเค สิ่งที่เขาทำเนี่ย ไม่รู้เขาคิดอะไรอยู่ อย่างที่บอกที่เขาทำไม่ใช่ครั้งแรก แล้วฝนบอกเขาเองว่าถ้าเกิน 3 ครั้ง ฝนไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยแล้วนะ เพราะถ้ามีครั้งที่ 1 2 3 มันจะมีไม่จบ และทุกครั้งที่ทะเลาะกันคือลูกเห็นตลอด ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร
เขาไม่ติดต่อลูกตั้งแต่เมื่อไหร่?
น้ำฝน : เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้วค่ะ
ในวันเกิดเหตุ มีการขอความช่วยเหลือจากป้อมยาม รปภ. ไหม?
...
น้ำฝน : ใช่ๆ ค่ะ ทาง รปภ. ช่วยดูเฉยๆ เพราะเขากลัวว่าเป็นลูกบ้าน ก็ถามเหตุผลว่าทำไมพี่ไม่ช่วยหนูเลย ถ้าหนูตายไปพี่จะช่วยไหม หรือพี่จะทำอะไรให้สักอย่างไหม จนต้องตะโกนร้องขอว่าโทรเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้ เพราะเราไม่มีโทรศัพท์เลย เราก็วิ่งไปที่ รปภ. ตอนนั้นถามว่ามีใครช่วยเหลือไหม ก็ไม่มีค่ะ จนฝนต้องเอาโทรศัพท์ รปภ. มากด 191 เอง วันนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาค่ะแต่ช้ามาก เขาไปแล้วค่ะ
เราได้แจ้งความหลังเกิดเหตุไหม?
น้ำฝน : ใช่ค่ะ หลังจากวันนั้นเลย ถามว่าคดีคืบหน้าไหม เขาเรียกผู้ชายคนนั้นไหม เรียกแล้วค่ะ ทนายไป ก็แจ้งความแล้วก็พิสูจน์หลักฐานในรอยฟกช้ำตามตัวที่ รพ. เรียบร้อยแล้วค่ะ คดีนี้อยู่ในขั้นตอนของศาลแล้วค่ะ อยู่ในชั้นไกล่เกลี่ย
เรื่องเอกสารการรับรองบุตร เราต้องไปสู้ในชั้นศาลเยาวชน?
น้ำฝน : ต้องการให้เขามาตรวจดีเอ็นเอ พิสูจน์ว่าเขาเป็นพ่อจริงๆ ค่ะ (เพื่อให้มาช่วยค่าใช้จ่ายต่างๆ?) ใช่ค่ะ อย่างที่บอกค่ะ คือตอนที่เขามาเป็นพ่อ เขาก็ดีกับลูกนะคะ ดีจนน่าใจหายเลย วันที่เขามาพบค่ะ
...
ขอทราบเรื่องค่าใช้จ่ายที่เราจะเรียก?
น้ำฝน : ไม่ขอพูดตอนนี้ค่ะ เพราะคดีนี้เป็นคดีของเด็กแล้วค่ะ คดีของฝนจบไปแล้ว
นุ๊ก ทนายความ : สำหรับเรื่องนี้นุ๊กขอสรุปเป็น 2 ประเด็นนะคะ เรื่องแรกเป็นประเด็นการทำร้ายร่างกาย ตอนนี้มีการแจ้งความดำเนินคดี ทำการยื่นฟ้องไปแล้ว อยู่ในชั้นไกล่เกลี่ยของศาล มีการเจรจาไกล่เกลี่ยไปครั้งแรก อันนั้นเป็นเรื่องกระบวนการของศาลไป ส่วนเรื่องที่ 2 เรื่องร้องขอให้มีการพิสูจน์ดีเอ็นเอ ทางคุณฝนได้ดำเนินการไปตามขั้นตอน อันดับแรกคือการยื่นคำร้องขอให้มีการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ขั้นถัดไปคุณฝนต้องให้ศาลระบุในการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอว่าจะให้ตรวจใครบ้าง
ส่วนข้อที่ 3 คืออันนี้ศาลต้องระบุให้ชัดเจนว่าเมื่อศาลมีคำสั่งให้มีการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอตามคำร้องแล้ว ปรากฏว่าคู่ความของเราไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล คือไม่ยอมตรวจดีเอ็นเอ อันนั้นคือให้ศาลบันทึกไว้นะคะว่าเขาไม่ยอมทำ ถ้าเกิดว่าทำครบตามหลักเกณฑ์ตามที่ทนายพูดมา คุณฝนก็จะได้รับประโยชน์ตามกฎหมายในข้อสันนิษฐานตามกฎหมาย ที่ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่พูดมามันอาจจะเป็นไปตามที่เรากล่าวอ้างไป
จริงๆ เรื่องทั้งหมดอาจจะไม่ต้องใช้ในเรื่องของศาล เรื่องของกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องก็ได้ ถ้าเกิดว่าคู่ความสามารถคุยกันได้ นึกถึงเรื่องมนุษยธรรม ความรับผิดชอบ เด็กเกิดจากความรักของคุณพ่อคุณแม่ที่มีอยู่ ณ ตอนนั้น แต่ถ้าเกิดปัจจุบันนี้คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้รักกันแล้ว ไม่มีความสัมพันธ์แล้ว ก็ไม่อยากให้มีผลกระทบไปถึงเด็ก ยังไงชีวิตเด็กคนนี้ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันต่อไป ก็อยากขอเป็นกำลังใจให้คุณฝนสู้กับเรื่องนี้
เรื่องสถานะของเขาตอนนั้นคือโสดไหม?
น้ำฝน : ปัจจุบันนี้ก็ไม่รู้ค่ะ แต่ว่าเขากลับมาดูแลลูกแค่นั้น ส่วนเรื่องเขามีครอบครัวหรือไม่มี คือก่อนหน้านั้นเราไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของครอบครัวเขาเป็นยังไง ไม่แน่ใจ เราไม่เคยยุ่งเกี่ยว ไม่เคยเสาะหาว่าเขาจะมีหรือไม่มี แต่ตอนที่คบกันยืนยันว่าเขาคบเราคนเดียว แต่ตอนนี้เขาขาดการติดต่อไปแล้วตั้งแต่ พ.ย. ก็เกือบครึ่งปีแล้วมั้งคะ ค่าใช้จ่ายต่างๆ เราก็ออกเองค่ะ
ค่าใช้จ่ายต่างๆ ตลอดระยะเวลาที่เขาไม่ติดต่อมามีอะไรบ้าง?
น้ำฝน : ก็มีค่าเทอมลูกที่ต้องย้ายมาโรงเรียนใหม่ ค่าแป๊ะเจี๊ยะใหม่ ซึ่งทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าการที่ลูกย้ายไปย้ายมามันมีค่าธรรมเนียมเยอะ (ตั้งแต่ พ.ย. เขาไม่มาช่วยค่าใช้จ่ายเรื่องลูกเลย?) ใช่ค่ะ ตั้งแต่ค่าเทอม 2 ที่โรงเรียนที่เชียงใหม่แล้วค่ะ ก็บอกเขาไปแล้ว
มีความในใจอยากบอกอะไรเขาไหม?
น้ำฝน : ก็แค่อยากให้เขากลับมารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองได้พูดไว้ ได้ทำไว้ในเรื่องของลูกค่ะ การให้ความรักกับลูก ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่า เหมือนเขาไม่ได้ใกล้ชิดกันมั้งคะ เวลาเขาเจอลูกช่วงแรกเขาก็บอกว่าสงสารในสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมด แต่ก็ไม่รู้ว่าเขามีอะไรในใจหรือปัญหาทางไหน เขาเป็นคนโลเล เวลาที่อยู่กับลูก เขารักลูกมาก แต่เวลาที่เขาออกห่างไปแล้ว เขาก็ตัดเยื่อใยไปเลย แม้กระทั่ง 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ลูกทำโปสต์การ์ดวันพ่อ แล้วส่งคลิปไปให้ เขาอ่านแต่ไม่ตอบกลับอะไร (เสียงเครือ) จนลูกต้องมาถามว่าทำไม พ่อไม่รักเขาแล้วเหรอ
ก็เลยนึกในใจ สิ่งที่อยากรู้ความในใจว่าพ่อจะกลับมาทำไม พ่อหายไปตั้งแต่ 5-6 ปีที่แล้ว เราเหมือนตัดเวรตัดกรรมไปแล้ว พอเขากลับมาเราก็เชื่อว่าเขาตั้งใจกลับมาหาลูก เชื่อว่าเขาเป็นพ่อที่ดีของลูก เราเลยให้โอกาสเขา แล้วมาถึงวันนี้ ฝนไม่อยากกลับไปมีเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว เพียงแต่ว่าจิตใจลูกค่ะ (ร้องไห้) ลูกจะถูกถามที่โรงเรียนเสมอว่าพ่อมีมั้ย แล้วเขาก็ตอบแบบเข้มแข็งว่าพ่อไม่มี มีแต่แม่ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย แม่เล่นเตะบอลกับเขาได้
แต่เขากลับมาทำให้ลูกรู้สึกว่าพ่อจะกลับมาทำไม ฝนไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไรกับเขา แต่ให้สิทธิ์ของลูก ถ้าเขาไม่กลับมาล่าสุด ก็อย่ากลับมาเลย เราตัดเขาไปแล้ว แต่เขากลับมาแล้วทำให้ลูกเป็นแบบนี้ ฝนแค่รู้สึกว่าฝนแคร์ลูกมากกว่า ฝนไม่รู้ว่าในอนาคตลูกจะคิดยังไงนะคะ แต่อยากให้พี่ๆ ช่วยดูแลและปกป้องลูกด้วยค่ะ (ร้องไห้)
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม